Playerunknown’s Battlegrounds เกมที่เล่นสนุกไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ควรใช้ความอดทนอดกลั้นในการอ่าน
ในโลกของวิดีโอเกม หลายคนต่างมองหาเป้าหมายเดียวกันคือเกมที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ผู้พัฒนาล้วนพยายามสร้างเกมที่มีความสดใหม่ เนื้อหาหลักของเกมต้องไม่ซ้ำใคร รูปแบบการนำเสนอสุดพิเศษ ภาพและเสียงที่ได้สัมผัสต้องเป็นเอกลักษณ์ แต่หลายครั้งหลายคราเหลือเกินที่ผู้พัฒนาลืมใส่ “ความสนุก” ลงไปในเกมด้วย ซึ่งไม่ใช่กับ Playerunknown’s Battlegrounds
Playerunknown’s Battlegrounds หรือ PUBG นั้นออกมาให้ได้สัมผัสในเวอร์ชั่น Early Access กันตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เวลาผ่านไปเป็นเวลากว่า 9 เดือนเต็ม PUBG ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากตัวเกมเวอร์ชั่นแรกเริ่มเคียงคู่ไปกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง จวบจนถึงปัจจุบัน
PUBG เป็นเกมที่ไม่ได้อยู่ในนิยามคำว่า “ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ” แต่กลับรู้สึกสนุกอย่างน่าประหลาดใจ
เกมนี้ไม่ได้มาพร้อมกับภาพกราฟิกที่แสนสวยงามบาดตาประทับใจ เกมนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการ Optimize ขั้นเทพที่เล่นลื่นหัวแตกแต่กลับกระตุกจนแสบไส้ในสเปคเครื่องแสนแพง และ PUBG เองก็ไม่ได้มาพร้อมกับแนวคิดของเกมที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีความสดใหม่ แต่สิ่งที่ผู้เล่นได้รับคือความสนุกที่บอกไม่ถูก
รู้จักกับเกมการเล่นของ PUBG
เชื่อว่าหลายคนนั้นยังไม่ได้สัมผัสกับ PUBG อย่างใกล้ชิดเท่าไหร่นัก ในช่วงแรกผมเองก็เป็นเช่นเดียวกัน หากดูผิวเผินเกมนี้คงจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่อุดมไปด้วย Bug และโลกของเกมที่กลวงโบ๋ ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ (อ่าว) แต่เดี๋ยวก่อน เกมมันเป็นอย่างไรเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังดังนี้
PUBG หยิบรูปแบบของ Battle Royal หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Last Man Standing โดยผู้เล่นจะต้องกระโดดลงจากเครื่องบินที่บรรจุนักสู้ทั้งหมดจำนวน 100 คน ลงสู่แผนที่ ในระหว่างเส้นทางการบินและการดำดิ่งลงสู่พื้นผิว ผู้เล่น(และทีม) จะต้องทำการเลือกแผนที่ที่ต้องการลง โดยตัวเกมจะทำการสุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์รวมทั้งยารักษาเลือดและอุปกรณ์แต่งปืนต่างๆ ไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้ง
เมื่อลงสู่พื้นผิว ทุกคนในเกมนี้จะลงมาตัวเปล่าแบบไม่มีอาวุธและสิ่งป้องกันใดๆ สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการวิ่งหาอาวุธมาป้องกันตนจากศัตรูและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวละคร ทุกสิ่งไม่ตายตัว หลายคนบอกว่าเกมนี้เน้นโชคมากกว่าความสามารถ จะว่าอย่างนั้นก็คงได้แต่สำหรับหลายคนแล้วมันคือการคาดเดา วางแผนและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เป้าหมายของเกมนั้นแสนง่ายคือการเอาตัวรอดเป็นคนสุดท้าย
แต่มันจะท้าทายได้อย่างไรถ้าไม่มีแรงกระตุ้น ตัวเกมบีบให้ผู้เล่นต้องเข้าหากันมากขึ้นด้วยวงฟ้ามหากาฬที่หากคุณไม่ทำตามที่เกมกำหนดก็ต้องตาย ด้วยอาวุธ ที่กำบังและพื้นที่อันแสนจำกัด ความสนุกจึงบังเกิดภายในเวลาไม่กี่สิบนาทีนี้เอง
ความแตกต่างระหว่าง Early Access กับตัวเต็ม 1.0
ความแตกต่างของเกม PUBG เวอร์ชั่น Early Access และตัวเต็ม 1.0 นั้นผมขอไม่พูดถึงในส่วนของ Test Server แต่ในตัวเกมเต็มที่เราได้เล่นไปไม่กี่วันที่ผ่านมานั้นมีข้อแตกต่างที่น่าสนใจอยู่หลายประการดังนี้
- การปีนป่ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาทำให้การหลบซ่อนและบุกโจมตีแต่ละครั้งถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
- อาวุธที่เพิ่มมากขึ้นกลายเป็นการเปิดตัวเลือกให้ผู้เล่นได้สัมผัส
- แผนที่ใหม่ที่ให้โทนอบอุ่น(หรือแสบร้อน)ตลอดเวลาเรียกว่าตัดกันกลับแผนที่แรกที่เขียวชะอุ่มตลอดการเดินทางก็ว่าได้
- ยานพาหนะที่มีให้เลือกรูปแบบมากขึ้นรวมไปถึงการปรับแต่งระบบขับรถที่ทำให้การเลือกรถโดยสารกลายเป็นความท้าทายที่มากขึ้น
- ปัญหาบัคจุกจิกกวนใจหลายอัน ถูกแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย
- การ Optimize ที่ดีขึ้นจนเห็นได้ชัด เกมกินสเปคน้อยลงมากและเฟรมเรทนิ่งขึ้นจนสัมผัสได้
- แต่ปัญหา Server Overload กลับมีให้เห็นมากยิ่งขึ้น มากเสียจนในบางครั้งก็รู้สึกว่าทำให้เกมมันเล่นไม่ได้
สมรภูมิรบที่เงียบเชียบแต่บีบคั้น
อย่างที่ได้กล่าวไป ด้วยผู้เล่นจำนวนมากภายในพื้นที่และอุปกรณ์ที่จำกัด ผู้เล่นจะถูกบีบให้ไปยังสถานที่ที่ไม่อยากไป ถูกบีบให้ไปจุดหมายที่มีความเสี่ยงด้วยความหวังว่าที่แห่งนั้นจะมีอาวุธปืนที่ครบครัน
บรรยากาศภายในเกมจะเต็มไปด้วยความอ้างว้างและเงียบเหงา แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นตลอดหากคุณอยู่ถูกที่และถูกเวลา
ปัจจัยภายในเกมที่จะคอยบิดประสบการณ์การเล่นที่ได้รับ คือ รูปแบบการเล่นของคุณและเพื่อนร่วมทีม
คุณเลือกได้ว่าจะเป็นกลุ่มนักล่าผู้กระหายสงคราม หรือ จะปลีกวิเวกมาเก็บของอย่างแสนสงบ
ผู้เล่นถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายเริ่มต้นที่แตกต่างกัน บางคนอยากลุยเมื่อของพร้อม บางคนอยากอยู่รอดให้นานที่สุด หรือ บางคนอยากยิงให้มากและฆ่าให้ไวที่สุด ดังนั้น PUBG จะกลายเป็นเกมยิงสุดมันส์หรือเกมหลบหนีชวนหาวก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของผู้เล่นแต่ละคนนั่นเอง
ความสนุกที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละการเล่น
แน่นอนว่าความสนุกของการเล่นเกม Multiplayer คือการที่เราจะได้เจอกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละผู้เล่นที่ได้ร่วมประมือ ความสนุกใน PUBG ก็เป็นเช่นเดียวกันในขนาด 100 คนพร้อมกัน
ในแต่ละแมตช์ที่ได้เริ่มเล่น เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเราจะได้พบเจอกับอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรบ้าง พื้นที่ที่เราต้องไปจะต้องไปทางไหน หรือรอบตัวเราในขณะนี้จะมีศัตรูหรือไม่
ความสนุกที่ไม่สมบูรณ์แบบของเกม PUBG คือเสน่ห์ที่เกมหยิบยื่นให้ ตัวเกมอาศัยการเรียนรู้เพียงน้อยนิด อาศัยประสบการณ์ในการเล่นไม่มากนัก แต่สิ่งที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอดภายในเกมกลับเป็นการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เราต้องเจอ
คุณจะทำอย่างไรถ้าโดนยิงจากระยะไกลที่แม้แต่เพื่อนร่วมทีมก็มองไม่เห็นที่มาของกระสุน
คุณจะทำอย่างไรถ้าอาวุธครบมือแต่กลับโดนล้อมด้วยศัตรู 4 คน การออกไปลุยเดี่ยวเปรี้ยวสุดติ่งจะชาญฉลาดกว่าการตั้งรับเพื่อรอเพื่อนร่วมทีมหรือไม่
คุณจะทำอย่างไรถ้าจุดหมายอยู่ข้างหน้าแต่กลับมีศัตรูขวางมันอยู่ ในขณะเดียวกันก็ถูกบีบด้วยวงฟ้าที่แสนทรมาน การเลือกระหว่างอดทนรอแล้วตายไปอาจไม่ได้ดีกว่าออกบู๊เพื่อการรอด
สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้เกมที่ดูธรรมดากลับรู้สึกสนุกขึ้นมาได้ และก็ด้วยเหตุผลเดียวกันที่ทำให้หลายคนติดเกมนี้จนถอนตัวได้ยาก
PUBG เหมาะสำหรับเกมเมอร์แบบไหน ?
PUBG เหมาะกับคุณ ถ้า…
- ถ้าคุณมองหาเกมที่เล่น Multiplayer กับเพื่อนได้แบบไม่ซีเรียสมากนัก
- ถ้าคุณต้องการเกมที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเลเวลหรือเรียนรู้เกมนานๆ
- ถ้าคุณอยากจะสัมผัสกับประสบการณ์ต่อสู้กับคนอีกหลายสิบคนในระยะเวลาสั้นๆ
- ถ้าคุณชอบเล่นเกมที่ไม่กินเวลานานนัก
- ถ้าคุณอยากได้เกมที่หาห้องเล่นง่าย อยากเล่นเมื่อไหร่ก็ได้เล่น
PUBG ไม่เหมาะกับคุณ ถ้า…
- ถ้าคุณมองหาเกมที่มีกราฟิกสวยงาม โลกของเกมถูกการขัดเกลาแบบเกมระดับ AAA
- ถ้าคุณต้องการเล่นเกมที่มีระบบสุดซับซ้อน มีการพัฒนาของการเล่นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
- ถ้าคุณอยากได้เกมที่ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ ทุกนาทีที่ได้สัมผัสคือคุณภาพที่แท้จริง
- ถ้าคุณเครื่องไม่แรงพอ คุณคงไม่อยากปรับกราฟิกต่ำจนนึกว่าเล่นเกม PS2 หรอกจริงมั้ย ?
- ถ้าคุณต้องการ fair fight เพราะในเกมนี้การปะทะที่เท่าเทียมกันไม่มีอยู่จริง
สรุปเกมนี้เป็นยังไง ?
PUBG คืออีกหนึ่งเกมแนว Battle Royale ที่ดังเป็นพลุแตกในปีนี้จนกลายเป็นการจุดกระแส Battle Royale ให้เกมอื่นต้องหันมาสนใจทำตาม แม้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะออกไปในทางถ่มถุยซะมากกว่า แต่โดยส่วนตัวแล้วก็ยังมองว่าด้วยความสนุกที่เข้าถึงได้ง่าย ประสบการณ์การเล่นที่ปรับเปลี่ยนไปในแต่ละครั้งที่เล่น ใช้เวลาในแต่ละเกมไม่นานจนเกินไป และไม่ต้องอิงความเป็น Competitive มากเสียจนกดดัน
หากคุณสามารถมองข้ามหรืออดทนกับปัญหาทางเทคนิคของตัวเกมได้ PUBG เป็นอีกหนึ่งเกม Multiplayer ที่ดีมากพอจะชวนกันเล่นกับแกงค์กลุ่มเพื่อนในปีนี้และปีหน้าครับ