แม้จะเป็นเกมเฉลิมฉลองให้กับเครื่อง PlayStation แต่คุณภาพและความสนุกของมัน เกินคาดไปไกลเลยทีเดียว มันจะเป็นยังไง ขอเชิญพบกับ Astro Bot Article Review
Story
Astro Bot แทบไม่ได้มีเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ซับซ้อนอะไรเลยมันคือกลุ่มบอทกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินทางอยู่ในอวกาศด้วยยานที่มีรูปร่างเหมือนกับเครื่อง PlayStation 5 แต่อยู่ดี ๆ เจ้ามนุษย์ต่างดาวหน้าตาที่โหงวเฮ้งบอกว่ายังไงก็คือตัวร้าย ได้โผล่ออกมา ฉีกกระชากยานรูป PS5 เป็นชิ้น ๆ ทำให้อะไหล่อุปกรณ์ของตัวเครื่อง หล่นกระจายไปตามดวงดาวต่าง ๆ เราในฐานะผู้นำของกลุ่มบอทเลยต้องใช้ยานมินิมอลลำเล็ก ซึ่งก็คือจอย DualSense ออกเดินทางไปทั่วห้วงอวกาศ เพื่อตามล่าหาชิ้นส่วนอะไหล่ของยาน PS5 กลับมา และซ่อมแซมยานให้ใช้งานได้อีกครั้ง
คือส่วนของเนื้อเรื่องในเกมนี้ เราแทบจะไม่ต้องพูดถึงมันเลยก็ได้ ทั้งเกมจะไม่มีบทสนทนาใด ๆ ให้เราอ่านเลย เกมจะนำเสนอเรื่องราวแบบแอนิเมชันที่เราจะรับรู้ได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผ่านการดูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แม้จะมีภาษาไทยใส่เข้ามา แต่เราจะได้อ่านภาษาไทยกันเฉพาะในช่วงที่เราได้รับบอทตัวใหม่ หรือเดินทางไปยังดาวอื่น ๆ เท่านั้น อาจบอกได้ว่า แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความที่มันเรียบง่าย เข้าถึงง่ายแบบนี้นี่แหละ เลยทำให้เกมไม่ซับซ้อน และเราก็อินไปกับมันได้ง่ายมาก ๆ นึกภาพดูว่า เครื่อง PS5 เราพัง แต่เราต้องออกเดินทางไปตามหาอะไหล่มาซ่อมเอง และต้องเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูเอง แค่นี้หลายคนก็น่าจะสนุกไปกับมันได้ไม่ยากแล้ว
นี่คือการเดินทางตามหาอะไหล่ PS5 ที่เพลินมากสำหรับผม แต่ก็ยังจะต้องขอย้ำกันสักครั้งว่ามันอาจจะเป็นจุดที่หลายคนไม่ชอบ หรือไม่รู้สึกว่ามันจะอินตรงไหน อันนี้ก็แล้วแต่คน เพราะการนำเสนอแบบการ์ตูนเด็กแบบนี้คงไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบมัน แต่ถ้าคุณอินกับการวิ่งตามหาอะไหล่เครื่อง PS5 พล็อตง่าย ๆ แค่นี้สำหรับผมถือว่าโอเคแล้วในฐานะเกมที่มันออกมาเพื่อเฉลิมฉลอง PS5
Presentation
สิ่งที่เป็นเสน่ห์และเป็นจุดเด่นมากที่สุดของ Astro Bot เลยก็คือ Presentation นี่ล่ะ เกมนี้ใช้ประสิทธิภาพของตัวเครื่องได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่พอ ยังระเบิดไอเดีย สรรค์สร้างจินตนาการแต่ละฉาก แต่ละพื้นที่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ บางฉากนี่แบบ คิดได้ไง ซึ่งพอฉากมันหลากหลายแบบนี้ แม้เกมเพลย์มันจะวนไปเวียนมา ไม่ได้มีอะไรใหม่ ๆ ตลอดเกม แต่เราจะรู้สึกว่ามันสดใหม่ตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า หรือก็คือฉากนี่แหละ
ในเกมนี้เราจะได้ผจญภัยไปบนดาวใหญ่แต่ละดวง ใน 1 ดาวใหญ่ จะแบ่งฉากออกเป็น 4-5 ฉากย่อย รวมฉากบอสและฉากลับด้วย โดยแต่ละฉากเนี่ย เราใช้เวลาเล่นไม่เกิน 10-15 นาทีเท่านั้น หลายคนอาจจะคิดว่ามันสั้นแต่จริง ๆ แล้ว ไม่เลย ยิ่งถ้าเราพยายามจะสืบเสาะหาความลับ สถานที่ลับภายในฉากนี่จะยิ่งเพิ่มเวลาเข้าไปอีก รวมไปถึงในการเล่นครั้งแรก ยังไงเรกา็น่าจะพลาดและตกหล่นไปบ้างแน่นอน แต่เราสามารถรีรันด่านเดิมซ้ำได้ตลอด อันนี้เป็นข้อดีสำหรับคนที่เห็นตัวเลขของที่เก็บมันขาดแล้วหงุดหงิด ไม่อยากไปต่อ ก็วนซ้ำด่านนั้นได้เลย
สภาพฉากและดวงดาวแต่ละที่ อันนี้บอกเลยว่าของเด็ดมาก และมันผสมผสานกับเกมเพลย์ได้แนบเนียนและลงตัว แทบทุกฉากคุณจะไม่เจอของซ้ำเลย ใช้คำว่า “แทบจะ” นะ เพราะเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะเจอของซ้ำบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนมากจะไม่ซ้ำ ฉากแต่ละฉาก จะมีรูปแบบการผ่านที่เรารู้สึกว่ามันสนุกเสมอ ถึงแม้กลไกบางอย่างจะมีการ Reuse บ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด และทำให้ทุกฉากที่เราผ่านไปนั้น ดูสนุกและน่าจดจำ และผมชอบมากที่มันไม่ซ้ำกันเลยแบบนี้ ฟุตเทจเลยเก็บง่ายและหลากหลายมาก ๆ
ฉากต่าง ๆ ก็มีระบบฟิสิกส์ในแบบที่มันควรจะเป็นผสมผสานกับความเป็นแฟนตาซีได้อย่างลงตัว อย่างด่านไหนที่มันเป็นธีมขนมหวาน มีเกล็ดน้ำตาล เราก็ไปต่อย ๆ ให้มันกระจุยกระจาย แล้วจะเกิดเสียง เกิดการกระเด็นกระดอนที่ดูมีความสมเหตุสมผลของมัน หรือที่ผมชอบก็คือตอนเรากดต่อยค้างแล้วมันจะสปินหมุนตัว สร้างเป็นลมขึ้นมา ถ้ามันมีใบไม้อยู่มันก็ปลิวกระจายไปตามที่มันควรจะเป็น มีหลายฉากอยู่เหมือนกันที่ผมหยุดเล่นกับฟิสิกส์ กับฉากอะไรพวกนี้ มันเพลินเวลาเราได้เตะต่อยอะไรเล่น เหมือนเด็กในสนามเด็กเล่นเลย
และนี่คือเกมที่ใช้ฟีเจอร์ของ DualSense แบบครบทุกอณู คุณจะได้เอียงจอยซ้ายขวาในการควบคุมยาน นึกภาพตอนคุณเล่นเกมขับรถแล้วเผลอโยกตัวตามน่ะ เกมนี้คุณจะได้ทำแบบนี้จริง ๆ ด้วย มันคือความเคยตัว มีเสียงที่ออกทั้งลำโพงปกติและลำโพงทางจอย ทำให้ได้อรรถรสมากขึ้นตอนเล่น หรือบางครั้งถึงขั้นต้องเป่าลมจากปากหรือส่งเสียงเข้าไปทางลำโพงจอย เพื่อให้มันไปทำงานกับระบบบางอย่างในเกม คือนอกจากมันจะทำฉากสวย และครีเอทีฟจนกลายเป็นเกมที่สนุกได้แล้ว เขายังใช้ฟีเจอร์และลูกเล่นของระบบ PlayStation ได้คุ้มค่ามาก ๆ
กับอีกส่วนนึงที่ผมชอบจริง ๆ คือ Boss Fight สำหรับผม Boss Fight เกมนี้มันไม่ได้ยากหรือท้าทายอะไร แต่มันสนุกและสร้างสรรค์มาก เราอาจจะเห็นดีไซน์บอสแบบตัวเบ้อเร่อ แล้วเราเป็นหุ่นจิ๋วตัวเล็กนิดเดียวจะสู้ยังไง แต่ในเกมจริง เขาทำได้ครับ แม้จะทำให้ตัวบอสที่ออกแบบมาดูซื่อบื้อไปหน่อย แต่ในฐานะที่มันเป็นเกม Casual ผมว่าตรงนี้เขาหาจุดตรงกลางของทั้งสองอย่างได้ดี บอสไฟท์แต่ละตัวนี่คือสนุกมากจริง ๆ
และแม้ว่า Astro Bot จะไม่ค่อยมีบทสนทนาให้เราได้อ่าน แต่เกมรองรับภาษาไทย ความสนุกของการอ่านภาษาไทยในเกมนี้ คือการแซวหรือล้อเลียนตัวเองของเจ้าแอสโตรบอทรับเชิญจากเกมดังต่าง ๆ เห็นตัว เห็นดีไซน์ก็พอจะรู้ว่ามาจากเกมอะไร แต่พอเห็นคำบรรยายนี่ยิ่งฮาขึ้นไปอีก
นอกนั้นการใช้ภาษาไทยในการตั้งชื่อด่านก็มีเยอะมาก หรือบางด่านก็ตั้งชื่อเอาสวยไปเลย อย่างเช่นช่วงดาวแรก มีด่านที่เราจะได้เล่นในเขตก่อสร้าง เกมก็ตั้งชื่อว่าเขตก่อซิ่ง ส่วนด่านที่ใช้คำสวย ๆ ก็เช่นด่านพฤกษาคีตศิลป์ อะไรพวกนี้ คือเรื่องมาตรฐานของภาษาไทยบนเกมจาก PlayStation เนี่ย ผมว่าไม่ต้องพูดเยอะ เกมเมอร์บ้านเราที่เล่นเกมค่ายนี้มาตลอดน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเกมนี้ไม่ผิดหวัง
ถ้าจะมีอะไรให้ตินิดหน่อยแต่อาจจะไม่ถึงกับต้องหักคะแนน นั่นคือเรื่องของศัตรูภายในเกมที่น้อยมาก ๆ และไม่ค่อยหลากหลาย เล่นชั่วโมงแรกคุณอาจจะเจอศัตรูเกือบทั้งหมดในเกมแล้ว ถ้าคุณเห็นปกเกมนี้ที่แบ่งสองฝั่ง ฝั่งตัวเอกกับตัวร้าย จะบอกว่านั่นแหละครับ เกือบจะทั้งหมดของศัตรูทุกประเภทในเกมแล้ว มันเลยทำให้พอเล่นไปสักพัก แม้จะเป็นฉากใหม่ มีเมคคานิคลูกเล่นใหม่ ๆ แต่เราจะเหมือนไม่ได้คืบหน้าไปไกล เพราะศัตรูมันมีอยู่แบบเดิม ฝูงเดิมเลย แถมเพลงหรือดนตรีประกอบก็ Reuse บ่อยไม่แพ้กัน แต่เทียบกับฉาก กับความสร้างสรรค์ในการเล่นจนผ่านด่าน ผมว่ามันให้อภัยกันได้ ถึงจะน่าเสียดายไปหน่อยจริง ๆ
นี่คือเกมที่คอนเทนต์มันไม่มีพิษมีภัยกับใครเลย พ่อแม่ลูกนั่งเล่นด้วยกันได้แบบสนุก ๆ แฟนเกม PlayStaion จะมีความสุขกับตัวบอทรับเชิญมากแน่ ๆ ความยาวของเกมก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา เป็นอีกเกมที่สาวก PlayStation ควรลองดูครับ ยิ่งใครที่ชอบเก็บถ้วย เก็บ 100% และไม่ยอมใช้ตัวช่วย คุณอาจจะเสียเวลามากกว่าที่คิดไว้ซะอีก
Gameplay
เกมเพลย์ของ Astro Bot นี่คือน่าจะเป็นส่วนที่ผมพูดถึงสั้นหน่อย เพราะมันไม่ซับซ้อน ไม่ยาก และเข้าใจได้ง่ายมาก เกมเพลย์ของเกมนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ เลยคือ เข้าไปในด่าน เดินหน้าไปเรื่อย ๆ หาทางไปต่อ แค่นั้นจบ แต่ระหว่างทาง ถ้าเราสังเกตหรือพยายามมองหา เราจะเจอเส้นทางที่ซ่อนอยู่ เป้าหมายระหว่างฉากคือการเก็บเจ้าบอททั้งหลายกลับไปที่ดาวแม่ เพื่อช่วยกันเปิดเส้นทางใหม่ไปเรื่อย ๆ
ในแต่ละด่านที่เราได้เล่น จุดหมายของเราคือไปจนสุดปลายทาง ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร และระหว่างทางจะมีโอกาสเจอ Bot ที่เราต้องช่วยเหลือกับ Puzzle Piece หรือชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่เมื่อเก็บจนถึงจำนวนแล้ว มันจะปลดล็อกพวกอุปกรณ์เสริมใน HUB เราด้วย เช่นตู้กาชา อ๊ะ อ่า อย่าเพิ่งคิดว่าเกมมันมีระบบอะไรแบบนั้น ตู้กาชาในเกมนี้จะเป็นการไขเพื่อหาของตกแต่งหรือไอเทมประจำตัวของเหล่า Bot ในเกม ซึ่งจะต้องเป็นพวก VIP Bot ด้วย VIP Bot ก็คือพวกบอทรับเชิญจากเกมต่าง ๆ นั่นแหละ Days Gone, Bloodborne, Ratchet & Clank, Uncharted อะไรพวกนี้ ถ้าอยากให้มีของประจำตัวมาตกแต่งเท่ ๆ ก็ต้องใช้เหรียญทองตามฉากหยอดตู้กาชาเอา แต่ของพวกนี้มันตกแต่งได้เท่านั้นนะครับ เราเอาบอทไปเล่นไม่ได้ เน้นสวยงามกับเก็บสะสมล้วน ๆ
นอกจากนั้นเกมยังมีพวกฉากลับที่เป็น Space Dimension โดยจะมี VIP Bot ให้เก็บเพิ่มและเก็บเหรียญทองเพิ่มด้วย อันนี้ใครจะเก็บไม่ครบแล้วย้อนมาเก็บอีกทีก็ได้ เพราะ Bot ปกติ และ VIP Bot มันไม่ได้ต่างอะไรกันเลย แค่ VIP Bot มันคือพวกตัวรับเชิญจากเกมอื่น ๆ เฉย
มาดูที่ HUB ศูนย์กลางของเรากันก่อน ตรงจุดนี้จะเป็นเหมือกนับศูนย์กลาง เราจะเจอเครื่อง PS5 ที่เหลือแต่ซาก รอให้เราเอาอะไหล่กลับมาซ่อม นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของพวก Bot ที่เราช่วยเหลือกลับมาอีกด้วย โดยพวก Bot จะเดินเล่น ใช้ชีวิตอยู่รอบ ๆ พื้นที่ส่วนกลาง และเราสามารถเพิ่มลูกเล่นให้มันได้ Puzzle Pieces ที่เก็บมานั่นแหละ ที่จะช่วยปลดล็อกสิ่งของต่าง ๆ ในพื้นที่ศูนย์กลางของเรา แล้วพอจำนวน Bot เราเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะออกสำรวจพื้นที่บน HUB ของเราได้มากขึ้น ด้วยการเรียกรวมเหล่า Bot และมาช่วยกันทำอะไรบางอย่าง อันนี้บางอันก็น่ารัก บางอันก็ตลกดี
ทีนี้มาดูเกมเพลย์ในส่วนของการตะลุยด่านกันบ้าง เอาจริง ๆ คือมันไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยากอะไรเลย หน้าที่เรามีแค่ฝ่าไปถึงปลายทาง การโจมตีของเราก็มีแค่เตะกับต่อย และการกดกระโดดค้าง เพื่อทำให้ลอยตัวได้ชั่วครู่และมีเลเซอร์ที่ขาเท่านั้น แต่กลไกการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์จะไปอยู่ในส่วนของ Signature Item ประจำฉากแทน ในระหว่างการเล่นเราจะได้รับตัวช่วยเป็นเหมือนกับพลังพิเศษประจำด่านที่ใช้ในการลุยด่านนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น สโลโมคาสิโน อันนี้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งแพลตฟอร์ม ทั้งการโจมตีของศัตรู เราก็จะได้ตัวช่วยเป็นพลังในการชะลอเวลา อันนี้สนุกมาก แล้วไม่ใช่แค่ชะลอเวลาเฉย ๆ ตอนที่เราชะลอเนี่ย ถ้าเราต่อยศัตรูกระเด็น มันก็จะกระเด็นแบบสโลว์ หรือถ้ามันมีฉากที่เป็นน้ำกระเด็น หรือศัตรูเป็นพวกของเหลว เวลาเราต่อยหรือชะลอเวลา มันก็กระเซ็นในแบบที่ควรจะเป็นด้วย ผมชอบด่านนี้มาก หรือพลังน้องหมาที่ทำให้เราพุ่งได้ อันนี้ได้ใช้ตั้งแต่ดาวแรก ๆ สนุกเหมือนกัน น่าเสียดายที่พลังพวกนี้มันอยู่กับเราแค่ฉากนั้นฉากเดียว แต่ก็พอเข้าใจได้ ถ้าใส่ได้ทั้งเกมนี่ เกมมันจะง่ายและจบไวมาก ๆ
อีกอันที่ผมชอบเป็นพิเศษและแฟน ๆ PlayStation ก็น่าจะต้องชอบด้วย คือด่านไอคอนิคของ IP เกมดังจาก PlayStation โดยด่านพวกนี้จะปลดล็อกเมื่อเราเอาชนะบอสบนดาวดวงนั้นได้แล้ว ก็จะปลดให้เราได้เล่นกันต่อ เพื่อกู้คืนอะไหล่เครื่อง PS5 ในเกม อย่างดาวดวงแรกจะเป็นแรงบันดาลใจจาก Ape Escape ไล่จับลิงกันให้วุ่น ดาว 2 นี่ God of War เลย เจอทั้ง Kratos กับ Atreus โดย Kratos โยนขวานให้เราใช้ และกลไกการเล่น ก็เหมือนยกเอา God of War ออกมาทำเป็นมินิเกม 1 ด่านใหญ่ ๆ ให้เล่น ดาว 3 ก็จะเป็น Uncharted ก็เจอพี่เนธานโยนปืนให้เราใช้อีก อันนี้คือสนุกทุกดาวจริง ๆ
แต่อย่างที่บอกไป คือเกมมันสนุกในการไปเจอด่านใหม่ ๆ ได้ใช้เมคคานิคของด่านนั้น ๆ ในการผ่าน มันสนุกก็จริง แต่หลายคนอาจจะมองว่ามันเริ่มจำเจไปหน่อยในช่วงครึ่งหลังของเกม ที่พลังและกลไกบางอย่างถูกใช้ซ้ำค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน ใครเบื่อง่าย คุณอาจเล่นเกมนี้ไม่จบ แต่สำหรับผม ในฉากหลัง ๆ เนี่ย แม้ว่ามันจะ Reuse พลังและรูปแบบการเล่น แต่สิ่งที่ดึงดูดผมให้เล่นต่อจนจบได้ คืออยากรู้ว่าทีมงานเขาจะใช้อะไรมาเป็นฉากหลัง และดีไซน์ฉากแบบไหนออกมา ซึ่งบอกเลยว่าตรงส่วนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบนี่แทบไม่ผิดหวังจริง ๆ และมันก็พอจะทดแทนส่วนของเกมเพลย์ที่มีการ Reuse ได้มากเลยทีเดียว
Astro Bot มันมาด้วยเกมเพลย์ที่เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย แต่สนุกมาก มันเหมือนเราได้ย้อนไปเล่นเกมเก่าสมัยก่อน แต่นำเสนอในคุณภาพกราฟิกที่สมยุคสมัย ผสมผสานเทคโนโลยีของ PS5 เข้าไปแบบเต็ม ๆ ใครชื่นชอบเกมแนวนี้ขอย้ำอีกทีว่าไม่ควรพลาด
Performance
ส่วนที่พูดถึงและเรียกได้ว่าจัดการได้ง่ายที่สุดของ Astro Bot ก็น่าจะเป็นในส่วนของ Performance นั่นเพราะ มันไม่มีอะไรเลยครับ เกมนี้มีเพียง 3 การตั้งค่าเท่านั้น คือการตั้งค่ามุมกล้อง การตั้งค่าการเข้าถึงที่เป็นการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย และการตั้งค่า HDR เท่านั้น คือดูแล้วรู้เลยว่าเขาสร้างมาเพื่อให้เล่นแค่บน PlayStation 5 แบบไม่สนการ Optimize ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเยอะ มันรันได้ลื่นของมันอยู่แล้ว ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นปรับแต่งอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นในส่วนนี้ ไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะเลย เพราะมันไม่สามารถปรับอะไรได้
ส่วนของเกมการเล่น ก็เป็นตลอดเวลา 30 ชั่วโมงที่เราไม่ได้เจอบั๊กหรือปัญหาอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าคะแนนส่วนนี้เต็มสิบ ก็เพราะว่าเขาทำมาให้เล่นแค่บนเครื่องนี้ แบบไม่สนใจเผื่อไว้ทำเครื่องอื่นเลย มันเลยทำได้ดีขนาดนี้
Astro Bot คือเกมที่ทำมาเพื่อเฉลิมฉลอง PlayStation 5 แต่ทำออกมาได้ดีมาก ไม่ใช่แค่เกม Tie-in แต่มันมีความเป็นวิดีโอเกมที่เล่นสนุกจริง ๆ แถมยังเคารพแฟน ๆ และ IP ต่าง ๆ ของ PlayStation ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นอีกเกมที่ไม่ผิดหวังของปีนี้เลย