ถ้าจะถามว่าเกมอินดี้มัลติเพลเยอร์ที่มาแรงมาก ๆ ในช่วงนี้ ‘Risk of Rain 2’ น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่ถูกพูดถึง ด้วยตัวเกมภาคแรกที่ประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์ รวมถึงรายได้ที่มากเกินคำว่า ‘อินดี้’ ไปเยอะ ทำให้ชื่อนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีแม้จะปรับเปลี่ยนตัวเกมให้แตกต่างจากภาคแรกไปมากก็ตาม
ด้วยกระแสที่มากมายขนาดนี้ แถมยังไม่มีใครหยิบมารีวิวเลย (น่าจะเป็นเพราะตัวเกมอยู่ในช่วง Early Access) งานนี้ GamingDose ขออาสา หยิบเจ้าเกมนี้มารีวิว จะเด็ดขนาดไหนไปอ่านกันเลยจ้า
**ตัวเกมยังอยู่ในช่วง Early Access ฉะนั้นทุกอย่างในเกม และรีวิวนี้ยังถูกปรับเปลี่ยนได้เสมอ
Story – หนีเรือแตก มาเจอปีศาจ
เนื้อหาของ Risk of Rain 2 ใช้พล็อตเดียวกับภาคแรก คือตัวเราเป็นลูกเรือโดยสารของยาน UES Contact Light ยานลำเลียงสิ่งของผ่านอวกาศ ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ยานก็ไปชนกับอะไรไม่ทราบ ทำให้ตัวยานระเบิด ส่วนตัวเราที่เข้าไปในยานฉุกเฉินทัน ก็ถูกผลักมาลงจอดที่ดาวปริศนาอะไรไม่รู้ที่เต็มไปด้วยซากอารยธรรมปริศนามากมาย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยปีศาจที่พร้อมจะฆ่าคุณทุกเมื่อ
จุดนี้พูดกันตรง ๆ ว่าถ้าคุณเป็นผู้เล่น Risk of Rain และเกมแนว rogue-lite อยู่แล้ว คุณจะทราบดีว่าเนื้อเรื่องไม่ใช่ส่วนประกอบหลักของเกมนี้ ส่วนประกอบของมันคือระบบการเล่นล้วน ๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปแคร์อะไรในส่วนนี้มาก วางมันทิ้งไว้แล้วสนุกกับเกมเพลย์ดีกว่า
Presentations – สไตล์เปลี่ยน แต่เอกลักษณ์ไม่เปลี่ยน
ในภาคนี้ Risk of Rain ได้เปลี่ยนตัวเองกลายให้เป็น 3D rogue-lite อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้การควบคุม รูปร่างตัวละคร แผนที่ และสไตล์การเล่นเปลี่ยนไปเกือบทั้งหมด แต่ยังดีที่ตัวเกมยังคงสไตล์เดิม ๆ ด้วยการใช้ตัวละคร และศัตรูจากภาคแรกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้เล่นที่คุ้นเคยกับภาคแรกน่าจะเล่นได้โดยไม่ต้องฝึกซ้อมอะไรใหม่
ในเกมจะมีตัวละครให้คุณเลือกเล่นอยู่ทั้งหมด 6 ตัวละคร (ณ ตอนนี้) โดยในตอนแรกคุณจะถูกบังคับให้ใช้เพียง Commando เท่านั้น แต่หลังจากที่คุณปลดล็อกเงื่อนไขบางอย่างได้แล้ว ตัวละครที่เหลือจะโผล่มาให้คุณเล่นแทน ซึ่งแต่ละตัวละครไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนักในแง่ประสิทธิภาพ แต่จะแตกต่างกันมาก ๆ ในแง่เกมเพลย์ ยกตัวอย่างเช่น Commando จะเป็นตัวละครสไตล์พื้นฐาน คือเน้นยิง กลิ้งหลบ แค่เล็งให้แม่นก็จบ ต่างจากตัวละครอื่น ๆ เช่น MUL-T ที่ต้องสลับอาวุธให้ตรงกับสถานการณ์ที่กำลังพบเจอ หรือ Mercenary ที่ตัวละครเน้นคลุกวงใน เป็นต้น
กราฟิกของ Risk of Rain 2 จะเป็นสไตล์ Cell Shade ที่ปั้นมาให้มองง่ายโดยเฉพาะ สิ่งที่เน้นเป็นสิ่งสำคัญคือความฉูดฉาดของตัวแผนที่ ซึ่งในช่วงแรกเราอาจคิดว่ามันสวยงามดี แต่พอเข้าสู่ความยากระดับท้าย ๆ ตัวกราฟิกจะเริ่มมีปัญหา คุณจะเริ่มมองไม่ออกว่าอันไหนศัตรู อันไหนเพื่อน อันนี้คือไอเท็มไหม อันนี้ใช่กระสุนของศัตรูหรือเปล่า ในบางครั้งความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ตัวละครของคุณตาย เพราะไม่เห็นอันตรายที่อยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว
สิ่งที่น่ารำคาญเรื่องเดียวสำหรับการนำเสนอ คงเป็นจำนวนแผนที่ที่ยังซ้ำซากอยู่ในตอนนี้ แต่คาดว่าน่าจะได้รับการอัพเดตในภายหลัง จึงไม่ถือเป็นข้อเสียอะไรมาก
Gameplay – Rogue Lite ไม่มีลิมิต
Risk of Rain 2 ยังคงมีความเป็น rogue-lite ในเกมอย่างเต็มเปี่ยม เกมจะส่งคุณเข้าไปในแผนที่โดยที่คุณไม่รู้อะไรเลย ทำให้ชั่วโมงแรกของคุณคือชั่วโมงแห่งการเรียนรู้ ยิ่งถ้าคุณกดเล่น Multiplayer โดยไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน คุณจะถูกคนอื่นสังเกตได้ทันทีเลยว่าไม่มีประสบการณ์ในการเล่น ถ้าพบกับคนที่ดี ช่วยแนะนำในการเล่นก็รอดไป แต่ถ้าไปพบกับบุคคลประเภทจริงจังเกมมิ่ง คุณจะถูกต่อว่าหนักมาก ๆ หากทำให้ Flow ของเกมเสีย
ภารกิจของคุณในเกมไม่มีอะไรมาก คือทำยังไงก็ได้ให้แท่น Teleport ในพื้นที่นั้น ๆ ใช้งานได้ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น คุณจำเป็นจะต้องทำให้ตัวของคุณ (รวมถึงทีมของคุณ) เก่งจนสามารถเผชิญกับบอสได้ก่อน ส่วนวิธีที่จะทำให้คุณเก่งจนสามารถสู้บอสได้ คือการฟาร์มมอนสเตอร์แถวนั้นไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บเงินและค่าประสบการณ์ เงินใช้เพื่อเปิดกล่องตามแผนที่เพื่อรับ ‘ไอเท็ม’ เสริมความสามารถพิเศษของตัวละคร ส่วนค่าประสบการณ์ใช้เพื่อเพิ่มเลเวลของตัวละคร
หลังจากที่คุณและเพื่อน ๆ ของคุณพร้อมแล้ว การเปิดแท่น Teleport จะทำให้บอสให้พื้นที่นั้น ๆ วาร์ปมาหาคุณทันที พร้อมลูกน้องอีกเป็นโขยง หน้าที่ของคุณคือการกำจัดบอส และยืนในพื้นที่เทเลพอร์ตจนกว่าตัวแท่นจะมีพลังงานครบ 100% หลังจากนั้นคุณจะสามารถเทเลพอร์ตไปดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ แต่เมื่อคุณเทเลพอร์ตแล้ว คุณจะพบว่าดาวเคราะห์ดวงใหม่ก็เป็นดาวเคราะห์อันตรายอยู่ดี…
เรื่องที่ต้องแก้ไขในด้านเกมเพลย์มีอยู่นิดหน่อย ตรงระบบ Loot ที่สร้างมาให้คุณ ‘แข่งกัน’ มากกว่าจะร่วมมือกัน เนื่องจากกล่องไอเท็มในเกมมีจำนวนจำกัด แถมคุณต้องแย่งไอเท็มกันอีก ทำให้บางครั้งหากคุณไปพบเจอกับผู้เล่นที่โลภมาก เน้นเก็บของอย่างเดียว คุณอาจจะต้องทำสงครามประสาทกับเขาเล็กน้อยถึงปานกลาง
Performance – ขวัญใจสายสเปกต่ำ
ในด้านประสิทธิภาพของ Risk of Rain 2 ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะเกมเป็นเกมอินดี้ ฉะนั้นมันไม่ได้กินเครื่องอะไรมากมายอยู่แล้ว ส่วนตัวผู้เขียนใช้ GTX 1050 Ti (เครื่องออฟฟิศ) พบว่าสามารถเล่นเกมนี้ได้แบบลื่นไหลสบายหายห่วงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะโดนเอฟเฟกต์ถล่มเข้ามามากมายแค่ไหน ถล่มเข้ามามากเท่าใด ก็ยังไม่มีอาการอะไรที่บ่งบอกเลยว่าไม่ไหว ยังคงวิ่งเกิน 60FPS อยู่ตลอดเวลา
แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีสิ่งที่น่ารำคาญ แม้ว่า Risk of Rain 2 จะทำได้ดีมากในแง่ประสิทธิภาพ แต่ในแง่การเชื่อมต่อ ตัวเกมจะอยู่ในขั้นปกติค่อนไปทางห่วย ประมาณ 70% ของแมตช์การเล่นของผู้เขียน สามารถเล่นได้ปกติไม่มีปัญหา แต่มันจะมีประมาณ 30% ที่จะพบปัญหาประเภทอยู่ ๆ ก็เกิดอาการดีเลย์อย่างหนัก บางครั้งหนักจนตัวละครตายโดยที่เราไม่รู้ตัว หนักว่านี้คืออยู่ ๆ ก็หลุดออกจากเกมไปเลยก็มี
ยิ่งไปกว่านั้น จากการศึกษาข้อมูลมาบางส่วน ตัวเกมไม่ได้ล็อกภูมิภาคไว้แต่อย่างใด ทำให้บางครั้งเราอาจหลงไปพบเจอกับผู้เล่นที่อยู่ห่างจากเราเป็นซีกโลก ส่งผลให้เกิดค่าปิงมหาศาล และอย่างที่รู้ ๆ กันว่าเกมประเภท rogue-lite กับค่าปิงที่สูงลิบมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ ฉะนั้นเวลาเล่นโหมด Multiplayer ก็อาจจะต้องทำใจหน่อยว่า มันอาจมีปัญหาเกิดขึ้นในบางครั้ง
