ใครจะคิดว่าแฟรนไชส์ที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีของโปแลนด์อย่าง The Witcher จะก้าวมาไกลได้ขนาดนี้ จากวันที่โด่งดังเพียงแค่ในประเทศ สู่เนื้อหาที่คนทั่วโลกยอมรับ ให้เป็นหนึ่งใน Pop Culture ของชาว Geek อย่างเรา ๆ ไม่ต่างจากแฟรนไชส์อื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมก่อนหน้า
และถึงแม้พวกเขาจะมีวิดีโอเกม วรรณกรรม ซีรีส์ แต่เรื่องราวภายในจักรวาลของ The Witcher ส่วนใหญ่ ยังไม่ถูกเล่าในรูปแบบที่แพร่หลายนัก ทำให้แฟน ๆ ต่างกระหายใคร่รู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่ในช่องว่างเหล่านั้น และคาดหวังจะเห็นมันสักครั้งด้วยตาตัวเอง อาจเพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อจะให้รู้สึก ‘เข้าถึง’ แฟรนไชส์นี้มากกว่าที่เคย
เราอาจจะเห็น Geralt ตัวเอกของเรื่องราวมาหลายครั้งหลายหน นับตั้งแต่ The Witcher วิดีโอเกมภาคแรกวางจำหน่าย นิสัยใจคอของ Geralt ถูกสะท้อนให้เห็นออกมาอย่างเด่นชัดในเกมสามภาค ก่อนจะกลายเป็นตัวละครที่จับต้องได้ในซีรีส์ของทาง Netflix แต่แฟน ๆ รู้ดีว่าประวัติศาสตร์ และช่องว่างที่พวกเขาอยากรู้ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในตัว Geralt พวกเขาอยากรู้ว่าโลกภายในของ The Witcher ดำเนินมาอย่างไร เกิดอะไรขึ้นถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ และ The Witcher: Nightmare of the Wolf คือเรื่องราวที่จะมาไขความกระจ่างในช่องว่างเหล่านั้น
The Witcher: Nightmare of the Wolf คือเรื่องราวที่หมุนรอบตัว Vesemir ปรมจารย์ Witcher ผู้เป็นอาจารย์ให้กับ Geralt และกำลังจะมีบทบาทในซีรีส์ซีซันถัดไปที่จะถึงนี้ โดยเรื่องราวจะเล่าย้อนไปหลายปีก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในซีรีส์ นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวของ Vesemir อย่างเจาะลึก หลังวิดีโอเกม และวรรณกรรม ทำได้เพียงเอื้อมมือไปแตะเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ได้แตะมันตรง ๆ เหมือนครั้งนี้
คุณจะได้เห็นเรื่องราวของโลกก่อนที่เรื่องราวของ Geralt จะเริ่มขึ้น โดยมี Vesemir เป็นผู้นำทาง แก่นหลักของเรื่องจะค่อนข้างวนอยู่รอบตัว Vesemir ตั้งแต่เรื่องราวในตอนเป็นเด็ก เรื่องราวตอนเป็นวัยรุ่น ทุก ๆ อย่างจะเล่าแบบ Step by Step เราจะเห็นเขาเติบโตจากเด็กหนุ่มผู้ไม่มีอะไรเลย ผ่านความยากลำบากจนกลายมาเป็นนักล่าปีศาจแห่งยุค เรียนรู้ว่าอะไรผลักดันเขาจนมาอยู่ในจุดนี้ ก่อนจะแนะนำเขาในฐานะตัวละครใหม่ของ The Witcher Season 2
นอกจากชีวิตของ Vesemir สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟน ๆ อยากจะรู้ และเข้าใจ คือเรื่องราวเบื้องหลังของโลกใบนี้ ใน The Witcher: Nightmare of the Wolf มีการแทรกเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราเข้าใจถึงบริบทของเหตุการณ์ตลอดทั้งเรื่อง แม้เราจะถูกผูกติดกับ Vesemir แต่ตัวละครนี้ก็เปรียบเสมือนกุญแจ ช่วยไขข้อมูลให้เราเหมือนกัน ตั้งแต่เรื่องราวกระบวนการการเป็น Witcher, การเมืองภายในของโลก, สงคราม เรียกได้ว่าทุก ๆ อย่างที่เราอยากจะเห็น Vesemir พาเราไปสัมผัสแทบทั้งหมด
องค์ประกอบที่สำคัญ ๆ ของ The Witcher อย่างตัวเลือกที่ “ไม่มีอะไรถูก ไม่มีอะไรผิด” ก็ยังอยู่ใน The Witcher: Nightmare of the Wolf เหมือนกัน คุณจะได้ขบคิดในแต่ละการกระทำของตัวละครต่าง ๆ แม้กระทั่งตัว Vesemir เองด้วยว่า พวกเขากำลังทำอะไร พวกเขาทำถูกหรือไม่ และใครกันแน่คือผู้ร้าย สิ่งนี้ The Witcher ยังทำได้ดีไม่ว่าจะสื่อไหน ๆ ด้วยการโยนเหตุการณ์ก้ำกึ่งทางศีลธรรมในแบบ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ให้คนดูร่วมคิด ร่วมถกเถียงไปพร้อม ๆ กับตัวละครในเรื่องว่า อะไรดีคือดี อะไรคือแย่ และอะไรคือสิ่งที่แย่น้อยกว่า หรือมันอาจจะไม่มีอะไรดีอะไรแย่เลย เพียงแค่ความคิดแต่ละคนไม่ตรงกันแค่นั้น
สิ่งที่น่าสนใจ นอกจากพล็อต และเนื้อหา คงจะเป็นการออกแบบอนิเมชันที่น่ายกย่อง โดยผลงานการออกแบบครั้งนี้ ได้ Studio Mir สตูดิโอในตำนานที่ผ่านงานอนิเมชันมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Legend of Korra, Dota: Dragon’s Blood และอื่น ๆ อีกมากมาย มาเนรมิตโลกของ The Witcher ให้เรา คุณจะได้เห็นโลกในรูปแบบที่ตัว Vesemir เห็น สัมผัสอย่างที่ Vesemir สัมผัส ใน ๆ ทุกอารมณ์ความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นความโหดร้าย ความแห้งแล้ง ความสนุก ทุกอุณภูมิ ทุกฟีลลิ่งต่าง ๆ Studio Mir ตีโจทย์แตกได้ทั้งหมด
โดยเฉพาะฉากต่อสู้หลาย ๆ ฉากที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง ต้องขอบคุณพวกเขาที่ส่งต่ออารมณ์ความรู้สึกผ่านภาพเคลื่อนไหว โดยไม่จำเป็นต้องมีการพูดอธิบายเพิ่มเติมจากตัวละครให้ยืดยาว เพียงลักษณะการกระทำของฉาก ๆ หนึ่งในช่วงเวลาไม่กี่นาที Studio Mir ใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นอธิบายบริบทต่าง ๆ ให้ผู้ชมเข้าใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับว่าพวกเขาเชื่อมโยงกระแสจิตกับทีมเขียนบท และถอดตัวอักษรต่าง ๆ ออกมาเป็นภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
The Witcher: Nightmare of the Wolf เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจมาก ๆ ในแฟรนไชส์ของ The Witcher เพราะมันก็คือการเล่าเรื่อง “ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย” ของตัวละครสำคัญในโลกนี้ เปรียบเสมือนบันทึกประวัติศาสตร์ของเรื่องราวก่อนหน้าที่ควรจะรู้เอาไว้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องราวยืนเดี่ยวที่ยอดเยี่ยมในตัวเอง มีทั้งความรัก ความทุกข์ การหักหลัง ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟน The Witcher หรือไม่ นี่คืออนิเมชันเรื่องเยี่ยมอีกหนึ่งเรื่องของปีนี้ ที่คุณไม่ควรพลาด