รอกันมา 8 ปี เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนแอบคิดว่าคงไม่ได้เล่นกันแล้ว แต่ในที่สุดเกมนี้ก็ออกวางขาย มันจะสมการรอคอยหรือไม่ มาติดตามกันในรีวิว “Granblue Fantasy: Relink”
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของ Granblue Fantasy เกิดขึ้นในอาณาจักรแห่งท้องฟ้า ที่มีเกาะลอยฟ้า, ตำนาน รวมถึงสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่เรียกว่า “Primal Beast” อยู่ด้วยมากมาย
คุณจะได้รับบทเป็น “Gran” ตัวเอกของเรื่อง หรือถ้าเล่นเป็นเพศหญิงก็จะชื่อ “Djeeta” (แต่ในที่นี้เราขอเรียกว่า Gran) ซึ่งตัว Gran มีความฝันอยากเป็น “Skyfarer” หรือก็คือนักเดินทางแห่งท้องฟ้า ตามรอยพ่อที่ออกจากบ้านไปนานแล้ว กระทั่งวันหนึ่งจังหวะก็เป็นใจ เมื่อเราได้พบกับ “Lyria” เด็กสาวลึกลับที่สื่อสารกับ Primal Beast ได้ แถมยังเรียก Primal Beast สุดแกร่งอย่าง Bahamut ออกมาได้ด้วย
ทั้งนี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าพลังของ Lyria นั้นเป็นที่ต้องการของพวกคนชั่ว ทำให้ Gran ตัดสินใจเข้ามาปกป้องเธอ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเขายังอ่อนหัดมาก ไป ๆ มา ๆ ก็เลยพลาดโดนเล่นงานจนถึงชีวิต และเพราะแบบนี้เอง Lyria เลยตัดสินใจผูกวิญญาณของเธอเข้ากับเรา เพื่อช่วยเราไว้ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งโชคชะตา ที่ Gran, Lyria กับเหล่าผองเพื่อน ได้มารวมตัวกันเป็น Skyfarer กลุ่มใหม่ ออกเดินทางสู่เกาะในตำนาน ณ สุดขอบปลายฟ้า… ที่ ๆ พ่อของ Gran ล่วงหน้าไปรออยู่
ทั้งหมดที่ว่ามา มันคือเนื้อเรื่องช่วงแรกสุดของ Granblue Fantasy เท่านั้นเอง เพราะในเกมภาค Relink จะตัดมาเล่าในช่วงที่ Gran ออกเดินทางมาสักพักแล้ว ซึ่งพอเริ่มเกมมา กลุ่มเราจะเพิ่งมุ่งหน้ามาถึงอาณาจักรท้องฟ้าแห่งใหม่ ที่เรียกว่า “Zegagrande”
แต่มาถึงไม่ทันไรก็เจอดีเลย คืออยู่ ๆ เจ้า Bahamut ของ Lyria มันก็เสียการควบคุม กลายเป็นหน้าที่เราที่ต้องหยุดยั้งความคลั่งเอาไว้ ซึ่งต่อมาเราก็จะได้รู้ด้วย ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะทันทีที่เข้ามาสู่ Zegagrande, เราก็ได้กลายเป็นที่หมายตาของศัตรูกลุ่มใหม่ไปแล้วเรียบร้อย..
พอเนื้อเรื่องมันมาแบบนี้ หลายคนก็น่าจะเดาได้แล้วว่านี่คืออีกหนึ่ง Side Story ของเกมภาคหลัก ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะเซ็ตติ้งของภาค Relink จะอยู่ที่น่านฟ้าใหม่ไปเลย พวกสถานที่, ตัวละคร ก็เป็นชุดใหม่หมด ยกเว้นแค่แก๊งตัวเอก ดังนั้นใครที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ก็ไม่ต้องปรับตัวมาก แค่อาจจะงงหน่อยว่าลูกเรือแต่ละคนนั้นเป็นมากันอย่างไร แต่เกมก็จะมีเควสต์ที่เรียกว่า “Fate Episode” มา Recap ให้ด้วยประมาณหนึ่ง ดังนั้นต้องบอกว่าเป็นไปอย่างที่ทีมงาน Cygames เขาพูดไว้เลย คือผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเล่น Granblue ภาคหลักมาก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราจะค่อย ๆ ซึมซับไปเองตามสเต็ปของเกม
ซึ่งจริง ๆ แล้ว Granblue Fantasy ก็มีเป็นอนิเมะด้วย, Season แรกผลิตโดย A-1 Pictures และ Season 2 โดย MAPPA แต่ก็เช่นเดียวกันว่ามันไม่ได้จำเป็นเท่าไร ถ้าอยากดูเพื่อปูพื้นฐานจริง ๆ เราแนะนำว่าเอาแค่ 1-2 ตอนแรกก็เพียงพอแล้ว
ส่วนการดำเนินเรื่องในภาค Relink, เรารู้สึกว่ามันยังเป็นเส้นตรงและมีแนวทางที่ค่อนข้างดั้งเดิมมาก ๆ คือปมเรื่องมันจะทำให้ผู้เล่นต้องเดินทางจากเกาะนู้นไปเกาะนี้ แต่ละเกาะก็จะมี Primal Beast ให้ต้องรับมือ เรียกว่าแก๊งตัวเอกรับจบทุกปัญหาทั่วน่านฟ้าเลยก็ว่าได้ คือรวม ๆ แล้วเนื้อเรื่องมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร เหตุการณ์จาก 1->2->3->4 เกิดขึ้นไวและดูง่ายไปหมด น่าเสียดายเหมือนกันที่ความสนุก ความเข้มข้น มันเลยมาตรฐาน Granblue Fantasy มาแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง เหมือนเอา Side Story มาเล่าขยายเป็นเกมแยกหนึ่งเกม ไม่ได้หวือหวาอะไรไปกว่านั้น
ส่วนบทพูดของแต่ละตัวละคร มันก็มาแบบเรียบ ๆ ไม่ได้มีชั้นเชิงเท่าไร หลายครั้งเลยที่เราได้เห็นแก๊งตัวเอกเขาแบ่งกันพูดคนละประโยค เหมือนทีมงานอยากเกลี่ยบทให้ครบ ซึ่งในมุมหนึ่งก็อาจจะมองว่าลูกเรือทุกคนนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาเยอะแล้ว จนเป็นเพื่อนรู้ใจที่คิดเห็นอะไรก็ตรงกัน แต่ในมุมหนึ่ง บททุกคนมันก็เลยกลืนกันหมด กลายเป็นว่าสปอตไลต์มันไปอยู่ที่ตัวละครใหม่ของภาคนี้แทน ซึ่งดูแล้วก็คล้ายพวกอนิเมะภาคมูฟวี่เหมือนกัน ที่มักจะเน้นสำรวจประเด็นใหม่, ตัวละครใหม่ และไม่ได้กระทบเนื้อเรื่องหลักอะไรมาก
อีกหนึ่งโมเมนต์ที่เราเห็นบ่อย ก็คือจังหวะที่ทุกคนสู้บอสไปด้วย พากย์ไปด้วย ซึ่งอันที่จริงมันก็เห็นได้ในเกม JRPG ที่มักจะฟันหนึ่งที คุยกันหนึ่งประโยค แต่ประเด็นคือบอสไฟต์เกมนี้นี่มันตึงมือมากจริง ๆ แล้วระหว่างที่ทุกคนกำลังนัวอยู่ ก็ดันมีคนเล่าอะไรสักอย่างให้เราฟังอยู่ด้วย จึงต้องแบ่งสมาธิสุด ๆ ทั้งสู้บอสไป อ่านซับไป เพราะเราเองก็ไม่อยากพลาด Lore เนื้อเรื่องเหมือนกัน ซึ่งอาจจะสำคัญก็ได้
เห็นเราสับมาขนาดนี้ แต่เอาจริง ๆ ต้องบอกว่าเนื้อเรื่องในภาพรวมของ Granblue Fantasy: Relink ถือว่าสนุกใช้ได้เลย มีจังหวะพีค-จังหวะแผ่วสลับกันไป จริงอยู่ว่าเนื้อเรื่องหลักไม่ได้ยาวมาก แต่พอเล่นจบแล้วก็ไม่ใช่ว่าจบเลย มันยังมี After story ให้เราลุยต่อด้วยในช่วง Endgame ซึ่งอันนี้ก็กินชั่วโมงบินไปอีกพักใหญ่ และถึงจะสปอยล์ไม่ได้เยอะ แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือ เราก็แนะนำให้เล่นต่อ เพราะมันยังมีอะไรมาเล่าอีกประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
การนำเสนอ
ขอเท้าความแบบนี้ว่า Granblue Fantasy เกมแรกสุด มันคือเกมกราฟิก 2D เล่นบน Web Browser ที่มีอายุ 10 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งระหว่างนี้เขาก็มีทำเป็นภาค Fighting ด้วยในชื่อ “Granblue Fantasy Versus” เมื่อปี 2020, อัปเกรดเป็น “Granblue Fantasy Versus: Rising” เมื่อปี 2023 แล้วค่อยตามด้วยเกม Action RPG แบบเต็มตัวในที่สุดกับ Relink เกมนี้
ซึ่งพอ IP นี้ พัฒนาจาก 2D มาเป็น 3D มันคือถูกต้องไปหมดทุกอย่างเลย เราได้เห็นโลกในเกมที่มีมิติมากขึ้น เห็นแอ็กชันที่จับต้องได้ โดยทั้งหมดยังอยู่ในภาพสไตล์อนิเมะอย่างที่เป็นมาตลอด สมแล้วกับที่ Cygames ได้ลงมือทำเอง เพราะกลิ่นอายความเป็น High Fantasy มันยังอยู่ครบถ้วนจริง ๆ
และสิ่งแรกเลยที่เราประทับใจกับ Relink มันคือซีนต่อสู้ ที่เขาทำมาสะใจมาก ๆ ทั้งเอฟเฟคต์ล้นเต็มจอ และฉากสู้บอสสุดอลังการ, คือเกมนี้บอสมันจะมีท่าพิเศษหลายแบบ เวลาใช้ทีหนึ่ง เอฟเฟคต์มันจะกินเต็มพื้นที่เลย แล้วก็เรียงเป็นแพทเทิร์นที่ทั้งสวยและอันตรายถึงตาย
หรืออย่างฉากไคลแมกซ์ตามเนื้อเรื่อง เขาก็ไล่ระดับความสนุกได้ดีเหมือนกัน ใครชอบฉากสู้ในอนิเมะที่เน้นให้ตัวละครสาดพลังใส่กัน คุณจะได้สัมผัสแบบเต็มอิ่มในเกมนี้ แถมเป็นแอ็กชันแบบ Fast-Paced ที่เราและศัตรูจะออกท่ากันเร็วมาก ยิ่งบอสช่วง Endgame นี่มันบ้ามากจริง ๆ เรียกว่าทั้งไว ทั้งระเบิดตูมตามจนต้องร้องขอชีวิตเลย
ซึ่งบอสไฟต์ของเกมนี้ นอกจากจะทำให้เรานึกถึง Monster Hunter แล้ว โมเมนต์ที่ผู้เล่นต้องจำท่าบอส ต้องรู้ว่ายืนตรงจุดไหนถึงจะปลอดภัย หรือจะรับมือกับแต่ละท่าอย่างไร เราก็รู้สึกว่ามันคล้าย Final Fantasy XIV อยู่ประมาณหนึ่งด้วย กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวทีเดียวสำหรับ Granblue Fantasy: Relink
อย่างต่อมาที่เราประทับใจมาก ก็คือ “ดีไซน์ตัวละคร” แน่นอนว่าตัวละครเก่าเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่ที่น่าสนใจคือตัวใหม่ในภาคนี้ก็ออกแบบมาดีทุกคนจริง ๆ อย่างแก๊งตัวร้ายนี่คือเบียวได้ใจ ถึงร้ายก็รัก โดยเฉพาะตัวใหม่ที่คุณ Saori Hayami พากย์ ตอนนี้ก็น่าจะเป็นขวัญใจของ Community ไปแล้ว แถมแต่ละคนจะมี Back Story เบา ๆ ให้เราได้อินกับพวกเขาไปด้วย
อีกดีไซน์ที่เราชอบมากก็คือตัวละครเอก เพราะภาคนี้ทั้ง Gran และ Djeeta จะได้ชุดเกราะใหม่กันด้วย (ตามที่เห็นในปกเกม) ซึ่งมันเท่กว่าชุดเดิมมาก แล้วก็ฟินมากที่คราวนี้ Gran/Djeeta ได้พูดโต้ตอบกับคนอื่นเยอะขึ้นแล้ว ไม่ใช่คนเกือบใบ้เหมือนแต่ก่อน ถึงมันจะเป็นส่วนเล็ก ๆ แต่มันก็เสริมให้โลกของ Granblue Fantasy มีชีวิตชีวาขึ้นจริง ๆ
ซึ่งในเกม ตัวละครที่เราเล่นได้จะมี 2 กลุ่มใหญ่
- กลุ่มแรกคือตัว Gran กับลูกเรือ ที่จะปลดล็อคให้เราเล่นได้เลยตั้งแต่ต้น
- ส่วนกลุ่ม 2 คือตัวละครที่ทีมงานเขาคัดมาจากเกมภาคหลัก รวมทั้งหมดประมาณ 10 กว่าคน และต้องใช้ไอเท็มที่เรียกว่า “Crewmate Card” แลกเอาจากในช็อป โดยไอเท็มนี้ก็จะได้จากเนื้อเรื่อง, เคลียร์เควสต์ หรืออื่น ๆ ซึ่งก็ไม่ต้องห่วงเพราะมันไม่ได้หายากอะไร ไล่ทำเควสต์หลังเล่นจบไปสักพัก เราก็จะปลดได้ครบทุกตัวอยู่แล้ว
และใช่เลย – ภาคนี้เราไม่ต้องสุ่มกาชาหาตัวละครแล้วด้วย จ่ายทีเดียวจบแน่นอน ส่วน DLC ที่เขามีขาย ก็จะเป็นพวก Color Pack เอาไว้เปลี่ยนสีตัวละครเฉย ๆ
ส่วนโหมดการเล่นในเกม จะแบ่งเป็นเนื้อเรื่อง กับเควสต์เสริมที่เล่นจบเป็นด่าน ๆ
โดยพาร์ทเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปได้เรื่อย ๆ แต่เมื่อไรที่คุณรู้สึกว่ามอนสเตอร์มันเริ่มตึงมือแล้ว ก็ค่อยแวะมาฟาร์มได้กับเควสต์เสริม
ซึ่งบรรดาเควสต์เสริม, ต้องบอกว่ามันมีเยอะมาก น่าจะเกินร้อยเควสต์อย่างที่ทีมงานบอกไว้ ถึงจะเป็นแบบที่เขาเอามอนสเตอร์มารียูสอยู่ประมาณหนึ่ง อาจจะทำให้มันถึกขึ้น, เปลี่ยนโลเคชั่น ไม่ก็จับบอสมาอยู่ด้วยกันเลย 2-3 ตัว แต่เอาจริง ๆ แล้ว ความรู้สึกที่เราได้ก็ไม่ค่อยจำเจ แถมในช่วง Endgame เขายังมีบอสลับมาเซอร์ไพรส์เราอีกไม่น้อยเลย ซึ่งพวกนี้จัดว่าตัวพีคทั้งนั้น ก็เลยเป็นอีกเหตุผลที่เราเชียร์ว่าถ้าใครซื้อเกมนี้มาแล้ว ก็อยากให้เล่นเควสต์เสริมกันต่อจนกว่าจะไปถึงเควสต์สุดท้ายจริง ๆ
ด้วยดีไซน์แบบนี้ การไต่ระดับของ Granblue Relink ก็เลยจะเน้นให้เรา Grinding, ลงเควสต์ไปเรื่อย ๆ หาไอเท็มมาเสริมแกร่งให้ตัวละคร ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ตัวเราเก่งขึ้นมีเยอะมาก หลัก ๆ เลยก็คือ
- เลเวลตัวละคร
- อาวุธสวมใส่ ที่เป็นตัวบูสต์ค่า Stat แบบเห็นผลชัดเจน
- มีสิ่งที่เรียกว่า “Mastery” ซึ่งมันจะเป็น Tree ที่คุณเอาแต้มจากการฟาร์ม มาเพิ่มค่า Stat และปลดสกิลใหม่ได้ตรงนี้ หรือถ้าเลเวลตัวละครถึง 100 แล้ว เขาก็จะให้เอาแต้มมาสุ่มค่า Stat เพิ่มเติมได้
- อย่างหนึ่งที่เป็นของขึ้นชื่อใน Granblue ภาคเก่าเลย นั่นก็คือ “ระบบจัดพูล” มันคือการจัดเซ็ตอาวุธ 10 ชิ้น เพื่อเสริมแกร่งด้วยสกิลพาสซีฟของอาวุธ เรียกได้ว่าเป็นนรกแห่งการฟาร์มเลยก็ว่าได้ เพราะกว่าจะได้อาวุธดี ๆ มาแต่ละชิ้น ก็คือฟาร์มกันข้ามเดือนข้ามปี
- ซึ่งใครที่คิดว่า Cygames เขาคงไม่ใส่ระบบจัดพูลเข้ามาแล้วใน Relink… คุณคิดถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะมันยังตามมาหลอกหลอนกันอยู่ แต่เปลี่ยนจากการจัดอาวุธ มาเป็นสิ่งที่เรียกว่า “Sigil” แทน
- Sigil พวกนี้ ก็คือก้อนสกิลพาสซีฟที่เราเลือกมาใส่ตัวละครได้ อย่างสมมติว่าถ้าคุณหลบไม่ค่อยเก่ง อยากได้เลือดเยอะ ๆ จะได้พลาดได้บ่อย ก็อาจจะใส่ Sigil เพิ่ม HP เอาไว้สัก 1-2 อัน หรืออย่างพวกพาสซีฟที่ซับซ้อนหน่อย เช่น เลือดน้อยแล้วตีแรงขึ้น/เลือดเยอะแล้วตีแรงขึ้น ก็เป็นการดัดแปลงมาจากเกมหลัก เอามาทำใหม่ให้เหมาะสมกับความเป็นเกม Action RPG มากขึ้น
ซึ่ง Sigil, คือหนึ่งในเป้าหมายช่วง Endgame ที่ผู้เล่นต้องฟาร์ม ฟาร์ม และฟาร์ม หาดรอป Sigil ดี ๆ เอามา Build ตัวละคร หรืออันไหนที่เราคิดว่าไม่ใช้ ก็เอาไปรีไซเคิลหา Sigil ชิ้นใหม่ก็ทำได้เหมือนกัน
และอีก Part หนึ่งของช่วง Endgame ก็จะเป็นการตามหาอาวุธ “Terminus” ด้วย, มันคืออาวุธสุดยอดที่คุณคราฟต์เองไม่ได้ แต่ต้องลุ้นดรอปเอาจากบอสตัวสุดท้ายของเกม ดังนั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำกันมา ว่าบอสมันจะดรอปอาวุธให้เมื่อไร แถมดรอปมาก็ต้องลุ้นต่อด้วย ว่ามันจะเป็นอาวุธของตัว Main เราหรือเปล่า
ฉะนั้นก็ชัดเจนว่าเกมนี้ ไม่เหมาะกับคนที่มีเวลาเล่นน้อย และไม่ค่อยชอบ Grinding เท่าไร อย่างเราเอง ตอนแรกก็อยากทำรีวิวออกมาไว ๆ เหมือนกัน แต่มันไม่ได้จริง ๆ เพราะ Endgame Content มันยังมีอีกเยอะมาก นี่ขนาดเราซัดไปแล้ว 160 ชั่วโมงก็ยังเพิ่งจะปั้นตัวละครไปได้ไม่กี่คน จนน่าจะยกวาทกรรมจาก Monster Hunter มาใช้กับเกมนี้ได้เลย ว่าตอนที่คุณเล่นเนื้อเรื่องจบ มันก็คือการจบ Tutorial เท่านั้นเอง ความสนุกในขั้นต่อไปมันเพิ่งเริ่มต้นหลังจากนี้
อีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากชมมากเป็นพิเศษ ก็คืออาร์ตสไตล์ของเกมนี้ ถ้าเอาส่วนนี้ส่วนเดียว นี่คือผลงานร่างสมบูรณ์ที่สุดแล้วของ Cygames, เพราะว่าภาพที่ออกมามันไปในทิศทางเดียวกันหมดเลยจริง ๆ ทั้งโมเดลตัวละคร, ฉากหลัง และ Artwork ซึ่งมันให้ฟีลลิ่งของภาพวาดสีน้ำ อย่างที่เกมนี้เขาเด่นมาตลอด
คือต้องบอกว่า Granblue Fantasy เป็นเกมที่เด่นในเรื่อง Artwork มาก จนถึงปัจจุบันเราก็ยังมองว่ามันคือ Top Tier ของวงการ JRPG อยู่ เครดิตพวกนี้ต้องยกให้ทีมงาน CyDesignation (บริษัทลูกของ Cygames) ที่เขาตั้งมาเพื่อดูแลงานอาร์ตโดยเฉพาะ และหลายคนอาจจะได้เห็นผลงานพวกเขามาบ้างแล้ว ทั้งจากเกมในเครือ Cygames ไม่ก็จากเกมตระกูล NieR รวมถึง Final Fantasy บางภาค
และเรามองว่ามันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะปั้นโมเดล 3D ให้ไม่หลุดธีมกับ Artwork พวกนี้ แต่ Cygames เขาก็ทำสำเร็จใน Relink ซึ่งยังคงรักษามู้ดแอนด์โทนของทุกตัวละครเอาไว้ได้เต็มที่
ไม่ใช่แค่นั้น เพราะพวก UI Design เขาก็ทำมาเนี้ยบด้วย มันคือการเอาของเก่ามาปรับบางส่วนให้โมเดิร์นขึ้น แต่ยังคุมโทนสีฟ้าของเกมไว้อยู่ และ Asset บางอย่างก็ยังเป็นของเดิม เช่นพวกฟอนต์, พวกตัวเลขดาเมจ แถมในฉากพูดคุยก็ยังทำ UI ให้ได้ความรู้สึกของ Visual Novel เอาไว้เหมือนเดิมด้วย ซึ่งเราว่ามันก็ดีกว่าการทำคัตซีนแล้วมีซับไตเติลเฉย ๆ เพราะการออกแบบลักษณะนี้ จะทำให้คนเล่นรู้สึกว่าเขาสามารถคุม Pace การพูดคุยได้เอง อย่างเวลาที่อ่านตรงไหนไม่ทัน ก็จะมีปุ่มให้ย้อนดู Chat Log ได้ด้วย หรือถ้าขี้เกียจอ่านเนื้อเรื่อง จะ Skip ไปก่อนก็ยังได้ สะดวกเมื่อใดก็ค่อยกลับมาเล่นอีกทีผ่านเมนู Chapter Select
และอย่างสุดท้ายที่เราประทับใจมากจริง ๆ นั่นคือดนตรีประกอบ มันมีทั้งเพลงเก่าที่เขาเอามา Rearrange เพิ่มจำนวนชิ้นเครื่องดนตรีให้มันดูอลังการขึ้น แล้วก็มีเพลงใหม่ที่ดีมากเหมือนกัน อย่างพวกเพลงในเมืองนี่ก็คือฟังเพลินได้ทั้งวัน, หรือเอาง่าย ๆ แค่เพลงหน้าเมนู ก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะเปิดค้างไว้นานเอาเรื่อง เพราะมันติดหูมาก ๆ , กับอีกส่วนก็คือเพลงในช่วงต่อสู้ ก็จะมีความสลับอารมณ์ดนตรีให้เดือดขึ้นด้วย เวลาที่บอสเข้าโหมดโกรธ (Overdrive) พร้อมลุยใส่เราอะไรทำนองนั้น
และยิ่งถ้าใครเป็นแฟนคลับคุณ Touyama Nao (ผู้ให้เสียง Lyria) ก็รับรองว่าใจฟูแน่นอน เพราะเกมนี้เจ้าตัวมาร้องเพลงประกอบให้เลยเพลงหนึ่ง อันนี้บอกได้เพราะออฟฟิเชียลปล่อยเพลงมาก่อนแล้ว แต่อันที่น่าจะสปอยล์ไม่ได้ ก็คือเพลงจากวงขาประจำอย่าง Stella Magna ซึ่งตรงนี้ พูดได้แค่ว่าพีคไม่แพ้กัน
ดังนั้นแล้ว ในภาคดนตรีนี่ก็คืออีกหนึ่งกุญแจสำคัญเลย ที่ทำให้ Granblue Fantasy: Relink มันครบเครื่องมาก จนขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าในบรรดาเกม JRPG ได้เลยแบบไม่อายใครจริง ๆ
เกมเพลย์
ยอมรับเลยว่าเห็นทีแรก นึกว่ามันจะเป็นเกมที่เน้นยืนใส่สกิล วัดกันที่ Build และดาเมจอย่างเดียว แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ใช่เลย นี่คือการเปลี่ยนมาเป็นเกม Action RPG ที่คุณจะได้แอ็กชันจริง ๆ , หลบเป็นหลบ โดนเป็นโดน และมีเมคานิกยิบย่อยที่น่าสนใจมาก
โดยหัวใจหลักของเกมเพลย์ มันคือการสู้เป็นปาร์ตี้ 4 คน เน้นทำ DPS (Damage per second) ให้สูงที่สุด ซึ่งคุณจะเป็นคนทำดาเมจเองก็ได้ หรือจะช่วยทางอ้อม ซัพพอร์ตให้เพื่อนยืนทำดาเมจชิล ๆ ก็ได้เหมือนกัน และการ Positioning ก็สำคัญมากด้วย ยืนผิดที่ หลบผิดท่า ก็ลงไปคุยกับรากมะม่วงได้ง่าย ๆ เลย
โดยเกมนี้, หลัก ๆ แล้วผู้เล่นจะได้กดปุ่มโจมตีเบาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งกดได้เป็นคอมโบเหมือนเกมแอ็กชันทั่วไป ส่วนท่าโจมตีหนัก หรือก็คือปุ่มสามเหลี่ยม มันจะเป็น Gimmick ที่แต่ละตัวจะแทบไม่เหมือนกันเลย
อย่างของ Rackam ที่เป็นมือปืน, ท่าสามเหลี่ยมของเขาจะเป็นการชาร์จยิงกระสุนระเบิด หรืออย่าง Narmaya ที่เป็นนักดาบ, เวลากดสามเหลี่ยม ก็จะเป็นการสลับโหมดระหว่างดาบสั้นฟันเร็ว กับดาบยาวฟันกว้าง หรือก็คือมันมีความเฉพาะตัวให้เราต้องศึกษาก่อน จะได้รู้ว่าแต่ละคนนั้นเด่นในเรื่องไหน และมีบทบาทอย่างไรบ้างในตอนต่อสู้
โดยเมคานิกพวกนี้ ก็จะสัมพันธ์กับสกิลของตัวละครด้วย ซึ่งเกมจะให้เราติดตั้งได้ 4 สกิล แยกกันเลยของใครของมัน และด้วยความที่เขามีสกิลให้เราเลือกอยู่ประมาณหนึ่ง นี่ก็เลยเป็นอีกจุดที่สามารถ Customize ตัวละครได้ ให้เข้ากับสไตล์เราเอง
และแน่นอนว่าจะมีสกิลอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เกมนี้ทุกคนก็มีท่าไม้ตายของตัวเองด้วย โดยเราต้องตีมอนสเตอร์ไปเรื่อย ๆ เก็บเกจให้ครบ 100% ก่อน ซึ่งพอกดใช้ไม้ตายก็จะเป็นการทำดาเมจอย่างรุนแรง
แต่ที่น่าสนใจจริง ๆ คือระบบที่เรียกว่า “Chain Burst” ระบบนี้ อธิบายง่าย ๆ คือเวลาที่ใครสักคนในปาร์ตี้ใช้ท่าไม้ตายขึ้นมา คนอื่นก็สามารถเข้าไปร่วมวงใช้ท่าไม้ตาย “Chain” ต่อกันได้ จะ Chain Burst แบบ 2, 3 หรือ 4 คนให้ครบปาร์ตี้เลยก็ได้เหมือนกัน ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เราทำ Chain Burst, ตอนสุดท้ายก็จะมีระเบิดเป็นดาเมจแถมมาด้วย ยิ่งคนเยอะ ก็ยิ่งแรง
ฉะนั้นเวลาที่เกจเรา 100% แล้ว ก็อาจจะมองซ้ายมองขวาก่อน ว่าเกจเพื่อน ๆ ใกล้ถึง 100% กันแล้วหรือยัง ถ้าใกล้แล้วเราก็เริ่มเปิดฉากได้เลย เพราะเวลามีคนใช้ไม้ตายไปคนหนึ่ง ก็จะเป็นการแจกเกจฟรี 10% กับคนที่เหลือด้วย ก็เลยจะพอคำนวณได้ว่าควรเริ่มเปิด Chain Burst เมื่อไร ถึงจะใช้ได้ครบ 4 อย่างที่ต้องการ
แต่การทำ Chain Burst ให้ครบ 4 คน ก็อาจไม่ใช่คำตอบไปเสียทุกอย่าง เพราะระหว่างที่เราใช้ไม้ตายใส่มอนสเตอร์ พวกมันก็จะค้างไปด้วยตามคัตซีน ฉะนั้นเพื่อนคนอื่นในปาร์ตี้ก็สามารถฉวยโอกาสนี้โจมตีฟรีได้เลย มันเลยเกิดเป็นไอเดียว่าเราไม่จำเป็นต้องรีบ Chain Burst ก็ได้ แต่รอให้ไม้ตายมันจบแอนิเมชันก่อน แล้วคนต่อไปค่อยซ้ำมาอีกรอบ ก็จะได้ระยะเวลาที่นานกว่าและกลายเป็นการทำ Stun Lock ไปเลยกลาย ๆ ซึ่งมีประโยชน์มากกับการตีบอสในช่วง Endgame ที่หากใช้เทคนิคนี้ ก็อาจจะทำ DPS ได้สูงกว่า
เอาแค่ระบบ Chain Burst อันเดียว มันก็ทำให้เราเห็นหลายอย่างแล้วว่า Cygames ต่อยอดมาดีมากจากภาคหลัก ซึ่งมันกลายเป็นเกมแอ็กชันที่ให้เราได้วางแผนอยู่ประมาณหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไรถึงจะฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
อีกระบบหนึ่งที่ตามมาในภาค Relink เช่นกัน ก็คือ “การแพ้ธาตุ-ชนะธาตุ” ซึ่งมีผลพอสมควรกับการทำดาเมจ คือต้องบอกแบบนี้ว่าทุกตัวละครจะมีธาตุติดมาด้วยเลย เปลี่ยนไม่ได้ ดังนั้นศัตรูบางตัว ถ้าเราหยิบเอาตัวที่ชนะธาตุไปสู้ก็จะทำให้เล่นง่ายขึ้น และเป็นโอกาสให้เราได้ลองตัวละครใหม่ ๆ ไปด้วยเหมือนกัน
ซึ่งลำดับการชนะ ก็จะเรียงแบบเดิมเลย ดิน -> น้ำ -> ไฟ -> ลม วนกันเป็นเป่ายิงฉุบ ส่วนธาตุแสงกับมืดจะแพ้ชนะกันเอง ตีใส่กันแรงทั้งคู่ โดยอาจจะไม่ต้องจำมากก็ได้ เพราะในหน้ารับเควสต์ก็จะมีบอกไว้ว่ามอนสเตอร์มันแพ้ธาตุให้ตัวไหนในปาร์ตี้เราบ้าง แล้วก็ระบบนี้, เอาเข้าจริงมันก็จะสำคัญแค่ในช่วงที่เราเพิ่งจบเนื้อเรื่อง ซึ่งเควสต์มันจะเริ่มตึงมือขึ้น แล้วก็จะหมดความสำคัญเลยตอนที่คุณฟาร์มหา Sigil ชื่อ “War Elemental” มาได้ เพราะมันจะทำให้ตัวละครที่ใส่ ตีชนะธาตุได้ตลอดแบบไม่สนเงื่อนไขเลย แต่ต้องบอกว่ามันแรร์มากจริง ๆ เราเล่นมาตั้งนานก็เพิ่งจะเจอแค่อันเดียว วัดกันที่ดวงชะตาล้วน ๆ
และอุตส่าห์เป็นเกมภาคใหม่ทั้งที มันจะไม่มีระบบใหม่เลยก็คงไม่ได้ ซึ่งในภาค Relink ทีมงานเขาใส่การโจมตีพิเศษที่เรียกว่า “Link Attack” เข้ามา หลักการก็คือทุกครั้งที่เราโจมตีใส่มอนสเตอร์ มันจะเป็นการสะสมเกจ Stun เอาไว้ แล้วพอเกจเต็ม ก็จะทำให้ทุกคนพุ่งเข้ามาโจมตีแบบเน้น ๆ ได้หนึ่งที ซึ่งการที่เราทำ Link Attack ไปเรื่อย ๆ , ตรงขวาจอ มันก็จะบอกว่าตอนนี้ทุกคนในปาร์ตี้ “เชื่อมจิต” กันอยู่กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งถ้ามันครบ 100% เมื่อใด การ Link Attack ครั้งต่อไปก็จะทำให้เวลาช้าลง (Link Time) และทั้งปาร์ตี้ก็จะได้บัฟตีแรง, ได้ฟื้นฟู HP แล้วก็ใช้สกิลได้บ่อยขึ้นด้วยในช่วงเวลาสั้น ๆ
ซึ่งระบบเชื่อมจิตอันนี้ ตอนแรกเราก็งง ๆ ว่าเขาจะใส่มาทำไม เพราะมันดูจะมีประโยชน์แค่เร่ง DPS ให้ปาร์ตี้ แต่พอเราเล่นไปจนช่วง Endgame ก็ถึงได้เข้าใจ เพราะว่ามันคือตัวช่วยสำคัญให้เราได้พักหายใจหายคอจากบรรดาบอสสุดโหด ด้วยการฟื้น HP, รีเซ็ตคูลดาวน์ แล้วก็มีเวลาให้ตั้งหลักก่อนที่ไฟต์จะกลับไปเดือดอีกรอบ ที่สำคัญคือการจะเข้าสู่โหมดสโลว์เวลา มันต้องได้รับความยินยอมจากทุกคนจริง ๆ ก็เลยไม่เชิงว่าจะเป็นตัวช่วยที่ได้มาฟรี แต่ในปาร์ตี้ของเราก็อาจจะต้องสื่อสาร หรือตัดสินใจให้ตรงกันด้วย ดูสมกับคำว่า “Link” ที่ทุกคนต้อง “เชื่อม” กันจริง ๆ ถึงจะสำเร็จได้
และเป็นเกมแอ็กชันแบบนี้ จะเดินแต่เกมรุกอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ ในด้านการตั้งรับ เขาจะมีให้เราเลือกระหว่างกดป้องกันตรง ๆ ไม่ก็กระโดดหลบไปเลย ซึ่งท่าหลบนี้เราว่ามันพลิ้วและเท่มากจริง ๆ มันไม่ใช่การกลิ้งเหมือนเกมอื่น แต่มันคือการกระโดดสปินตัวออกมาเลย
คือด้วยความที่มอนสเตอร์ในเกมมันออกท่ากันไวมาก ท่าหลบของเกมนี้ก็เลยค่อนข้างโกงด้วยในระดับนึง ซึ่ง “Iframe” หรือจังหวะที่ตัวเราเป็นอมตะจะค่อนข้างเยอะเลย ทำให้เราไม่ต้องตั้งใจหลบมากก็ได้
แต่ทีมงานก็ยังบาลานซ์ไว้ไม่ให้โกงเกินไป ด้วยการทำให้เราหลบต่อเนื่องได้แค่ 3 รอบ แล้วในรอบที่ 3 มันจะมีจังหวะหน่วงที่ทำให้เราเป็นเป้านิ่งได้ ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารให้ดีด้วย หลบรัว ๆ อย่างเดียว ไม่ใช่คำตอบสำหรับเกมนี้แน่นอน
และในกรณีที่คุณพลาดจน HP เหลือ 0, ตัวละครก็จะล้มลงไปอยู่กับพื้น รอให้เพื่อนชุบขึ้นมาเหมือนกับเกมอื่นเลย แต่จุดที่ต่าง คือระหว่างที่เราล้มอยู่ มันจะมีเกจ “Critical” บอกไว้ด้วย เกจนี้จะแชร์กันทั้งปาร์ตี้ และจะลดลงเรื่อย ๆ เวลามีคนกำลังล้มอยู่ ซึ่งพอเกจหมดเมื่อไร ภารกิจก็จะล่มทันที ฉะนั้นนี่ก็คือความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมันแปลว่าคุณจะล้มกี่ครั้งก็ได้ แต่ยิ่งคลานกับพื้นนานเท่าไร เราก็ยิ่งทำให้ทีมลำบากขึ้นเท่านั้น เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องใส่ใจกับเกมรับ และปั้นตัวละครให้ถึกไว้ระดับหนึ่งด้วย
พอพูดแบบนี้ ก็เลยต้องบอกไว้ว่า Granblue Fantasy: Relink มันไม่ใช่เกมง่าย ความแกร่งของเรา ครึ่งหนึ่งมันคือผลลัพธ์ของการฟาร์ม แต่อีกครึ่งหนึ่ง จะบอกว่ามาจาก Skill Play เลยก็ว่าได้ คือในช่วงแรก ๆ มันจะยังเป็นเกมที่เราสแปมปุ่มได้เต็มที่ แถมมีโหมด Assist ให้ด้วยอีกต่างหาก ซึ่งมันจะเป็นการเปิด AI ช่วยกดท่าให้เรา และเหลือให้บังคับอยู่แค่ไม่กี่อย่าง
แต่พอขยับเข้าสู่ช่วง Endgame, ในการเล่นเควสต์ที่ระดับ Maniac ขึ้นไป คุณจะเปิด Assist Mode ไม่ได้แล้ว แถมบอสมันก็จะยากระดับ 1-2 Hit Kill ได้เลย จนทำให้คุณต้องศึกษาท่าโจมตีของมันให้มากขึ้น หรือใส่ใจเพื่อนร่วมทีมเวลาที่ล้มให้มาก ๆ ยิ่งถ้าเป็นระดับสูงสุดอย่าง “Proud” ต้องบอกว่าสมชื่อเลย เพราะเล่นผ่านแล้ว คุณจะ Proud ในตัวเองจริง ๆ
และอย่างที่เราเคยทักไปว่าเกมนี้ มันมีรูปแบบบอสไฟต์ที่คล้าย Monster Hunter พอสมควร แต่มันไม่ใช่แค่จุดนั้นจุดเดียว เพราะในส่วน Gameplay Loop มันก็คล้ายด้วยเหมือนกัน
ถ้าให้สรุปง่าย ๆ ก็คือในการเล่นหนึ่งตานั้น
- เราต้องรับเควสต์จาก NPC ที่เมือง (Hub หลักของเกม) ให้เรียบร้อยก่อน
- จากนั้นก็เตรียมตัว จัดปาร์ตี้ให้พร้อม แล้วค่อยกดออกเรือไปสู้มอนสเตอร์
- และพอเคลียร์เควสต์ได้ ก็เป็นอันว่าจบหนึ่งลูป
- กลับมาตั้งหลักที่เมือง เตรียมรับเควสต์ใหม่กันอีกรอบ
และแน่นอน เกมนี้เราเลือกได้ด้วยว่าจะลุยเดี่ยว หรือจะเล่นออนไลน์แบบ Co-op โดยในการลุยเดี่ยว คุณจะได้บังคับเป็นตัวที่อยู่สล็อตซ้ายสุดเท่านั้น ส่วนอีก 3 ตัวที่เหลือจะเป็น AI คอยจัดการให้ ที่ต้องบอกว่ามันฉลาดพอสมควร อย่างพวกบอสที่มีท่าทริกเกอร์ มีเงื่อนไขแปลก ๆ , AI มันก็จะพอรู้งานอยู่ประมาณหนึ่ง แถมเรายังสั่งได้ด้วยว่าจะให้ AI กดท่าไม้ตายเองเลยหรือไม่ หรือจะรอเราเป็นคนเปิดก่อน แล้ว AI ค่อยทำ Chain Burst ต่อจากเรา เพราะฉะนั้นรวม ๆ แล้วก็สามารถลุยไปพร้อม AI ได้สบายเลย ข้อเสียอย่างเดียวคือคุณจะต้องปั้นตัวละครในปาร์ตี้ไว้แบบคูณ 4 เพื่อให้มันถึกหรือตีแรงพอ ๆ กับตัวเรา จะได้ไม่เป็นภาระเวลาลงเควสต์ยาก ๆ
กลับกัน ถ้าเป็นการเล่น Co-op ก็จะค่อนข้างได้เปรียบกว่า เพราะคอนเซปต์ของมันคือการส่งตัวละครเราแค่ตัวเดียว เข้าไปรวมตี้กับผู้เล่นคนอื่นอีก 3 คน ผ่านระบบที่เป็นลูกผสมระหว่างการ Invite กับ Matchmaking ดังนั้นตัวละครที่ทุกคนเลือกมา ก็จะต้องเก่งประมาณหนึ่งอยู่แล้ว บวกกับความที่มันเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่ AI บังคับ ก็จะทำให้การลงเควสต์แบบ Co-op มีโอกาสผ่านได้ง่ายและเร็วกว่าการโซโล่แบบค่อนข้างแน่นอน
ซึ่งส่วนนี้เราให้ข้อสังเกตไว้ว่าโหมดออนไลน์มันจะไม่ Cross-platform ระหว่าง PC กับ PlayStation, และส่วนตัวก็ค่อนข้างน่าหงุดหงิดเหมือนกันเวลาเรากด Matchmaking เพราะตัวเราจะหยุดอยู่กับที่ไปเลย เดินก็ไม่ได้ ปรับแต่งตั้งค่าอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แค่หมุนกล้องเท่านั้นเอง ก็เลยรู้สึกว่า User Experience มันยังไม่ดีสักเท่าไร ทำให้มันเปิดเอกสารขึ้นมาอ่านได้สักหน่อย ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เรามือว่างแบบนี้
แต่จุดที่รับไม่ได้จริง ๆ ก็คือระบบ Matchmaking ส่วนนี้เลย, เพราะถ้าใครเล่นบน PlayStation คุณจะมีสิทธิ์กดค้นหาห้องแล้วเจอปัญหา “Network Error” บ่อยมาก ๆ เรียกว่ากดไป 10 รอบ เจอสัก 7-8 รอบเลยก็ว่าได้ แล้วก็ต้องมากดเลือกเควสต์ – ค้นหาห้อง – แล้ววัดดวงกันใหม่ วนซ้ำไปเรื่อย ๆ
ซึ่งปัญหานี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นที่เราเองหรือเปล่า แต่พอถามคนอื่นกับเช็คดูในกลุ่มผู้เล่นชาวไทย ก็ปรากฏว่าเป็นเหมือนกันเยอะมากสำหรับคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตบางค่าย ทางแก้ก็คือต้องโทรไปให้เจ้าหน้าที่เขาช่วยแบบ Case by Case แต่ขณะเดียวกัน พอเราเช็คดูใน Reddit ของเกม มันก็ดันมีคนเจอปัญหาเหมือนกันอีก ไม่ได้เจอแค่ในไทย ก็เลยไม่รู้ว่าสาเหตุมันไปอยู่ตรงไหนกันแน่
คือเอาจริง ๆ ประสบการณ์ตอนที่ได้เล่น Co-op มันสนุกมาก สนุกขนาดที่เรายอมวัดดวงกับระบบ Matchmaking ในสภาพนี้ได้เลย แต่ประเด็นคือคนอื่นที่เขาไม่อดทนรอมันก็มี กลายเป็นว่าถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้แบบนี้ คนก็จะยิ่งหนีจากโหมด Co-op มากขึ้นทุกวัน ซึ่งตั้งแต่ที่เล่นมา ประมาณเวอร์ชัน 1.03 จนถึงเวอร์ชัน 1.05 ที่เราเบรคแล้วมาทำรีวิวตัวนี้ ปัญหา Error มันก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหายขาดเมื่อไรกันแน่ สำหรับ Granblue Fantasy: Relink บน PlayStation
ถ้าพูดโดยรวมในส่วนเกมเพลย์, เรารู้สึกว่านี่คือเกม JRPG ที่ฉากต่อสู้มัน Intense ที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาแล้วจริง ๆ โดยเฉพาะในการเจอบอสครั้งแรก สติของคุณจะต้องอยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา และพอได้สู้ซ้ำไปหลาย ๆ รอบ มันก็ยังไม่เชิงว่าจะง่ายขึ้น แค่ว่าเราจะจำสเต็ปได้แล้ว เป็น Muscle Memory ที่เหมือนตัวเรากำลังเต้นรำไปกับจังหวะของบอสมากกว่า
แต่ด้วยความที่เกมมันต้องสแปมปุ่มโจมตีตลอดทั้งไฟต์ แถมไฟต์ก็ไม่ใช่สั้น ๆ ด้วย นี่ก็เลยเป็นเกมที่ทำให้คุณเมื่อยนิ้วไวมากจริง ๆ ไม่ว่าจะเล่นด้วยจอยหรือคีย์บอร์ดก็ตาม แต่ก็เป็นความเมื่อยนิ้วที่เรายินดีรับมัน เพราะนี่คือเกมภาคใหม่ที่ยกระดับเกมเพลย์ขึ้นมาได้อย่างเหนือชั้น ทั้งด้านการโอบรับผู้เล่นหน้าใหม่ และทำให้ผู้เล่นเดิมประทับใจสุด ๆ
อย่างตัวผู้เขียนเอง ก็เล่น Granblue Fantasy ภาคเดิมมานานจนถึงจุดที่หมดไฟไปแล้วก็ว่าได้ คือมันเป็นเกมชาวนา Simulator ที่ทุกวันนี้แค่เข้าไปจิ้ม ไปคลิกเพลิน ๆ ไม่ให้เหงานิ้วไปแล้ว และการที่เราได้เห็นภาคใหม่ ที่ไม่ต้องกดโจมตีแล้ว Refresh, ไม่ต้องเก็บเพชรไว้เปิดกาชา และไม่มีกิลด์วอร์ด้วย (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) ทั้งหมดนี้มันก็ช่วยเติมไฟให้ผู้เล่นกลุ่มนี้ได้จริง ๆ สมกับที่รอคอยกันมานานหลายปี
ประสิทธิภาพ
สำหรับรีวิวนี้ เราเล่นแค่บน PlayStation 5 เพียงแพลตฟอร์มเดียว, บน PC อาจจะขอไม่พูดถึง เพราะเอาแค่ PlayStation 5 ก็ดูดเวลาไปเยอะมากแล้วจริง ๆ แถมตัวเกมก็ไม่มีระบบ Cross-save ด้วย
ซึ่งการเล่นบน PlayStation 5 เราบอกได้เลยว่ามันลื่นแบบไม่มีปัญหาจริง ๆ ไม่เคยเจออาการเฟรมตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉากบอสไฟต์ ปล่อยพลังใส่กันแบบเอฟเฟคต์ท่วมจอ, ฉากพายุหิมะ หรือจะมั่วจะซั่วขนาดไหน มันก็ยังไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ PlayStation 5 จะเอาไม่อยู่
ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะกราฟิกมันค่อนข้างตกยุคอยู่แล้ว ด้วยหลาย ๆ ปัจจัยทั้งเรื่องที่เกมถูกพัฒนามานาน และยังต้อง Optimize เผื่อ PlayStation 4 ไว้ด้วย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นจุดที่น่ายกย่องอยู่ดี ว่าเขาขัดเกลาเกมมาเนี้ยบมากก่อนวางขาย ซึ่งพวกบั๊ก/ปัญหาจุกจิกอะไรก็ไม่เจอ โหลดเข้าฉากก็ไว ไปตกม้าตายเรื่องเดียวก็คือ Matchmaking นี่แหละตามที่เราบอกไปแล้ว
อีกอย่างที่เราประทับใจจริง ๆ นั่นก็คือเกมนี้ใช้ฟีเจอร์การสั่นของจอย PlayStation 5 ได้เต็มที่มาก ๆ คือเราได้เห็นการสั่นที่หลากหลายจนแทบจะเทียบเท่าเกม First Party ของ PlayStation อยู่แล้ว อย่างถ้าเป็นการโจมตี Hit เดียวแรง ๆ มันก็จะสั่นแรงจนสะเทือนข้อมือเลย, หรือท่าฟันรัว ๆ มันก็เก็บ Feedback ได้ครบจำนวน Hit, หรือพวกแรงสั่นจากสิ่งแวดล้อม เวลาพื้นถล่ม ข้าวของโดนทำลาย เขาก็เก็บครบหมดจริง ๆ และยิ่งพวกฉากบอสไฟต์ตามเนื้อเรื่อง ที่มันจะดู Epic เป็นพิเศษ ก็บอกได้เลยว่าสั่นแบบข้อมือพังกันไปข้าง ฉะนั้นถ้าเล่นเนื้อเรื่องจบแล้ว เราก็แนะนำว่าปิดการสั่นไว้จะดีกว่า…ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่มันน่าจะสูบแบตฯ จอยไปเยอะเอาเรื่อง ไม่เหมาะแน่ ๆ สำหรับการ Grinding ในช่วง Endgame Content
สรุป
Granblue Fantasy: Relink คือผลงานที่ออกมาดีกว่าที่เราคิดไว้ไกลมาก ทีแรกก็แอบหวั่นว่าเจอ Development Hell กันมานาน เอามาขายในปี 2024 มันจะยังโอเคหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็พิสูจน์แล้วว่า Cygames เขา “ทำถึง” จริง ๆ และมันกลายเป็นตำนานหน้าใหม่ของแฟรนไชส์ไปแล้วเรียบร้อย
ซึ่งถ้าคุณเป็นคอเกมสาย Immersive เน้นเสพบรรยากาศและเนื้อเรื่องเข้มข้น คุณก็อาจจะผิดหวังกับเกมนี้ แต่ถ้าอยากได้เกมเพลย์ที่เดือดจัดเต็ม ซึมช่วงแรก ระทึกช่วงปลาย และได้ฟาร์มกันทั้งวี่ทั้งวัน คุณก็จะได้รับมันแบบเต็มอิ่มแน่ ๆ … สนุกมาก แต่ระวังนิ้วพังก็พอ