กลับมาอีกครั้งกับเกมยิง Open World สุดกว้างใหญ่ไพศาลของ Ubisoft ครั้งนี้หน่วย Ghost เผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านระบบหลักและรูปแบบเกมการเล่น
Ghost Recon: Breakpoint ถือเป็นภาคต่อโดยตรงจาก Ghost Recon: Wildlands เกมยิง Tactical Open World ของ Ubisoft ที่วางจำหน่ายไปในปี 2017
และแม้จะถือเป็นภาคต่อแต่ตัวเกมและเนื้อหาการเล่าเรื่องก็มีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างในหลายจุด โดยวันนี้เราจะขอนำตัวเกมมาย่อยให้ฟังกันเป็นส่วน ๆ ไปดูกันเลย
สงครามสหายสายเลือด Ghost
แม้ว่า Breakpoint จะได้ชื่อว่าเป็นภาคต่อโดยตรงของ Wildlands แต่ในด้านเนื้อหาแล้วเกมเมอร์สามารถกระโดดมาเล่นตัวเกมภาคนี้ได้โดยไม่รู้สึกติดขัดใด ๆ ยกเว้นใครที่ได้เล่นภารกิจ DLC ของ Wildlands ก็อาจจะมีความ “อิน” มากขึ้นหน่อยกับ Walker ตัวร้ายหลักในตัวเกมภาคนี้
เนื้อเรื่องของเกมจะเล่าถึง Skell Technology บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีพลังอำนาจระดับเปลี่ยนแปลงโลก ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า และเงินทุนมหาศาล Skell พัฒนาโลกไปในหลายระดับ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ผิดปกติเมื่อหุ่น Drone ของ Skell ถูกใช้ลอบสังหารบุคคลสำคัญ และการติดต่อจากหมู่เกาะ Auroa ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Skell ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สหรัฐอเมริกาจึงตัดสินใจไฟเขียวปฎิบัติการลับส่งหน่วย Ghost เข้าไปยังพื้นที่เพื่อสืบหาข้อมูล
แต่ภารกิจก็ล้มเหลวกลางทางเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของเหล่า Ghost ถูกโจมตีด้วยหุ่น Drone ลึกลับจนตก ขณะเดียวกัน Walker อดีตสหายหน่วย Ghost กลับปรากฎตัวขึ้นในฐานะผู้นำของกลุ่ม Wolves กองกำลังทหารลึกลับที่ล้วนแต่เป็นอดีตหน่วย Ghost เช่นกัน การต่อสู้ระหว่างคุณในฐานะหัวหน้าหน่วย Ghost ผู้รอดชีวิตกับ Walker จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ในด้านของการเล่าเรื่องนั้นตัวเกมภาคนี้ มีความพยายามในการปรับปรุงให้เนื้อหามีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวร้ายที่ถูกปรับให้มีปมที่น่าสนใจ การที่ตัวเอกมีเสียงพากย์และสามารถพูดคุยกับเหล่า NPC และการที่ตัวเกมก็มีคัทซีนอยู่จำนวนมาก เรียกได้ว่า Ubisoft ดูมีความตั้งใจที่จะทำให้เนื้อหาของตัวเกมภาคนี้พัฒนาไปอีกระดับจาก Wildlands
ภารกิจน้อยใหญ่ในเกมก็จะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับเหล่า Wolves และช่วยเหลือเหล่าประชาชนกองกำลังต่อต้านที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ โดย Breakpoints มีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ดูล้ำหน้ามาก ๆ ทั้งในเนื้อเรื่องและระบบการเล่นซึ่งจุดนี้อาจจะขัดใจแฟนเกม Ghost Recon ที่ต้องการความสมจริงได้ครับ
ส่วนตัวเนื้อเรื่องหลักอาจจะดูเปิดตัวได้ธรรมดา แต่พอเล่นไปสักพักตัวเกมก็พยายามผลักดันให้มีความเข้มข้น มีการสืบหาเบาะแสเพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้ลึกล้ำอะไรมากแต่ก็ถือว่ามีการนำเสนอที่น่าสนใจ ไม่ได้เล่าเรื่องเป็นเส้นตรงอย่างที่ผมคาดเดาไว้ในตอนแรก
โดดเดี่ยวไม่เดียวดายหลังแนวข้าศึก
รูปแบบการเล่นหลักของ Breakpoint เรียกได้ว่ายกเอาระบบหลักทั้งหลายของ Wildlands กลับมาอีกครั้ง ตัวเกมหลักยังเน้นในเรื่องของการออกสำรวจในโลก Open World สุดกว้างใหญ่ ทำภารกิจหลักและภารกิจย่อย ตลอดไปจนถึงสำรวจหา Item ต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่
การเล่นในแบบเกมยิงบุคคลที่สามก็มาพร้อมเทคนิคต่าง ๆ ที่แฟนเกมแนวนี้คุ้นเคย ทั้งการลุยแหลกแจกกระสุน ลอบยิงจากระยะไกล หรือลอบเร้นย่องเชือดเก็บเสียงในระยะประชิด ด้วยการที่ตัวเกมมีแผนที่ขนาดใหญ่และเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าไปทำภารกิจในช่วงเวลาไหนทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะจัดการภารกิจแบบไหนตามใจต้องการ
ด้าน AI ของศัตรูก็มีความฉลาดมากขึ้นกว่าเก่า ในช่วงแรกของเกมคุณอาจจะยังไม่พบกับความท้าทายมากเท่าไหร่ แต่เมื่อเล่าไปสักพักศัตรูในเกมจะมีการออกตามหาตัวเรา มีการลาดตระเวน ส่งโดรนออกตรวจ แม้กลยุทธส่วนใหญ่ของพวกมันจะเป็นการยิงกดดันและส่งหน่วยลุยเข้ามาขยี้ แต่การที่พวกมันยิ่งแม่นมาก ๆ ก็ถือว่าสร้างความท้าทายเอาเรื่องเหมือนกัน
ศัตรูในเกมยังถูกแบ่งออกเป็นสามแบบใหญ่ ๆ คือเหล่า Sentinel ทหารระดับล่างธรรมดาทั่วไป เหล่า Wolves อดีตหน่วย Ghost มากฝีมือ ซึ่งฝ่าย Wolves จะมีความเก่งกาจมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องการตรวจเรียกได้ว่าปาดให้เห็นแป็บเดียวมันก็รู้แล้วว่าเราแอบย่องอยู่ในฐาน ส่วน Drone ก็ถือเป็นศัตรูรูปแบบใหม่ในภาคนี้ที่มีตั้งแต่ Drone บินยิงธรรมดาไปจนถึง หุ่นยนต์รถถังติดจรวด
สำหรับคนที่สนใจอยากรู้เกี่ยวกับ AI ของเพื่อนร่วมทีม “ข่าวร้าย” ก็คือตัวเกมภาคนี้ไม่มี AI เพื่อนร่วมทีมให้เราเรียกใช้งานในตอนนี้ โดย Ubisoft ระบุไว้ว่าจะมีการอัพเดทเพื่อนร่วมทีมแบบ AI เข้ามาในภายหลัง ทำให้ ณ ตอนนี้หากคุณอยากเล่นแบบครบทีมคุณก็จำเป็นต้องมีเพื่อนเล่นหรือเข้าไปหา Party ผ่านระบบ Matchmaking ของตัวเกม
ตัวเกมยังคงมีระบบ Level และการอัพ Skill อีกเหมือนเคย โดย Skill ในภาคนี้ถูกแบ่งเป็น Skill Passive ที่เป็นการปลดล็อคความสามารถใหม่ ๆ เช่นการใช้ Night Vision การใช้ร่มชูชีพ หรือการใช้ Drone Skill อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ Skill ในรูปแบบ Perk ซึ่งเป็นโบนัสพิเศษที่เราต้องเลือกติดตั้ง (ติดตั้งได้สูงสุด 3 ช่อง) ซึ่ง Perk ก็มีทั้งเพิ่มกระสุนที่พกไปได้ หรือ เพิ่มความแม่นยำในการใช้ปืนรูปแบบต่าง ๆ
สุดท้ายก็คือระบบ Class ซึ่งตัวเกมภาคนี้แบ่ง Class ใหญ่ออกเป็น 4 Class ได้แก่ Medic, Assault, Sharpshooter และ Panther โดยแต่ละ Class ก็จะมีความสามารถและ Skill พิเศษประจำตัวแตกต่างกันออกไป การผสมพสาน Class และ Perk ก็ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการสร้างตัวละครในแบบที่ตนเองต้องการ
ที่น่าสนใจอีกจุดคือระดับเลเวลาของ Class จะไม่ได้พัฒนาโดยใช้ EXP ตามระดับเลเวลหลักของตัวละครแต่จะใช้การทำภารกิจที่กำหนดเช่นยิงศัตรูจากระยะไกล รักษาพยาบาลช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม ซึ่งตัวภารกิจก็ถูกแบ่งให้เลือกทำได้ทั้งในโหมด PvE และ PvP
เมื่อวนมาถึง PvE ก็ต้องยกมาบอกก่อนว่าระบบ Progression หรือการพัฒนาตัวละครในภาคนี้จะถูกเชื่อมโยงกันทั้งใน PvE และ PvP กล่าวคือความสามารถ อาวุธ อุปกรณ์ ทั้งหมดของคุณจะถูกใช้ร่วมกันในทั้งสองโหมด
ทุกอย่างที่ผมว่ามาข้างต้นถือได้ว่าเป็นระบบการเล่นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากภาค Wildlands แต่ Breakpoint ได้นำการเปลี่ยนแปลงสำคัญบางอย่างมาสู่ซีรีส์นี้โดยจุดที่ตัวเกม “เปลี่ยน” ไปอย่างชัดเจนก็ถูกแบ่งเป็นสองจุดใหญ่
อย่างแรกคือระบบการเล่นที่เน้นในเรื่องการเอา “เอาชีวิตรอด” มากขึ้น ภาคนี้ตัวละครของเรามี Stamina การวิ่งแบบ Sprint ให้ตัวละครของเราเหนื่อย มีอาการบาดเจ็บที่ชัดเจนเมื่อถูกโจมตี ไปจนถึงการลื่นไถลตัวลงจากเนินเขาหาก Stamina หมดลง นอกจากนั้นก็เป็นในเรื่องของการมีท่าสังหารในระยะประชิด มีการ Buff เพื่มความสามารถพิเศษจากการตั้งแคมป์หรือใช้ Item เสบียงแบบพิเศษ มีการเก็บ Item ไว้ Craft ของและอัพเกรดอาวุธจากของในฉากและการทำลายอาวุธและชุดที่ไม่ได้ใช้
และการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการมาถึงของระบบ Gear Score ทำให้อาวุธ ชุดเกราะ ในภาคนี้มีค่า Stats และระดับ Tier แบบเดียวกับเกม RPG กล่าวคืออาวุธในชุดในภาคนี้จะมีระดับเลเวลกำกับเป็นตัวระบุพลังโจมตีและพลังป้องกัน และอาวุธในระดับสูงก็จะมี Bonus พิเศษเล็กน้อยเช่น เพิ่มความเร็วในการใส่กระสุน เพิ่มโบนัสพลังโจมตี
จุดที่ทำให้ Breakpoint แตกต่างจากเกมค่ายเดียวกันอย่าง The Division ก็คือศัตรูในเกมไม่ได้ทนกระสุนได้เป็นสิบหรือร้อยนัด ไม่ว่าจะเป็นปืนแบบไหนศัตรูระดับอะไร เราก็ยังสามารถสังหารพวกมันได้หากยิงโดนหัวเต็ม ๆ มีเพียงศัตรูในรูปแบบหุ่น Drone ที่ทนทานกระสุนเป็นพิเศษ
ความเป็น RPG ของตัวเกมยังถูกนำไปใช้ในส่วนอื่นเช่นการที่เราสามารถเลือกพูดคุยถามตอบกับ NPC ในเกมได้ หรือแม้กระทั่งการที่ตัวเกมมีแผนการที่จะนำภารกิจแบบ Raid หรือการต่อสู้ในระดับ End Game ของเกมออนไลน์ทั้งหลายอัพเดทตามเข้ามาในภายหลัง
เกาะไม่ร้างไม่ห่างรัก
ในด้านกราฟฟิกนั้น Breakpoint ถือว่ามีความสวยงามและพัฒนาภาพมากขึ้นจาก Wildlands แบบเห็นได้ชัด อนิเมชั่นต่าง ๆ ของตัวละครมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่หน้าตาของตัวละครรวมไปจนถึงเสียงพากย์และบทพูดยังดูมีความติดขัดอยู่บ้าง
ส่วนที่น่าขัดใจก็มีให้เห็นอยู่หลายขุดเช่นมุมกล้องที่ดูแคบทำให้เรารู้สึกอึดอัดได้ง่ายในบางจังหวะ Bug ของเกมที่ผมเจอมามีทั้งการตกทะลุพื้น เดินทะลุกำแพง บัคอนิเมชั่นหน้าตาตัวละคร ไปจนถึงอาการเกมค้างหลายวินาทีที่ผมเองก็ยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้
ประเด็นข้อเสียใหญ่สำคัญอีกข้อก็คือการที่ตัวเกมภาคนี้ถูกปรับให้กลายเป็นเกม Online RPG หาของ ทำให้ Breakpoint เป็นเกมที่ต้อง Online ตลอดเวลาในตอนเล่น หากเปิดปัญหาเน็ตหลุดหรือ Server ดับหรือปิดปรับปรุงผู้เล่นจะถูกส่งออกมาหน้าจอหลักของเกมในทันที ใครที่การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไม่ค่อยเสถียรก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ไว้ด้วยครับ
คำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้ก็คือคุณภาพของการแปล “ภาษาไทย” คุณภาพการแปลโดยรวมก็ถือว่ามีการปรับปรุงจากข้อผิดพลาดในช่วง Beta แต่ก็ยังถือว่าแปลออกมาได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
โดยปัญหาใหญ่สองเรื่องของการแปลไทยในเกมนี้ก็คือเรื่องคำศัพท์ทางการทหาร และคำพูดที่ไม่ตรงกับบริบทของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของการแปลคำว่า You เป็น “แก” ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาระหว่างใครกับใคร
Breakpoint ถือเป็นเกมที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ ทั้งในเรื่องของแผนที่และปริมาณเนื้อหาภารกิจ เกาะ Auroa ฉากหลังหลักในเกม Breakpoint ถูกสร้างสรรค์มาได้สวยงาม มีความหลากหลายด้านสภาพแวดล้อม ภารกิจรองและ Item จำนวนมหาศาลถูกยัดเอาไว้ในทุกมุมของแผนที่ เกมเมอร์สายตามเก็บของน่าจะชื่นชอบและมีกิจกรรมให้ทำนับร้อยชั่วโมงกันเลย
นอกจากกิจกรรมเสริม ภารกิจหลัก การตามล่าหาของแต่งปืนและปืนใหม่ Breakpoint ยังมาพร้อมกับโหมด PvP ที่มีชื่อว่า Ghost War ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบทีมระหว่างผู้เล่นแบบ 4 VS 4
ตัวอาวุธอุปกรณ์ในโหมดนี้จะถูกจำกัดค่าพลังไว้เพื่อไม่ให้ผู้เล่นระดับสูงได้เปรียบผู้เล่นมือใหม่ แต่ Skill และ Bonus ต่าง ๆ ยังถูกเปิดใช้งานตามปกติ
Ghost War ถือว่ามีความสนุกและนำเสนอไอเดียที่น่าสนใจ มีการเล่นที่ตื่นเต้นเร้าใจ แต่น่าเสียดายที่มีโหมดหลักให้ได้เล่นเพียงแค่ 2 โหมดเท่านั้น แต่ใครที่เบื่อการทำภารกิจหรือหาของในโหมด PvE ก็สามารถกระโดดมาเล่นโหมดนี้ได้เพราะ Ghost War แจกค่า EXP ไปจนถึงเงินและ Item ให้ผู้เล่นที่เข้าร่วม ไม่ต้องกลัวเสียเปรียบตามผู้เล่นสาย PvE ไม่ทัน
สรุป
ถ้าคุณเป็นผู้เล่นสาย Solo ใจรักการเล่นคนเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร คุณก็คงจะผิดหวังกับ Breakpoint เพราะระบบทุกอย่างในเกมภาคนี้ถูกพัฒนาเพื่อโหมด Coop และนี่ก็ไม่ใช่ Ghost Recon ที่เน้นการทำภารกิจแบบมีชั้นเชิง อาศัยการวางแผนเข้าจัดการศัตรูแบบที่แฟนเกมรุ่นเก่าคุ้นเคย
หากคุณมีสหายร่วมรบพร้อมลุย Coop หรือคุณไม่ติดใจการกระโดดไปเล่นกับคนอื่นในอินเตอร์เน็ด Breakpoint มีเนื้อหามากมายจำนวนมหาศาลรอให้คุณได้ไปสนุก โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเก็บเลเวล และนิยมการตามหา Item อัพเกรดพัฒนาตัวละครไปเรื่อย ๆ
Breakpoint มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงระบบตัวเกมในหลายจุดโดยเฉพาะการใส่ระบบเกม RPG เข้ามาในเกม การเปลี่ยนแปลงจุดนี้อาจจะถูกใจแฟนเกมบางส่วนและอาจทำให้แฟนเกมอีกบางส่วนผิดหวัง
ใครที่เคยชื่นชอบภาค Wildlands มาก่อนอาจจะต้องตัดสินใจดูให้ดีกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมว่ามา ส่วนใครที่พร้อมเปิดใจรับระบบ RPG และมีทีมงานพร้อมอยู่แล้ว Breakpoint ก็พร้อมมอบความสนุกด้วยเนื้อหาจำนวนมหาศาลที่เล่นกันได้อีกหลายร้อยชั่วโมง ส่วนใครที่เป็นแฟนเกม Ghost Recon รุ่นเก่าและคาดหวังว่าภาคนี้จะเป็นการย้อนรอยกลับไปหาต้นฉบับก็ต้องผิดหวังและเฝ้ารอกันต่อไปครับ
ข้อดี
- เนื้อหาจำนวนมหาศาลที่มีให้เล่นในตอนนี้และพร้อมมีอัพเดทเพิ่มในอนาคต
- กราฟฟิกและฉากหลังสวยงาม
- สนุกสนานและเปิดกว้างมีหลากหลายทางเล่นให้ทำเมื่อเล่นกับเพื่อน
- ดนตรีประกอบ
ข้อด้อย
- บัคจำนวนมาก
- Microtransaction จำนวนมหาศาล ของแต่งตัวสวยงามหลายชิ้นถูกยกไปไว้ในร้านค้า
- การแปลไทยที่ยังทำได้ไม่ดีพอ
- ระบบ Loot Item และระบบ RPG ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับแนวทางของเกมตระกูล Ghost Recon