BY KKMTC
18 Jun 18 5:00 pm

Article Review – Wreckfest

48 Views
เกมเรซซิ่งชนแหลกสุดมัน โดยทีมงานที่มีผลงานอันโด่งดังอย่าง FlatOut

หลังจาก FlatOut 3: Chaos and Destruction ได้สร้างความเสื่อมเสียให้เกมซีรี่ส์นี้ซะไม่มีชิ้นดี และ FlatOut 4: Total Insanity ที่พัฒนาได้ดีกว่าภาคก่อนโดยทีมงานใหม่ แต่ก็ยังห่างชั้นกับภาค 2 แบบเทียบไม่ติด ในตอนนนั้นแฟน ๆ FlatOut ได้รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ก็เหลือต้องพึ่งทางเลือกสุดท้ายสำหรับเกมรถแข่งตัวใหม่โดยทีมงานดั้งเดิม ก็คือ Wreckfest (หรือชื่อเดิมคือ Next Car Game ในปี 2012)

Wreckfest เป็นเกมอาร์เคดเรซซิ่งในรูปแบบ Demolition Derby โดยทีมงาน BugBear ผู้สร้างชื่อเสียงรถแข่งชนทะลุหน้าต่างให้กับ FlatOut 1 และ 2 จัดจำหน่ายโดย THQ Nordic เป็นเกมออริจินัลของทีมงานที่ได้รับแรงบันดาลจากเกม FlatOut และ StreetRod ซึ่งทีมงานได้กล่าวว่าเกมนี้จะนำเสนอประสบการณ์ความสนุกในรูปแบบการแข่งขันรถแข่งขันให้ชนแหลกให้คอหักกันไปข้างหนึ่ง ด้วยระบบ Soft-body damage modeling 

หลังจากที่ใช้เวลาพัฒนาเกม Early Access นานถึง 4 ปี ในที่สุด Wreckfest ก็ปล่อยเกมเต็มออกมาซะที เกมจะมีคุณภาพตามที่ผู้เล่นคาดหวังหรือไม่ หลังจากที่เกมรถแข่ง Demolition Derby ไม่มีดีเลยที่ผ่านมา คำตอบอยู่ที่ Article Review – Wreckfest

กลับคืนสู่ความคลาสสิกในรูปแบบเกมอาร์เคดเรซซิ่งอีกครั้ง

หากใครเคยเล่นเกมอาร์เคดเรซซิ่งในยุคปี ’00 ก็จะคุ้นเคยในรูปแบบการเล่นของเกมนี้เป็นอย่างดี เพราะเกมนี้จะไม่มีเนื้อเรื่อง จุดประสงค์ของคุณมีอย่างเดียวก็คือเล่นอีเว้นท์การแข่งขันให้จบจนกว่าแต้มจะถึงมีแต้มเป้าหมายครบกำหนด เพื่อปลดด่านสเตจต่อไป และเกมจะเพิ่มความท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเกม ซึ่งเป็นวิธีคลาสสิกของเกมรถแข่งเหมือนซีรี่ส์ Burnout ที่คุณเข้าเกมเริ่มต้นมาก็ซิ่งชนแหลกทันที

โดยแต่ละอีเว้นท์จะมีคุณสมบัติที่ต้องการแตกต่างกันไป อย่างเช่น อีเว้นท์นี้มีเงื่อนไขต้องการรถสัญชาติเอเชีย อเมริกัน ยุโรป หรือต้องใช้รถคลาส A B C เป็นต้น ซึ่งทำให้เงินของเกมนี้มีค่าเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะต้องคอยซื้อรถยนต์ใหม่ ๆ อยู่ตลอด ซึ่งเงินในเกมจะได้มาจากการจบแข่งขันทุกครั้ง

Wreckfest

และเงินในเกมยังสามารถอัพเกรดรถยนต์ของคุณได้ให้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น ซื้อเครื่องยนตร์ใหม่เพื่ออัพคลาส อัปเกรดท่อไอเสียเพื่ออัตราเร่ง หรือว่าจะเสริมเกราะเพิ่มความแข็งแกร่งให้รถ รวมไปถึงตกแต่งรูปร่างรถยนต์ให้มีความเท่เก๋ไก๋

ซึ่งบางครั้งจะได้มาฟรี ๆ แบบสุ่มหลังจบการแข่งขันในอันดับที่ 1 – 3 ไม่ว่าจะอุปกรณ์เสริมหรือเครื่องแต่งรถยนต์ ทำให้เกมมีแรงผลักดันที่จะเล่นต่อไป รู้มาอีกทีก็เล่นได้ยาวต่อเนื่องนานเป็น 1-4 ชั่วโมงไปแล้ว

Wreckfest

ในปัจจุบันเกมเรซซิ่งส่วนใหญ่มักจะมีเนื้อเรื่องเข้ามาประกอบด้วย สำหรับคนที่ได้สัมผัสเกมอาร์เคดเรซซิ่งเก่า ๆ ก็จะติดใจเกมนี้ไม่ยาก แต่ก็ต้องกัดฟันพูด เพราะระบบ Progress เกมเรซซิ่งแบบนี้มันล้าสมัยไปแล้ว สำหรับคนรุ่นใหม่ที่โตมากับเกมยุค 2010 อาจจะไม่ชอบและเกลียดระบบเกมนี้ไปเลย เพราะจุดประสงค์มีเพียงอย่างเดียว คือ การเอาชนะถ้วยรางวัลตั้งแต่ต้นจนจบเกม

เล่นง่าย ขับสนุก แต่มีความท้าทาย ไม่มีโอเว่อร์พาวเวอร์

แม้ธีมของเกมนี้คือ Demolition Derby ชนแหลก ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องผ่านเกมเรซซิ่งมาก่อน ขับง่าย สามารถเข้าถึงได้ทุกคน แต่ก็ต้องใช้ไหวพริบและสมาธิอยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะ AI ของเกมนี้จัดว่าดุใช้ได้เลย โดยระดับความโหดของ AI ของเกมแบ่งเป็น 3 ระดับคือ Novice, Amateur และ Expert ยิ่งระดับยากมากขึ้นเท่าไหร่ AI ก็จะยิ่งเพิ่มความดุดันยิ่งขึ้น และเริ่มพยายามไล่บี้คุณจนออกนอกสนามให้ได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความท้าทายขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะต้องมุ่งหน้าสู่อันดับหนึ่งแล้ว จะต้องใช้สมาธิและไหวพริบอ่านคู่แข่งเพื่อไม่ให้เสียท่าด้วยเช่นกัน

Wreckfest

แต่ไม่ใช่ว่าอัพเกรดทุกอย่างแล้วรถคุณจะกลายเป็นเทพปราบได้ทุกคัน เพราะการอัพเกรดจะมีการได้อย่างเสียอย่าง ถ้าคุณอัพเกรดรถให้มีเกราะหนามาก จะทำให้รถยนต์ช้าลง แต่ถ้าคุณอัพเกรดประสิทธิภาพเป็นหลัก ก็ต้องแลกกับความเบาะบางบอดี้ที่เสี่ยงต่อการชนออกนอกสนามแข่งได้ง่าย ฉะนั้นการแข่งรถอีเว้นท์ในแต่ล่ะครั้งจะต้องมีการปรับแต่งรถอยู่ตลอดเวลา ตามความเหมาะสมและสไตล์การเล่นของผู้เล่นเอง

และรถของเรารวมถึงคู่แข่งจะมีเลือด ซึ่งถ้าเราชนรถของคู่แข่ง ก็จะส่งผลกระทบต่อรถยนต์ของเราด้วย (เป็นระบบที่ยืมมาจาก FlatOut ชัดเจน)

เช่น ถ้าคู่แข่งชนรถของเรา หรือเราชนคู่แข่งตรงส่วนของล้อหน้าซ้ายบ่อยครั้ง ก็อาจจะทำให้ล้อหน้าไม่เคลื่อน หรือระบบ Suspension ไม่ทำงาน แต่ทว่าน่าเสียดายที่ระบบความเสียหายไม่ได้แสดงความแตกต่างหรืออุปสรรคของการขับรถเท่าไหร่นัก เพราะแม้ว่าจะเสียหายหนักเท่าไหร่ก็ยังคงสามารถขับรถได้จนจบเส้นชัย เพียงแค่เปลี่ยนสไตล์การขับรถนิด ๆ หน่อย ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ที่เหลือก็แค่ระวังอย่าให้คู่แข่งมาชนเราก็พอ

Wreckfest

แม้ว่าจะเรื่องนี้ไม่สำคัญต่อโหมด Race แต่สำหรับโหมด Last Man Standing จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจุดประสงค์ของโหมดนี้คือคุณจะต้องเอาตัวรอดให้เหลือคันสุดท้ายในสนาม Arena ขนาดยักษ์ ต้องวางแผนที่จะเลือกชนคันไหน อาจจะชนคันที่เล็กกว่าและหลีกเลี่ยงชนรถคนที่ใหญ่กว่า ชนยังไงไม่ให้ส่งผลเสียต่อรถของตนเอง หลบหลีกและล่อคู่ต่อสู้ให้ประมาท ทำให้โหมดนี้มีความตื่นเต้นเร้าใจ รวมไปถึงต้องใช้ไหวพริบในระดับหนึ่ง

และถ้าหากที่กล่าวมาทั้งหมดยังไม่ยากพอ หรือต้องการความท้าทายสูงสุด คุณสามารถปรับ Vehicle Damage เป็นแบบ Realistic ได้ ซึ่งความเสียหายแบบสมจริงจะทำให้รถของคู่แข่งและรวมถึงรถของเรา อ่อนปวกเปียกสุดเหมือนในชีวิตจริง ซึ่งชนแรง ๆ เพียงแค่ครั้งสองครั้งก็สามารถปลิดชีพรถยนต์ของเราได้เช่นกัน

Wreckfest

ทำให้ Wreckfest เป็นเกมแข่งรถที่ไม่มีกฎซับซ้อน ทำวิธียังไงก็ได้ให้เป็นที่หนึ่ง แต่ด้วย AI ของเกมที่ทำมาได้ดุพอดี รถยนต์ของเราก็ไม่มีทางโอเว่อพาวเวอร์ไปกว่าคนอื่น ๆ จึงเป็นเกมรถแข่งที่เล่นง่าย สนุก แต่มีความท้าทายที่สามารถปรับแต่งได้อิสระตามที่ผู้เล่นต้องการยากมากน้อยแค่ไหน

รถยนต์ สนามแข่งรถมีความหลากหลาย น่าเสียดายเนื้อหาน้อยไปหน่อย

รถยนต์ในเกมนี้มีความหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะรถคันเล็ก ๆ ขับเคลื่อนล้อหน้า และขับคลื่อนล้อหลัง รวมถึงมีรถบรรทุก แม้แต่รถตัดหญ้า สามล้อ รถบัส ยันรถเกี่ยวข้าวขนาดยักษ์ (ฮา) และสนามแข่งรถเองก็มีลูกเล่นแปลก ๆ สมกับ Demolition Derby อย่างเช่น สนามแข่งรถเลข 8 หรือ สนามวนไปกลับที่มีจำนวนเลนถนนเพียงแค่ 2 เลน ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถปะทะคู่แข่งในช่วงกลางเกม ทำให้ต้องคอยปรับแต่งอุปกรณ์รถ และให้ผู้เล่นเปลี่ยนสไตล์การขับรถให้สอดคล้อง กับการใช้งานตามลักษณะถนน และรูปแบบการแข่งขันต่าง ๆ

Wreckfest

แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อหาของเกมก็ยังมีขนาดน้อยอยู่ เพราะรถยนต์ในตอนนี้ทั้งหมดมีเพียง 34 คัน และสนามแข่งรถตอนนี้ยังมีแค่จำนวน 20 สถานที่โดยประมาณ รวมถึงโหมดก็มีแค่ Race, Deathmatch และ Last Man Standing เท่านั้น ทำให้การเล่นเกมในช่วงกลางหรือปลาย ทำให้เกมมีความรู้สึกซ้ำซากได้

แต่ก็โชคดีที่มี Steam Workshop เข้ามารองรับ เพื่อสำหรับชาวม็อดได้สร้างสรรค์สนามแข่งรถและสกินรถยนต์ที่พอจะช่วยสร้างมิติการเล่นใหม่ได้อยู่บ้าง

บี้โมเดลรถยนต์ให้เป็นเศษเหล็ก ระบบฟิสิกส์ดีมาก แต่แลกด้วยการกินเครื่อง

เป็นจุดขายหลัก ๆ ของเกมนี้ตั้งแต่เริ่มพัฒนา Early Access เลยก็คือ โมเดลรถยนต์สามารถบี้จนเละเป็นเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้ ในชื่อว่า Soft-body damage modeling รวมไปถึงระบบฟิสิกส์สิ่งของและตัวรถทำออกมาได้มีน้ำหนักเป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันทั้งเท่ สมจริงและดูตลกในเวลาเดียวกัน ทำให้การแข่งขันเราจะไม่รู้สึกกลัวที่จะโดนชนเลยแม้แต่นิดเดียว (ยกเว้นแต่ถ้าจะเล็งอันดับหนึ่ง) แถมสร้างความเฮฮาสะใจให้กับผู้เล่น และเกมไม่ซีเรียสมากจนเกินไป

Wreckfest

เละทั้งรถ เละทั้งคนขับเลยทีเดียว

แต่ก็ต้องแลกกับทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ที่หนักมากเช่นกัน เพราะเกมนี้สามารถลองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึง 24 คนต่อสนาม โดยเฉพาะสนามแข่งรถที่มีขนาดเล็ก สามารถปะทะชนแหลกได้ตลอดเวลา พร้อมกับเกมที่มีฟิสิกส์เทพและตัวโมเดลรถที่บี้ได้ละเอียด ส่งผลทำให้เกมต้องใช้ทรัพยากรในส่วนของ RAM ในขั้นแนะนำเยอะถึง 16 GB  ที่แม้ว่ากราฟิกจะไม่ได้สวยงามมากเป็นพิเศษก็ตาม

Wreckfest

วินาศสันตะโรจริง ๆ ทั้งตัวเกมและเฟรมเรตที่ล่วงไปถึง 20 FPS

เพราะฉะนั้นถ้าพบเจอฉากการชนที่เยอะในจุดเดียวกัน ทำใจไว้เลยว่าเกมจะมีอาการกระตุกแน่นอน ยกเว้นถ้าสเปคคอมพิวเตอร์ทั้งหมดผ่านขั้นตอนแนะนำ ก็อาจจะประสบปัญหาเฟรมเรตตกเท่านั้น แต่โดยรวมแล้วการทำงานประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ ยังไม่พบบัคแต่อย่างใด

สรุปตัวเกมโดยรวม

Wreckfest เป็นเกมอาร์เคดเรซซิ่งที่เล่นสนุกมากอีกเกม ด้วยตัวเกมที่เล่นง่าย กึ่งขำกึ่งซีเรียส มีความท้าทายให้ผู้เล่นทุกประเภทสามารถเลือกได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเพื่อฆ่าเวลา และเอามันเป็นหลัก มันอาจจะไม่ใช่เกมรถแข่งที่เพอร์เฟ็ค เพราะเนื้อหาของเกมที่น้อย และรูปแบบโหมดการเล่นที่ขาดความหลากหลาย  

โดยตัวเกมที่มีราคาใน 829 บาทไทย ซึ่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผลก็จริง แต่ถ้าให้เทียบกับทีมงานใช้เวลาพัฒนาเกมนานถึง 4 ปี  ผู้เล่นต่างก็คาดหวังว่าจะมีเนื้อหาที่มากกว่านี้ (แม้ว่าราคาเกมจะสูงขึ้นก็ตาม) แต่โดยรวมแล้ว เกมนี้มีคุณภาพที่ดีมากพอที่จะมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้แก่ผู้เล่น เพียงเท่านี้เกมเมอร์ก็ภูมิใจแล้ว และคาดหวังว่าเกมจะเพิ่มอัพเดทเนื้อหาในอนาคตข้างหน้า

Wreckfest เป็นเกมควรเล่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรซซิ่งสายชนแหลก และอยากให้ทุกคนได้ลองเล่น ถ้ามีโอกาสครับ  

Wreckfest

Wreckfest ได้ออกวางจำหน่ายในรูปแบบเกมเต็มรูปแบบ PC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2018 หากใครสนใจก็สามารถส่องแวะหน้าร้านค้า Steam ได้ ที่นี่ สำหรับเวอร์ชั่น PlayStation 4 และ Xbox One จะออกจำหน่ายใน 20 พฤศจิกายน 2018 

*บทความนี้รีวิวในแพลตฟอร์ม PC

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top