BY Nuttawut Apiratwarakul
3 Apr 18 10:38 pm

[Co-op Review] A Way Out

94 Views

ความหวังใหม่ของวงการเกมแนว Co-op หรือเพียงเกม Action ลุยด่านดาดเดื่อนทั่วไป A Way Out คือสิ่งไหนและตัวเกมมีอะไรมอบให้คุณไปชมการรีวิวรูปแบบ Pack คู่ดูโอจาก GamingDose กัน 

วางจำหน่ายกันไปแล้วสักพักสำหรับ A Way Out อีกหนึ่งเกม Action Coop ที่หลายคนเฝ้าคอยและจับตามอง ตัวเกมได้รับกระแสตอบรับแบบหลากหลายจากทั้งเว็บไทยและเว็บนอก

ทาง GamingDose ของเรามีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับตัวเกมลองไปดูจากปากคำของ Jokeboy และ Gene ในการรีวิวแบบ Coop กันได้เลย

*บทความนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยทีมงานเว็บไซต์ 2 คนเพื่อให้เห็นถึงความคิดเห็นที่อาจแตกต่างกันไป สีฟ้าคือความคิดเห็นจากคุณ โน้ต (Jokeboy) และ สีแดงคือความคิดเห็นจาก ยีน

A Way Out

Story

ตัวเกมเปิดฉากด้วยเนื้อหาแบบสูตรสำเร็จสไตล์หนังแหกคุกกับสองตัวละครเอก Vincent นักโทษหน้าใหม่ไก่อ่อนกับ Leo นักโทษเก่าตัวเก๋าประจำถิ่น ก่อนที่เรื่องราวจะค่อยๆ ขยายปมสู่เรื่องราวดราม่าครอบครัวกับการไล่ล่าล้างแค้นของสองหนุ่ม ในด้านของเนื้อเรื่องนั้นตัวเกมเรียกได้ว่าไม่ได้มีอะไรใหม่หรือน่าแปลกใจแต่อย่างใดแถมเนื้อเรื่องยังออกแนวเอื่อยๆ เฉื่อยๆ เกินไปในบางจังหวะก่อนจะมาเร่งเร้าบีบอารมณ์เค้นหัวใจในช่วงท้ายของเกม  โดยส่วนตัวผมชอบความสัมพันธ์ของตัวละครเอกทั้งสองแต่ไม่ค่อยปลื้มบทของตัวร้ายและเนื้อหาในส่วนของครอบครัวสักเท่าไหร่ (ผมว่าโดยรวมบทของตัวเกมสามารถทำให้กระชับหรือ “ดี” ได้มากกว่านี้)

A Way Out เปิดเรื่องได้อย่างน่าสนใจ การแหกคุกยังคงเป็นเรื่องท้าทายในทุกยุคทุกสมัยของโลกภาพยนตร์และวิดีโอเกม การได้เห็นตัวละครที่สุดโต่งแบบคนละขั้วต้องจับพลัดจับผลูมาร่วมมือกัน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและกระชับฉับไวในช่วงต้น จนดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งการกางยุทธศาสตร์พลิกชีวิตฝ่ากำแพงสูงเพื่อออกไปตามล่าฆ่าคนใจโฉด (ที่โฉดกว่าเรา) จะต้องตื่นเต้นเร้าใจและเป็นการผจญภัยอันแสนยาวนาน  แต่เมื่อเล่นไปสักพักตัวเกมก็ปรับเปลี่ยนไปสู่ช่วงเวลาแห่งครอบครัว ความดราม่าน้ำตารื้นที่ไม่รักก็เกลียดกันไปเลย และตบท้ายด้วยจังหวะการไล่ล่าพอประมาณให้ได้สำราญกันก่อนจะจบลง

A Way Out

Gameplay

ตัวเกมมาในแนวเกม Action Co-op (คุณต้องเล่นเกมนี้กับคนอื่นท่านั้น ไม่สามารถเล่นคนเดียวได้) โดยส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่คุณจะได้ทำคือการเดินสำรวจในฉากและหาทางไปต่อโดยไขปริศนาแบบง่ายๆ และแม้ตัวเกมจะเน้นการเล่นแบบ Co-op แต่เอาเข้าจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าร่วมมือกับผู้เล่นอีกคนมากเท่าไหร่ (แตกต่างจากในเกมอย่าง Left 4 Dead หรือ Portal 2 ที่ผมรู้สึกถึงความร่วมมือกันจริงๆ)  นอกจากการไขปริศนาเป็นระยะตัวเกมยังมีฉาก Action ในแบบฉากต่อสู้และฉากกับขับยานพาหนะสลับไปมาเป็นระยะ  โดยรวมแล้วระบบการเล่นของเกมให้ความรู้สึกเหมือนการนั่งดูภาพยนตร์มากกว่าจะเป็นเกมที่บังคับให้คุณต้องพยายามแบบจริงจังซึ่งจุดนี้อาจสร้างความขัดใจให้หลายคนได้

ไม่รู้ด้วยการนำเสนอส่วนดีส่วนเด่นของตัวเกมผ่าน Trailer ที่มากเกินหรือผิดที่ความคาดหวังของผมเอง เกมเพลย์ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการไขปริศนาเล็กๆ ไปเรื่อยจนสิ้นสุดที่ปลายทาง ในยุคสมัยที่วิดีโอเกมพยายามจะเปิดกว้างให้อิสระกับผู้เล่นมากยิ่งขึ้น A Way Out กลับบีบให้ตัวเลือกของเกมมีน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น การร่วมมือกันในวิดีโอเกมไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการช่วยกันเปิดประตู ฝ่าสิ่งกีดขวาง หรือผลัดกันทำเป้าหมายตามที่เกมบีบบังคับไว้

ตัวเลือกในเกมนั้นแม้จะมีให้เลือกอยู่บ้างในแต่ละฉากโดยผันแปรไปตามกมลสันดานของตัวละครที่ถูกเขียนไว้อย่างเด่นชัด แต่ตัวเลือกเหล่านั้นก็ไม่ได้ส่งผลกับตัวเกมมากเท่าไหร่นัก ความยากง่ายที่มีก็แทบจะไม่แตกต่างกัน รวมไปถึงไม่ได้ทำให้เส้นทางชีวิตที่กำลังจะมาถึงถูกเปลี่ยนไปแต่อย่างใด  หากจะเปรียบให้เห็นภาพว่ามันเหมือนกับการกินก๋วยเตี๋ยวด้วยตะเกียบหรือส้อมนั่นแหละ แม้วิธีจะต่างกันแต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสของเนื้อหาแตกต่างกันจนทำให้อยากกลับมาเล่นซ้ำสักเท่าไหร่นัก

A Way Out

Presentation

กราฟฟิกในเกมนั้นอาจไม่ได้สวยงามสมจริงด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำแต่ก็ต้องชื่นชมทีมงานที่ทำให้ตัวเกมดูสวยได้มากขนาดนี้ จุดที่ผมขอชื่นชมมากที่สุดคือเรื่องของการตัดมุมกล้องและการนำเสนอฉากต่างๆ การที่ต่ัวเกมบังคับให้ผู้เล่นสองคนมองเห็นจอเดียวกันตลอดก็ถือเป็นไอเดียแปลกใหม่ที่น่าสนใจแม้จะไม่มีจุดเด่นในระบบนี้ถึงขั้นที่ทำให้ต้องร้องว้าวออกมาได้   ด้านการนำเสนอนั้นผมสองจิตสองใจในตัวเองเพราะมีหลายจุดของเกมที่ผมชื่นชอบและก็มีอีกหลายจุดที่ทำออกมาได้ขัดใจผมอย่างมาก

ส่วนที่ดีที่สุดของ A Way Out ก็คือวิธีการนำเสนอเนื้อหาของตัวเกมนี่แหละครับ แม้ว่าเราจะไม่ได้ซึมซับตัวเกมผ่านภาพกราฟิกที่คมชัดสวยงาม แต่การเล่นพร้อมกันในลักษณะของการแบ่งหน้าจอที่มีไดนามิคสวยงาม การสลับไปมาโดยให้น้ำหนักกับความสำคัญในสถานการณ์ขณะนั้น รวมไปถึงรูปแบบการนำเสนอในแต่ละฉากสำคัญที่มีการผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ ดูดีดูเพลินและมีความแปลกใหม่ จุดนี้ต้องให้คะแนนกับทีมพัฒนาที่หยิบฟังค์ชั่นการแบ่งหน้าจอที่เลือนหายไปตามกาลเวลากลับมาได้อย่างคุ้มค่าและน่าสนใจ

A Way Out

Conclude

ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการนั่งเล่นกับเพื่อนข้างๆในจอเดียวกัน หากถามว่า A Way Out เป็นสุดยอดประสบการณ์เกมหรือเปล่าผมก็ตอบได้เลยว่าไม่ใช่ มันมีไอเดียที่ดีหลายอย่างแต่ก็มีปัญหาในตัวมันเองอยู่หลายจุด แต่สิ่งที่ A Way Out มีคือความกล้าในการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ หากคุณมีเพื่อนสนิทที่มีรสนิยมการเล่นเกมหรือดูหนังแบบเดียวกัน A Way Out จะมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจ ที่น่ายังหาจากเกมอื่นไม่ได้ในเร็วๆนี้

เกมนี้จะคุ้มหรือไม่ขึ้นอยู่กับมุมมองและความคาดหวังของแต่ละคนอย่างมาก หากคุณคาดหวังเกมลอบเร้นผจญภัยที่ตื่นเต้นและเร้าใจ เกมนี้อาจไม่อิ่มหนำสำราญใจเท่าไหร่สำหรับคุณ หรือถ้าคุณคาดหวังการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน ตัวเลือกมากมายและบทสนทนากินใจพร้อมบีบน้ำตาของคุณให้รินไหลออกมา เกมนี้ก็อาจจะพอมอบให้คุณได้บ้างในราคาย่อมเยาว์

แต่ถ้ามองว่าเกมนี้คือการเติมเต็มประสบการณ์การเล่นเกม Coop กับเพื่อนคู่ใจที่นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ไม่กินเวลามากจนเกินไปและมีเกมการเล่นที่เข้าถึงง่ายราวกับดูภาพยนตร์ นี่ก็คงเป็นเกมที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณในเวลานี้

*คะแนนรีวิวด้านล่างเป็นการรวมคะแนนกันระหว่าง 2 ความคิดเห็น

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top