ภาคใหม่ขวัญใจนักล่ามาถึงแล้ว มันจะสุดยอดแค่ไหนรับชมได้ในรีวิว Monster Hunter Wilds นี้กัน
Story – เนื้อหามีความแหวกแนว เข้าใจคิด อินได้มากกว่าที่ผ่านมา
ณ ดินแดนต้องห้าม (Forbidden Land) ดินแดนที่ถูกตัดขาดจากอารยธรรมมนุษย์ร่วมพันปี ทำให้ทุกคนเชื่อกันว่ามันคือพื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ จนวันหนึ่งสมาคมนักล่าได้อนุมัติให้มีการออกสำรวจดินแดนต้องห้ามเพื่อศึกษาและเก็บข้อมูล ในจังหวะนั้นทีมสำรวจก็ได้พบเด็กชายลึกลับนามว่า ‘นาต้า’ (Nata) รอนแรมอยู่กลางทะเลทราย ทีมสำรวจจึงเข้าช่วยเหลือและได้รู้ถึงการมีอยู่ของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนต้องห้าม ที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้ครอบครอง’ (Keeper) นาต้า เล่าว่าหมู่บ้านของเขาถูกโจมตีโดยสัตว์ร้ายลึกลับและเขาน่าจะเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวที่หนีออกมาได้ เราในฐานะนักล่าฝีมือฉกาจจึงถูกเรียกตัวให้มาร่วมงานกับทีมสำรวจเพื่อไขปริศนาของดินแดนต้องห้าม และพาเด็กชายลึกลับให้ได้กลับบ้าน
นับจากภาค World ที่เราได้เห็นการเล่าเรื่องมากขึ้นกว่าในภาคก่อน ๆ ในภาค Wilds ก็เป็นการใส่ใจในด้านเนื้อเรื่องมากขึ้นไปอีก เราจะได้เห็นการเล่าเรื่องที่พาเราไปเจอกับตัวละครใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทุกคนต่างก็เป็นกุญแจในการไขปริศนาของดินแดนต้องห้าม และตัวละครของเรารวมทั้งแมวคู่หูก็มีเสียงพากย์เป็นของตัวเองจริง ๆ แล้ว (เปิด-ปิดได้ ในกรณีของเสียงแมวคู่หู) ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวมากกว่าที่ผ่านมา
บรรดาตัวละครที่เป็นผู้ร่วมทางของเราและเป็นผู้ช่วยในด้านต่าง ๆ เช่น Handler ประจำตัวที่คอยเสนอเควส หรือช่างตีเหล็กที่ช่วยสร้างชุดและอาวุธใหม่ ๆ ต่างก็มีส่วนร่วมกับเรื่องราวอย่างจริงจัง ไม่ได้เป็นแค่ตัวละครประกอบที่คอยช่วยตัวเอกอยู่หลังฉาก ดังนั้นคุณจะได้รู้จักพวกเขาผ่านเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมา แถมพวกเขาก็เป็นตัวช่วยในเกมการเล่นจริง ๆ ทำให้เราอินกับเรื่องราวยิ่งกว่าที่ผ่านมา
เนื้อหาหลักที่เป็นปมสำคัญ ก็มีความแหวกแนว เข้าใจคิด แถมเข้ากับเกมการเล่นของโลก Monster Hunter แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่สำคัญเท่าเกมการเล่นสำหรับซีรีส์นี้ แต่การตั้งใจทำมากกว่าที่ผ่านมาก็ช่วยสร้างบรรยากาศให้เราเข้าถึงเกมนี้มากกว่าเดิม
เสียอย่างคือเราจะได้เจอจังหวะการเล่าที่เว้นช่วงนานไปบ้าง ด้วยความที่เกมนี้มันคือเกมเกี่ยวกับการฟาร์มของ ล่ามอนสเตอร์เยอะ ๆ เพื่ออัปเกรดไอเท็ม มันเลยมีช่วงที่เรื่องไม่ค่อยเดินปล่อยให้เราฟาร์มเล่นเสียมากกว่า ทั้งที่จังหวะเฉลยปมก็น่าสนใจพอตัว และบรรดาตัวละครอื่นที่เป็นพล็อตเสริมก็ถูกรวบรัดเร็วไปนิดจนเราในฐานะผู้เล่นก็แอบไม่อินตาม ไม่เข้าใจว่าตัวละครนั้นจะหลั่งน้ำตาลึกซึ้งอะไรกันขนาดนั้น ในเมื่อเราได้เห็นพวกเขาเพียงแค่ไม่กี่ฉาก แต่ในเมื่อนี่คือเกม ‘Monster Hunter’ การใส่เรื่องราวเข้ามาเยอะขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
Presentation – ระบบแผนที่ใหม่ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ ความสวยงามในบางพื้นที่
บอกไว้แต่เนิ่น ๆ เลยว่า ถ้าคุณเป็นคนที่เวลาเล่นเกมไม่มาก Monster Hunter ก็อาจจะไม่เหมาะกับคุณ นี่คือเกมที่คุณจะต้องใช้เวลากับฟาร์มของ เล่นแล้วเล่นอีก ล่าตัวเดิมแล้วล่าตัวเดิมอีก เพื่อเอาวัตถุดิบที่ต้องการไปคราฟของที่เราหมายปอง เรียกได้ว่า 100 ชั่วโมงก็ยังไม่พอกับเกมนี้ แต่ถ้าความดุเดือดในการสู้กับมอนสเตอร์ และการไต่ระดับที่ชวนติดพันคือแนวทางของคุณ นี่คือเกมที่คุณควรซื้อมาเล่นโดยไม่ต้องอ่านรีวิวนี้ต่อเลยก็ได้
ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้เล่นที่เคยผ่านภาค World มาแล้ว นี่จะเป็นเกมที่คุณจับปุ๊บก็เป็นทันที หน้าต่าง UI ฟังก์ชันแต่ละอย่าง และค่าสถิติแต่ละอย่างยังคงใช้งานเหมือนเดิม รวมทั้งสกิลของชุดหรืออาวุธก็ยังใช้งานเหมือนกับในภาคก่อนทั้งสิ้น มีแค่สกิลใหม่ ๆ ที่เราอาจจะต้องเรียนรู้และทดลองใช้ แต่ระบบบางอย่างที่เคยมีในภาค World ก็ถูกดัดแปลงใหม่ ในช่วงแรกเราอาจจะรู้สึกว่ามันถูกตัดออกไป เพราะกว่าเราจะได้มันมา บางทีก็ใกล้จะช่วง End game หรือ End game ไปแล้วเท่านั้นถึงจะได้เห็น (อย่างที่แฟนมอนฮันทราบกัน การเล่นเนื้อเรื่องหลักจบ นั่นถือเป็นแค่การเล่นช่วงฝึกสอนจบเท่านั้น)
อย่างการทำแปลงปลูกผักเพื่อฟาร์มทรัพยากรโดยที่เราไม่ต้องออกไปวิ่งเก็บในแมพ ในภาคนี้จะเปลี่ยนเป็นการ ‘ไหว้วาน’ ให้ NPC ตามเมืองต่าง ๆ ช่วยเก็บสิ่งของที่เราอยากได้มาให้ด้วย ทรัพยากรแต่ละชนิดจะมีระดับความหายากไม่เท่ากัน ถ้าของยิ่งดีโอกาสหามาได้ก็ยิ่งน้อย แต่ถ้าของไม่แรร์มาก เขาก็จะหามาให้เราได้เยอะ และในจังหวะที่พวกเขาเอาของมาให้ เขาจะไม่ได้ให้แต่ของที่เราเลือกอย่างเดียว แต่เขาจะให้ของที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเป็นของแถมมาให้ด้วย
เช่น ผู้เขียนเลือก ‘Sleep Herb’ เพื่อเอามาปรุงระเบิดยาสลบ ในจังหวะที่ไปรับของจาก NPC พวกเขาก็ให้สมุนไพร อื่น ๆ ที่ใช้ในการคราฟของที่มีประโยชน์เช่นกัน
นี่คือการลดความน่าเบื่อที่เราเคยสัมผัสกันในภาค World อะไรที่เราจะต้องรอเวลา ผลลัพธ์จากการเสี่ยงดวง หรือเควสที่น่าเบื่อก็ถูกลดทอนลงไปเยอะมาก ๆ คุณไม่ต้องแบกไข่ใบยักษ์วิ่งกลับไปใส่กล่องที่แคมป์เพื่ออัปเกรดห้องครัวอีกแล้ว เควสที่เป็นการอัปเกรดหรือปลดล็อคฟีเจอร์ใหม่ จะเป็นการล่าปกติที่เราอยากจะทำอยู่แล้ว หรือถ้าต้องเก็บไอเทม จับสัตว์เล็ก ในเควสนั้นก็ต้องการแค่ตัวเดียวเท่านั้น ทำให้มันจบเร็วได้เร็วยิ่งกว่าในภาค World
การกินอาหารเพื่อเอาบัฟไม่มีการเสี่ยงดวงว่าสกิลจะติดหรือไม่ติด เป็นแค่การเลือกวัตถุดิบในการปรุงเท่านั้น วัตถุดิบแต่ละชนิดจะให้บัฟหรือสกิลไม่เหมือนกัน อยู่ที่เราคิดเองว่าในจังหวะนั้นควรบัฟเรื่องอะไร แต่ถ้าวัตถุดิบหมด เราก็อดได้สกิลของวัตถุดิบชนิดนั้น ซึ่งการจะได้มาคุณก็ต้องทำเควส หรือแลกมาจากชาวบ้านตามเมืองโดยเราต้องหาไอเทมที่พวกเขาต้องการ ไปแลกมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหารที่เราอยากได้ ดังนั้นลืมพ่อครัวแมว ๆ ไปเลย
ภาคนี้เราปรุงเอง บัฟเอง ไม่ต้องเสี่ยงดวง อยู่ที่ว่าเรามีเครื่องปรุงที่ต้องการหรือเปล่า ถ้าใครเคยเบื่อ เคยรำคาญระบบของภาค World มาก่อน ในภาค Wilds มันจะน้อยลง จบง่าย ตรงใจ ให้เราเอาความสนุกไปลงอยู่กับการตีมอนสเตอร์จริง ๆ เสียแค่ว่า ฟีเจอร์หลายอย่างมาช้าเหลือใจ กว่าจะได้ก็ต้องหลัง End game จนบางคนอาจจะคิดว่ามันไม่มีในภาคนี้
ระบบแผนที่ก็เป็นของใหม่ที่เกือบทุกฉากสามารถเดินถึงกันได้ โดยจะมีเป็นบางฉากที่จะต้องใช้การผ่าน’ประตู’เพื่อเข้าไปยังพื้นที่นั้น ๆ รวมถึงระบบสภาพอากาศที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าฉากส่วนใหญ่จะดูสวยงามสมกับที่เคยโชว์ไว้ในภาค World แต่ก็มีหลายฉากเหลือเกินที่งานอาร์ทยังคงจืดชืด ดูตกยุคคล้ายกับเกมยุค PS3 ยังไงยังงั้น และเรื่องสภาพอากาศที่เคยโชว์ไว้อย่างอลังการตอนช่วง Beta ก็ไม่ค่อยมีผลสักเท่าไรในเกมเต็ม อาจจะมีบ้างแบบสคริปท์ของเควส แต่ถ้าให้เจอจริง ๆ ระหว่างสำรวจอิสระก็ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไร และเชื่อเถอะว่าท่านผู้อ่านจะไม่ใช่การเดินทะลุฉากไปมา เพราะคุณสามารถกด Fast travel ไปยังจุดที่ต้องการในแต่ละแมพได้แบบทันที ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้จะมากินบรรยากาศ เรามาเพื่อฟาร์ม เพื่อล่ามอนล้วน ๆ นี่ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร
Gameplay – นี่คือประสบการณ์ของเกม Monster Hunter ที่บอกได้สั้น ๆ ว่า ‘สุดเหวี่ยง’ มันยิ่งใหญ่ มันท้าทาย มันตื่นตาตื่นใจ
ความเป็น Action-RPG ของ Monster Hunter จะไม่เหมือนเกมอื่นที่ความเก่งกาจของเราจะอยู่ที่เลเวลหรือค่าสถิติ แต่มันอยู่ที่อาวุธและของใส่เท่านั้น ต่อให้คุณเล่นไปถึงช่วง End game แต่คุณเอาของเลเวลแรก ๆ มาใส่เล่น คุณก็จะกลับมาเป็นตัวละครเลเวล 1 ทันที
ดังนั้นการเลือกอาวุธหรือเลือกชุดใส่จะสำคัญอย่างมาก แต่นอกจากค่าสถิติ พลังโจมตี พลังป้องกัน ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าในเกมนี้ นั่นคือสกิลที่จะมาพร้อมกับไอเทมชิ้นนั้น ๆ ที่จะทำให้คุณเก่งกาจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นสกิลที่จะช่วยให้การหลบไกลขึ้น ทำให้หลอด Stamina ฟื้นเร็วกว่าเดิม หรือสกิลติดให้กับอาวุธที่จะเพิ่มเอฟเฟคการโจมตีพิเศษ คุณสามารถเติมสกิลได้มากกว่านั้น ด้วยการใส่เพชรที่สุ่มดรอปมาจากการล่ามอสเตอร์ ทำให้เราสามารถสร้าง Build ได้อย่างหลากหลาย จะเอาสกิลจากเกราะอย่างนึง และไปแต่งเติมเอาสกิลอีกอย่างจากช่องเพชรอย่างนี้ก็ได้
นี่คือระบบที่อยู่คู่กับเกม Monster Hunter มาตลอด ซึ่งแม้จะใช้กันมานานแล้ว แต่ก็ยังเป็นระบบที่ไม่เหมือนใครและยืดหยุ่นมาก ๆ สำหรับเกม Action-RPG
ในช่วง Beta ผู้เขียนมีความรู้สึกว่านี่คือภาค World ที่เล่นในสปีด 1.25X แต่พอได้เล่นเกมเต็มแล้วก็ต้องขอเปลี่ยนความคิด นี่คือภาค World ที่เล่นในสปีด 1.50X ต่างหาก นอกจากดีไซน์โดยรวมที่ทำให้เกมจบง่ายได้เร็วยิ่งกว่าเดิม เกมการเล่นตบตีมอนสเตอร์ก็ดุเดือดฉับไวยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน
นกยักษ์ เซเคร็ท (Seikret) คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรากลับไปเล่น Monster Hunter แบบเก่าไม่ได้อีกเลย นี่คือพาหนะที่จะพาให้คุณเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ใช้ในการนำทางไปสู่เป้าหมายภารกิจโดยที่เราไม่ต้องบังคับอะไรทั้งสิ้น ระหว่างทางเราก็สามารถยิงสลิงคว้าทรัพยากรตามฉากโดยไม่ต้องหยุด (เว้นแต่ของบางอย่างเช่นสินแร่ที่ต้องใช้การขุดเจาะ) เราสามารถเรียกใช้ เซเคร็ท แม้จะอยู่ในการต่อสู้ เป็นจุดพักฟื้นระหว่างการล่า ให้คุณได้ขึ้นมานั่งเติมพลัง, ลับอาวุธให้คม โดยที่เราไม่ต้องอยู่กับที่ แถมในจังหวะที่คุณถูกตีกระเด็น เซเคร็ท ก็สามารถพุ่งมารับคุณออกจากอันตรายได้ทันที นับเป็นสัตว์ขี่ที่มีประโยชน์ที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยได้สัมผัสในวิดีโอเกม
ของใหม่ที่ทำให้การต่อสู้ยิ่งดุเดือด นั่นคือระบบ ‘Focus strike’ ในการกดเล็งระหว่างต่อสู้ พร้อมกดปุ่ม R1 หรือ RB มันจะเป็นท่าโจมตีใหม่เอี่ยมของอาวุธทุกชนิด ที่จะให้คุณเข้าตีมอนสเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ แถมใช้ผสมกับ Moveset ได้อย่างลื่นไหล เท่านั้นยังไม่พอ
ในภาคนี้จะมีระบบ ‘แผล’ ถ้าเราโจมตีมอนสเตอร์ในจุดเดิมซ้ำ ๆ จะทำให้ผิวของมอนสเตอร์เกิดแผลขึ้นมา การกดเล็งค้างจะช่วยไฮไลท์แผลและถ้าเราโจมตีแบบ Focus strike เข้าตรงนั้น มันจะเกิดเป็นท่าใหม่ที่จะซ้ำแผลมอนสเตอร์ กลายเป็น Damage พิเศษ ที่ทำให้มอนสเตอร์เจ็บหนัก แถมได้วัตถุดิบจากมอนสเตอร์เยอะขึ้นอีก กลายเป็นอีกหนึ่งแทคติกในการสู้มอนสเตอร์ ยิ่งเราสร้างบาดแผลได้เยอะเท่าไร ก็ยิ่งเป็นจุดได้เปรียบเท่านั้น และในจังหวะที่มอนสเตอร์ถอยจากการต่อสู้ หรือคลาดสายตาจากผู้เล่น เราสามารถย่องเบาแล้วเข้าไปทำ ‘Sneak attack’ ที่จะเป็นการโจมตีอย่างรุนแรง เปิดฉากต่อสู้โดยที่เราได้เปรียบทันที นี่คือระบบที่ผู้เขียนอยากให้มีมาตั้งแต่ภาค World แล้ว ในที่สุดเราก็ทำได้สักที
พอเอาทุกอย่างมารวมกันกับระบบเดิม ๆ ที่มีมาก่อนแล้วในภาค World อย่างการใช้สภาพแวดล้อมโจมตีมอนสเตอร์ การใช้กับดัก การลากให้มอนสเตอร์ตัวอื่นมาเจอกัน นี่คือประสบการณ์ของเกม Monster Hunter ที่บอกได้สั้น ๆ ว่า ‘สุดเหวี่ยง’ มันยิ่งใหญ่ มันท้าทาย มันตื่นตาตื่นใจ แม้ใครไม่เคยเล่น Monster Hunter มาก่อน ก็เหมาะที่จะได้ลองในภาคนี้
นี่คือประสบการณ์ของเกม Monster Hunter ที่บอกได้สั้น ๆ ว่า ‘สุดเหวี่ยง’ มันยิ่งใหญ่ มันท้าทาย มันตื่นตาตื่นใจ
ข้อเสียมีอยู่นิดเดียวนั่นคือความลำบากของการล็อคเป้ามอนสเตอร์ ในกรณีที่เราเจอมอนสเตอร์หลายตัว การกดล็อคเป้าจะล็อคเฉพาะตัวที่อยู่ในเควสเราเท่านั้น รวมทั้งการออกแบบ UI หน้าจอ HUD ก็ยังดูยุ่งเหยิงมองยาก ข้อมูลที่สำคัญอย่างเวลาของอาหารบัฟที่กำลังจะหมดกลับเป็นแค่ตัวเลขเล็กตี๊ดเดียวที่มุมซ้ายบน รวมทั้งการออกแบบ UI ในหน้าต่างใส่ไอเทมก็ยังเป็นแบบเดิมจากภาค World ที่รกสุด ๆ แต่ก็เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการเล่น ใครที่เพิ่งเล่นครั้งแรกอาจจะเหนื่อยตั้งแต่เห็นหน้า UI ของเกมนี้เลยทีเดียว
Performance – ปัญหาเกม Crash ที่บ่อยจนร้องระงม
บอกก่อนว่าในการรีวิวครั้งนี้คือเกมในเวอร์ชันก่อนวางขาย ซึ่งยังไม่ได้รับ Day One Patch ดังนั้นประสบการณ์ที่ท่านผู้อ่านจะได้รับอาจไม่เหมือนที่ผู้เขียนได้พบเจอมาก่อน
Monster Hunter Wilds ได้เปลี่ยนเอนจิ้นจากตัว MT Framework ที่ใช้กันในเกมของ Capcom อย่างยาวนาน ให้กลายมาเป็น RE Engine ตัวล่าสุดที่ใช้กันในเกมยุคใหม่ พร้อมกับเทคโนโลยียุคปัจจุบันอย่าง Ray tracing
จุดที่ต้องชมอย่างแรงเลย นั่นคือภาคนี้สนับสนุนการ Co-op แบบ Crossplay เต็มรูปแบบ หากเพื่อน ๆ ของคุณไม่ได้มีเครื่องเกมเดียวกัน คนนึงซื้อ PC คนนึงซื้อ PS5 ก็ยังเล่นด้วยกันได้สบาย ยิ่งทำให้เราสนุกกับการ Co-op มากกว่าในภาคที่ผ่าน ๆ มา
แต่หลายคนที่ได้สัมผัสเวอร์ชัน Beta กันมาก่อนก็น่าจะพอรู้กิตติศัพท์ของเกมนี้มาระดับหนึ่งแล้ว นั่นคือมันเป็นเกมที่กินแรงเครื่องสูงมาก แม้จะเป็นเครื่อง PC ระดับสูงที่ผ่านขั้นแนะนำก็ยังมีอาการหืดขึ้นคออยู่หลายฉาก
ซึ่งเราก็ต้องขอแสดงความเสียใจว่าในเกมเต็มก็ยังไม่ต่างกันเท่าไร หากใครเลือกที่จะเล่นบน PC คุณควรจะมีการ์ดจอที่สามารถเปิดตัวช่วย Upscaling เพื่อเพิ่มความลื่น และถ้าเป็นการ์ดจอที่สามารถเปิดตัวเลือก Frame generation ได้ ก็ยิ่งช่วยได้มากเลย
ในการรีวิวเราลองกับเครื่องที่ใช้ซีพียู INTEL CORE I9-10900K, RAM 16 GB DDR4 และการ์ดจอ GeForce RTX 4080 Super ปรับสูงสุดทุกอย่างพร้อม Ray tracing ระดับ High บนภาพ 4K และเปิด DLSS ระดับ Balanced พร้อมกับ Frame generation ประสิทธิภาพที่ได้ก็ถือว่าดีพอตัว ด้วยเฟรมเรตที่อยู่ระดับ 80-90FPS ในพื้นที่แรก
แต่พอพ้นไปถึงเขตป่า Scarlet Forest ที่น่าจะถือเป็นจุดที่กินเครื่องหนักที่สุด (เหตุจาก Ray tracing ที่เน้นภาพสะท้อนบนผิวน้ำ) ในฉากนี้เราเห็นเฟรมเรตตกมาต่ำที่สุดที่ 60 กว่า ๆ ซึ่งถือว่าโหดมาก น้อยเกมที่จะทำให้เครื่องของผู้เขียนเฟรมตกลงมาระดับนี้แม้จะเปิดตัวช่วย Upscaling
แต่หากท่านผู้อ่านไม่ได้อยากเล่นภาพ 4K บนกราฟิกเปิดเต็มทุกอย่าง การ์ดจอระดับกลาง ๆ อย่าง RTX 4060 ก็น่าจะทำเฟรมได้โอเคแล้ว
และด้วยความที่เวอร์ชันนี้คือเวอร์ชันก่อนวางขาย เราเลยได้เจอปัญหาที่ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ได้เจอแล้ว(ในตอนที่เกมออกวางจำหน่ายจริง) ที่หนักที่สุดในเวลานี้นั่นคืออาการเกมล่ม ที่ล่มได้ทุกครั้งหลังโหลดฉาก และพอเป็นเกมที่เราจะโหลดเข้าเควสหรือ Fast travel เป็นประจำ ทำให้เราต้องมาลุ้นทุกครั้งว่าการโหลดแต่ละครั้งจะทำให้เกมล่มหรือเปล่า
แต่ผู้เขียนก็เล่นไปเยอะจนจับทางได้ว่า การกดรับเควสที่เป้าหมายไม่ได้อยู่ในแมพเดียวกันกับเรา จะมีโอกาสทำให้เกมล่มสูงมากเวลาที่กดเริ่มเควส ดังนั้น เราต้อง Fast travel ไปยังแมพที่มอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ก่อนค่อยกดรับเควส หรือให้ดีก็คือเดินเข้าไปตีมันโต้ง ๆ ระหว่างที่มันเดินอยู่ในแมพ จะได้ไม่ต้องมีฉากโหลดให้ลุ้น นี่คือปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดและก็หนักที่สุดในการรีวิวครั้งนี้ ก็หวังว่าในเกมเต็มท่านผู้อ่านจะไม่ได้เจอ
นอกจากปัญหาเกมล่ม เรายังเจอปัญหาภาพกราฟิกบั๊ก โดยมันมักจะเกิดกับไอเทมที่เราใส่ให้แมวคู่หูหรือเอฟเฟคบนตัวของมอนสเตอร์ ถ้าเป็นเมื่อไร เราจะเจอกราฟิกช็อตเป็นเส้น ๆ ลายตาไปหมด ซ้ำร้ายก็คือมันเกิดต่อไปถึงในคัตซีนได้ด้วย ทำให้ฉากสุดอลังการกลายเป็นภาพแห่งความอัปยศ แม้จะไม่หนักหนาเท่าอาการเกมล่ม แต่ก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะไม่ได้เจอเช่นกัน
สรุป
Monster Hunter Wilds มันคือเกมที่แฟนมอนฮันรอคอยและเกมยอดเยี่ยมที่น่าลองสักครั้ง มันอาจจะไม่ใช่รสชาติที่ถูกปากทุกคน แต่ถ้าติดใจแล้วล่ะก็ คุณจะเล่นมันจนเบรคแตกเลยทีเดียว