BY KKMTC
8 Nov 23 10:00 pm

รีวิว Tales of Arise – Beyond the Dawn แก๊งเก่ารวมตัวอีกครั้ง เพื่อต่อสู้กับโชคชะตาที่มีโลกเป็นเดิมพัน

952 Views

การเปิดตัวเนื้อหาเสริมเกม Tales of Arise ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ หลายคน เพราะไม่มีใครนึกว่าเกมที่ออกวางจำหน่ายมาเกิน 2 ปีจะได้มี DLC เนื้อเรื่องขนาดใหญ่ แล้ว DLC นี้เป็นอย่างไร มาอ่านบทความรีวิว Tales of Arise – Beyond the Dawn กันได้เลย

Story

Tales of Arise

เนื้อเรื่อง Tales of Arise – Beyond the Draw เกิดขึ้นหลังจบเหตุการณ์ภาคหลักผ่านไป 1 ปี แม้สงครามปลดทาสจะสิ้นสุด โลกของ Dahna กับ Rena ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ความบาดหมางระหว่างชาว Dahnan กับ Renan ในบางพื้นที่ยังไม่หายไปเพราะแผลจากเหตุการณ์ภาคหลัก ซึ่งก็ต้องรอเวลาอีกนานหลายปีกว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับซึ่งกันและกันได้

ในเกมนี้ เนื้อเรื่องนำเสนอผ่านมุมมองของ Alphen, Shionne และเพื่อนเก่าที่เคยร่วมต่อสู้ด้วยกัน ได้บังเอิญเจอกับ Nazamil เด็กหญิงที่มีทั้งสายเลือดของ Dahnan กับ Renan ทำให้เธอไม่เป็นที่ต้อนรับจากทั้งสองฝั่ง พวกเขาจึงอาสาช่วยเหลือ Nazamil เพื่อพาเธอไปหาสถานที่ที่ปลอดภัย และปราศจากการโดนเกลียดชัง

เมื่ออ่านแล้วอาจจะคิดว่าเป็นแค่เนื้อเรื่องการผจญภัยเล็ก ๆ ที่ทำให้แก๊งเก่าได้รวมตัวออกผจญภัยกันอีกครั้ง แต่ต้องย้ำว่านั่นเป็นแค่ “เนื้อเรื่องเบื้องต้น” และเป็น “ปลายของภูเขาน้ำแข็ง” (Tip of the iceberg) ที่ Alphen และกลุ่มเพื่อน ต้องเจอปัญหาระดับโลกที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องเกิดขึ้น

เนื้อเรื่อง Beyond of Dawn ยังรักษามาตรฐานได้ดีคล้ายเกมภาคหลัก คือเนื้อหาเต็มไปด้วยความเข้มข้น น่าติดตาม และเนื้อหาเข้าถึงง่าย แต่แม้ตัวเกมไม่มีเงื่อนไขว่าต้องเล่นเนื้อเรื่องให้จบเพื่อเข้าถึงเนื้อหานี้ (หมายความว่าสามารถเล่นได้ทันที) แต่เราแนะนำให้เล่นสตอรี่จนจบจะดีที่สุด เพื่อความต่อเนื่องของการเล่าเรื่อง และหลีกเลี่ยงโดนสปอยล์เนื้อเรื่องของเกมหลัก

แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของเนื้อหา Beyond of Dawn คือตัวละครใหม่ Nazamil ที่ระหว่างการเล่น เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของตัวละครทั้งด้านนิสัยกับแนวคิดอย่างชัดเจนที่สุด รวมถึงตัวละครดังกล่าวมีความซับซ้อนพอสมควร และอาจเกี่ยวข้องถึงใครบางคนในชีวิตจริงได้อีกด้วย

แต่เนื้อหานี้ไม่ได้โฟกัสเฉพาะ Nazamil เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึง Alphen, Shionne และเพื่อนพ้อง ที่หลังจบสงครามแล้ว พวกเขาก็เริ่มหาเป้าหมาย เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปในโลกใบใหม่ ซึ่งแต่ละคนมีปัญหาชีวิตไม่เหมือนกัน หรือต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติอัตลักษณ์ แต่ด้วยคำแนะนำของเพื่อน ๆ ก็ทำให้พวกเขามีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไปได้โดยไร้ความกังวล

Tales of Arise

แม้พล็อตเนื้อเรื่องในบางช่วงจะคาดเดาฉากต่อไปได้ง่าย หรือปัญหา Pacing จากเกมภาคหลักยังมีให้เห็นใน DLC นี้เป็นบางครั้ง แต่โดยรวมแล้ว เนื้อเรื่อง Beyond the Dawn จัดว่าเต็มอิ่มด้วยความยาวกำลังดีประมาณ 10 ชั่วโมง (ไม่รวมพวกคอนเทนต์เสริมด้วย) ใครชื่นชอบแก๊ง Alphen แล้วอยากเห็นพวกเขากลับมาต่อสู้ และพูดคุยกันอีกครั้ง DLC นี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

Presentation

Tales of Arise

แม้เซตติงเนื้อเรื่องของ Beyond of Dawn จะอยู่ในที่เดิมเหมือนเกมภาคหลัก แต่เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ช่วงหลังสงคราม ทำให้บางเมืองบางพื้นที่มีพัฒนาการเติบโตขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น Niez ซึ่งเดิมทีเป็นเมืองที่มีสภาพพุพัง เพราะชาวเมืองออกมาลุกฮือปฏิวัติต่อต้าน Lord แต่สำหรับเนื้อหานี้ เมือง Niez ได้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง หรือบางพื้นที่ จะมีชาว Renan คอยช่วยเหลือทำไร่ทำนาให้ชาว Dahnan ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในเกมภาคหลัก

อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยบางเมืองยังมีการแบน หรือมีการเหยียดหยามกันระหว่างชาว Renan หรือ Dahnan ต่อไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าบางกลุ่มยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมแบบใหม่ หรือมีความคิดที่หนักแน่นจนไม่สามารถยอมรับโลกในปัจจุบันได้

Tales of Arise

แน่นอนว่า Skit ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเกมตระกูล Tales of ยังกลับมาใน DLC นี้ โดยทุก Skit จะเป็นฉากใหม่ และมีบทสนทนาที่สนุกสนาน เพิ่มความลึกให้ตัวละคร กับมอบข้อน่าคิดไม้แพ้เกมภาคหลัก

นอกจากนี้ มีการเพิ่มบอส และมอนเตอร์ใหม่ที่มีความยากท้าทายกว่าเดิม ซึ่งพวกมันล้วนอยู่ในพื้นที่ใหม่ที่มีให้เล่นเฉพาะ DLC นี้ ซึ่งพื้นที่ใหม่เป็นดันจี้ยนที่มีเส้นทางค่อนข้างซับซ้อน กับมีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการฟาร์มเลเวล หรือทรัพยากร ซึ่งตรงส่วนนี้มีข้อเสียนิดหน่อยคือ การดีไซน์มอนเตอร์ส่วนใหญ่ ได้รีไซเคิลจากเกมภาคหลักซะส่วนมาก

Tales of Arise

และน่าเสียดายที่ Sub-Quest หรือภารกิจเสริมของ DLC รวมถึงภารกิจเสริมใหม่อย่าง Shionne Diaries ยังตกยุคเหมือนเดิม เพราะเควสต์เสริมส่วนใหญ่ ยังคงเป็นการหาไอเทม ปราบมอนสเตอร์ หรือเดินทางจากจุด A ไป B ที่มีเนื้อหาไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แม้บางเควสต์เสริมไม่ได้มีข้อเสียอย่างที่กล่าวมา และบางเควสต์ เราจะได้เจอตัวละครหน้าเดิมจากภาคหลัก แต่โดยรวมแล้ว เควสต์เสริมในเกมนี้มีความน่าทำเพราะให้ของรางวัลดีเท่านั้น

Gameplay

Tales of Arise

“ภาคหลักมีเกมเพลย์เป็นอย่างไร DLC ก็เป็นแบบนั้น” นี่อาจเป็นคำอธิบายที่น่าจะชัดเจนที่สุดสำหรับ DLC นี้ เพราะเกมเพลย์ยังคล้ายเกมภาคหลักเกือบทุกประการ โดยแทบไม่มีระบบใหม่ หรือการปรับปรุงที่ชัดเจน

แม้ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงตรงส่วนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสเกมภาคหลักมาก่อน เราขออธิบายเกมเพลย์ของ Tales of Arise แบบเบื้องต้นว่าเป็นเกมแอ็กชัน RPG ที่ทุกการโจมตีจะใช้ค่า AG ซึ่งค่า AG ก็คล้ายกับ Stamina ที่หากหมดแล้ว ก็ต้องรอฟื้นพลัง แล้วค่อยกลับไปโจมตีใหม่อีกครั้ง

ท่าโจมตีจะใช้ค่า AG ที่แตกต่างกัน บางท่าอาจใช้ AG จำนวน 1 ช่อง, 2 ช่อง และ 3 ช่อง โดยแต่ละท่ามีลักษณะการโจมตีไม่เหมือนกัน ซึ่งผู้เล่นสามารถตกแต่งเปลี่ยนท่าโจมตีได้ตามใจชอบ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง ซึ่งท่าโจมตีใหม่สามารถปลดล็อกได้จากหน้าต่างสกิล และใช้ท่าโจมตีซ้ำ ๆ หลายครั้ง

Tales of Arise

ส่วนสกิลประเภทสนับสนุน อย่างการฟื้นพลังชีวิต หรือฟื้นคืนชีพจะใช้ค่า CP ซึ่งค่าดังกล่าวจะแบ่งปันใช้ร่วมกันในกลุ่มปาร์ตี้ โดยค่า CP สามารถฟื้นได้จากการใช้ไอเทม และพักผ่อนในแคมป์ โดยการบริหาร CP จะมีความสำคัญมาก ๆ ในการต่อสู้ที่ต้องเดินทางในดันจี้นขนาดใหญ่

ซึ่งความสนุกสนานของเกม Tales of Arise มาจากการปรับแต่งท่าต่อสู้ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเอง, การบริหาร AG กับ CP, ใช้ท่าโจมตีพิเศษ “Boost Attack” ในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้ศัตรูล้มลงชั่วคราว และการใช้ “Boost Strike” หลังเกราะของศัตรูแตก เพื่อปลิดชีพศัตรูด้วยท่าโจมตีที่มีเอฟเฟกต์อลังการ

นอกจากนี้ ระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เช่น กระโดด วิ่ง เดิน หรือแม้กระทั่งกลิ้งหลบ แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเกมก็ยังมีองค์ประกอบความเป็น RPG เช่น เลือดของบอสจะมีปริมาณที่สูงมาก และมีระบบเลเวลแสดงความแกร่งของตัวละคร ถ้าหากต่อสู้ไม่ไหว ก็ต้องไปฟาร์มเลเวล และอัปเกรดสกิลกับอุปกรณ์ให้ตัวละครมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยองค์ประกอบดังกล่าว ทำให้เกม Tales of Arise มีระบบการต่อสู้ที่ดุเดือดกว่าทุกภาค แต่ยังรักษาความเป็น RPG ไว้

Tales of Arise

แม้ไม่ปฏิเสธว่าคอร์เกมเพลย์ของ Tales of Arise จะแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เกมเมอร์บางคนที่คาดหวังว่า DLC นี้จะมีเกมเพลย์ใหม่ ๆ หรือการปรับปรุงที่ทำให้ประสบการณ์ในการเล่นที่ดีกว่าเดิมนั้น อาจจะรู้สึกผิดหวังกันสักหน่อย เพราะโดยรวมแล้ว เกมการเล่นกับ Quality-of-Life แทบไม่ได้ปรับเปลี่ยนจากภาคหลักเลยก็ว่าได้ แล้วเกมเพลย์ของภาคหลักเป็นอย่างไร ก็สามารถเข้าไปอ่านต่อที่ บทความรีวิวเกม Tales of Arise ของเราได้เลย

Performance

Tales of Arise

ตรงส่วนนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กล่าวถึงมากนัก เนื่องจากนี่คือเนื้อหาเสริมของ Tales of Arise ทำให้ Performance ยังเหมือนเกมภาคต้นฉบับทุกประการ

จากการเล่นผ่านเครื่อง PlayStation 5 ตัวเกมยังสามารถโหลดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อใช้ Fast Travel หรือข้ามไปพื้นที่อีกโซนหนึ่ง ตัวเกมจะใช้เวลาโหลดประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ กราฟิกยังจัดเต็ม ฉากต่าง ๆ มีรายละเอียดค่อนข้างคมชัด ภาพมีความนุ่มละมุนจากการนำเสนองานภาพสไตล์สีน้ำ และมีตัวให้เลือกว่าจะรันเกมแบบเน้นกราฟิก หรือเน้นเฟรมเรต ซึ่งทั้งสองตัวเลือกจะตั้งเป้าเฟรมเรตที่ 60FPS

แน่นอนว่าปัญหาเดิม ๆ อย่างเฟรมเรตร่วงระหว่างการต่อสู้ เมื่อหน้าจอมีเอฟเฟกต์เป็นจำนวนมาก ยังคงมีให้เห็นใน DLC นี้ (รวมถึงเกมหลักด้วย) แม้ไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงมากจนถึงขั้นเล่นเกมไม่ได้ แต่เกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมแบบเฟรมเรตนิ่ง ๆ ก็อาจจะขัดใจไม่ใช่น้อยเช่นกัน

สรุป

Tales of Arise

เล่น DLC นี้เหมือนเราได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า แล้วรวมกลุ่มเพื่อออกเดินทางกันอีกครั้ง แม้ไม่มีระบบเกมเพลย์ใหม่ ๆ และปัญหาจากภาคหลักยังมีให้เห็น แต่ถ้าเกมเมอร์คิดถึง Alphen, Shionne กับเหล่าเพื่อนพ้อง และอยากเห็นพวกเขากลับมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่อีกครั้ง เรามั่นใจว่าแฟน ๆ ต้องไม่ผิดหวังกับเนื้อหาเสริมตัวนี้อย่างแน่นอน

คะแนน: 8/10

รีวิว Tales of Arise - Beyond the Dawn

8 / 10 คะแนน

8

ข้อดี

  • ตัวละคร Nazamil น่าสนใจ มีความซับซ้อน และวิวัฒนาการชัดเจน
  • ฉาก Skit และการพูดคุยในกลุ่มปาร์ตี้ยังสนุกสนานไม่แพ้เกมหลัก
  • เนื้อเรื่องสนุกสนานเต็มอิ่มสำหรับ DLC

ข้อเสีย

  • ไม่มีระบบเกมเพลย์ใหม่ หรือการปรับปรุงที่ให้ประสบการณ์การเล่นที่แตกต่างจากเกมหลัก
  • ภารกิจเสริมยังขาดความน่าสนใจ กับตกยุคเหมือนเดิม

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top