เมื่อตระกูลเบลมอนท์ก้าวสู่โลกของ PC วงการต้องสั่นสะท้าน เกมเมอร์ต้องครวญครางกับอาการอยากเล่นจนติสต์แตก งานนี้จะดีหรือไม่ จะไหวหรือเปล่า Ninjacyber จะมาเล่าให้ฟัง
Castlevania: Lords of Shadow Ultimate Edition Review
จาก Castlevania ภาคแรกที่วางจำหน่ายเมื่อปี 1986 ยุคสมัยอันเรืองรองของเกมขนาด 8 บิท (ผลงานของ Akihiko Nagata) เรื่องราวการเดินทางไปปราบท่านเคาท์แคร็กคูล่าของ Simon Belmont กาลเวลาที่ผ่านมาเกือบ 3 ทศวรรษนั้นได้พิสูจน์เป็นอย่างดีว่ามันได้เข้าขั้นของคำว่า “คลาสสิค” ไปแล้ว ชื่อของ Castlevania ยังคงเป็นที่กล่าวถึง ยังคงเป็นที่จดจำและมันยังมีผลงานออกมาอยู่เรื่อยๆ แม้จะผลัดเปลี่ยนมือจากผู้สร้างเดิมไปหลายต่อหลายคนที่มีทั้ง ดีบ้าง ห่วยบ้าง เปลี่ยนแปลงบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Castlevania นั้นยังคงเป็น Castlevania อยู่ก็คือมนต์สเน่ห์ในตัวมันที่ยากจะแปรเปลี่ยนและไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนมันแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับ Lord od Shadow ของ Mercury Steam ทีมงานจากแดนตะวันตกที่พวกเขารู้ดีว่าจะทำอย่างไรอย่างไรให้คนเล่นเกมทุกคนสามารถเข้าถึงมนต์เสน่ห์ของ Castlevania
Castlevania ภาคแรก (1986)กับการผจญภัยของ Simon Belmont
ในบางครั้งตำนานหรือความคลาสสิดก็อาจจะหายไปจากสารบบของวงการเกมในยุคปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย ด้วยต้นทุนการพัฒนาเกมที่สูงขึ้น กลุ่มผู้เล่นใหม่ที่นิยมการรูปแบบการเล่นที่เน้น ”ความบันเทิง” ที่เข้าถึงได้ง่ายการดำรงค์อยู่ของเกมการเล่นในรูปแบบเดิมๆนั้นอาจจะไม่ใช่คำตอบของนายทุนทั้งหลาย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับเกมระดับคลาสสิคหลายๆเกมที่ต้องล้มหายตายจากไปจากระบบ อาทิเช่นเกมแนว Old School RPG จากทางฝั่งตะวันตกที่ชาตินี้เราคงไม่ต้องหวังจากผู้ผลิตรายใหญ่ได้เหมือนเช่นสมัยก่อนอีกได้แล้ว หรือเกมแฟรนไซส์ JRPG ที่เรารักในวัยเด็กกลับกำเนิดใหม่กลายเป็นเกมบนสมาร์ทโฟนที่เข้าถึงได้ง่ายและทำรายได้มหาศาลเมื่เทียบกับต้นทุน Castlevania ในภาคหลังๆเองก็เช่นกันที่เกือบจะบอกลาวงการนี้หลังยอดขายดูเหมือนจะสวนทางกับคำวิจารณ์ที่ได้
Breath of Fire เป็นซีรี่ย์ที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่ภาคล่าสุดของมันก็กลายเป็นเกมบนมือถือไปซะแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ทาง Konami ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือการเพิ่มฐานของแฟนเกมให้มากขึ้น แล้วจะทำอย่างไรล่ะ? หลายต่อหลายค่ายเกมเคยลองมาแล้วกับการเปลี่ยนแปลงแนวเกมจากรูปแบบการเล่นแบบดั้งเดิมมาเป็นรูปแบบของการเล่นแบบที่มีเกมเพลย์ร่วมสมัย แน่นอนการเปลี่ยนแปลงนั้นย่อมต้องแบกรับไว้ซึ่งคำวิจารณ์เสียดสีของบรรดาแฟนๆเกมเพื่อแลกมาซึ่งการดำรงค์อยู่ของซีรี่ย์ และหน้าที่ของแพะที่ต้องถูกบูชายัญนั้นก็ตกเป็นของ Mercury Steam ทีมพัฒนาจากแดนกระทิงผู้มีผลงานเกม FPS สุดคัลท์อย่าง Clive Barker’s Jericho นั่นเอง
โฉมหน้าของเหล่าทีมงาน Mercury Steam กับ Castlevania Mirror of Fate ที่ลงให้กับเครื่อง 3DS
(และกำลังจะมีเวอร์ชั่น HD ในเร็วๆนี้)
แน่นอนว่าการจะเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและเกือบที่จะไม่ได้ไปต่อหลายต่อหลายครั้ง ทางทีมงาน Mercury Steam ได้ทดลองทำหลายสิ่งหลายอย่างทดลองเปลี่ยนรูปแบบการเล่นที่จะทำอย่างไรถึงจะทำให้ได้ผู้เล่นกลุ่มใหม่ให้ได้มากที่สุดโดยที่ยังคงความเป็น Castlevania ไว้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะล้มเหลวและ Castlevania จะต้องปิดตำนานลงเสียแล้ว หลัง Konami สั่งหยุดการพัฒนาตัวเกมไว้ชั่วคราวเพราะดูจากงานในเบื้องต้นแล้วดูเหมือนว่ามันคงเป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จ และทำให้ Mercury Steam เกือบจะไม่ได้ไปต่อแล้ว หากปราศจากซึ่งการช่วยเหลือของชายที่ชื่อ Hideo Kojima เกมดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของซีรี่ย์ Metal Gear ที่ไม่ว่าใครต่างก็รู้จักกันดี
หลายคนยกย่องเขาให้เป็นพระเจ้าแห่งวงการเกม สำหรับชายคนนี้ที่ชื่อ Hideo Kojima
Hideo Kojima นั้นได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงเนื้อหาและการนำเสนอของ Lord of Shadow เป็นอย่างมากและเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทาง Konami เปิดทางให้มันไปได้ต่อ จากเดิมที่มันถูกวางแผนไว้ให้เป็นการรีบูทเกมภาคแรกเมื่อปี 1986 ขึ้นมาใหม่กับตัวเอกคนเดิมอย่าง Simon Belmont กลับกลายเป็นการสานต่อที่ดูมีความหนักแน่นและน่าค้นหามากขึ้นกับตัวเอกใหม่อย่าง Gabriel Belmont ที่มีความเป็นมนุษย์ที่มีเรื่องราวมีมิติและน่าจดจำมากขึ้น
จาก Simon Belmont ในภาคแรกสู่ Gabriel Belmont ใน Lord of Shadow
แน่นอนว่าหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่า Lord of Shadow นั้นได้เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของ Castlevania ไปจากเกมแนว Action 2D Side Scrolling หรือที่เรียกกันว่า Metroidvania ไปสู่เกมแอ็คชั่นเต็มรูปแบบเฉกเช่นเกมฟอร์มยักษ์ที่อดนำมาเปรียบเทียบไม่ได้อย่าง God of War ของ Sony และ Santa Monica แล้ว Lord of Shadow ยังคงเป็น Castlevania อยู่อีกงั้นหรือ? หากคุณยังคงอคติกับการเปลี่ยนแปลง หากคุณยังไม่ได้ลอง หากคุณยังไม่ได้สัมผัสมันอย่างจริงจังและจริงใจคำตอบของคุณอาจจะเป็น ”ไม่” แต่ถ้าวันนึงพวกคุณได้ลงลึกและถลำเข้าไปยังตัวเกมแล้วคำตอบอาจจะกลายเป็น”ใช่ มันยังคงเป็น Castlevania อยู่” ก็เป็นได้
Castlevania: Symphony of the Night (PS1) ภาคที่ได้รับการโหวตจากแฟนๆว่าเป็นภาคที่ดีที่สุด
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
อันที่จริง Castlevania มีภาคที่เป็น Action แบบ 3D มาแล้วอยู่ 2 ภาคในยุดสมัยของเครื่อง PS 2 อย่างภาค Castlevania: Lament of Innocence ที่ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ในทางที่ดีมากในปี 2003 จนทำให้มันได้มีการสร้าง Castlevania: Curse of Darkness ซึ่งเป็นแนวเดียวกันออกมาในปี 2005 แต่เสียงตอบรับที่ได้กกลับเป็นไปในด้านลบทั้งคำวิจารณ์และยอดขาย
ใช่ Lord of Shadow ยังคงเป็น Castlevania ที่เรารู้จักและยังทำหน้าที่ของมันได้ดีด้วยรูปแบบการเล่นแบบร่วมสมัย แม้จะมีการหยิบยืมระบบการเล่นเกมต่างๆมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งแนวทางเล่าเรื่ององค์ประกอบฉากและคัทซีนสไตล์ของ Hideo Kojima มุมกล้องที่ล้อ God of War ระบบ QTE ที่เอามาปรับใช้ การต่อสู้กับ Titan ที่หยิบมาจาก Shadow of Colossus ทั้งหมดนี้เป็นกลไกของเกมเพลย์ที่ใช้ในการเล่าเรื่องราวของ Lord of Shadow ผิดกับการรีบูทเกมหลายๆเกมที่มักจะเอาองค์ประกอบเดิมๆของเกมมาใช้และปรับให้ง่ายขึ้นเพื่อดึงดูดผู้เล่นโดยทิ้งรากเหง้าของตัวตนไป Lord of Shadow กลับทิ้งเกมเพลย์ที่เคยเป็นมาโดยคงจิตวิญญาณของตัวเกมไว้อย่างเต็มเปี่ยมแทน
Castlevania ก็ยังเป็น Castlevania แหละน่า
เรื่องราวของ Lord of Shadow นั้นก็ยังคงรูปแบบของตัวเกมต้นฉบับในปี 1986 Gabriel Belmont ตัวเอกที่ได้รับภารกิจในการออกค้นหาเงื่อนงำเพื่อกอบกู้โลกจากบรรดาปิศาจที่ออกอาละวาดแต่ Gabriel นั้นไม่ได้เป็นเพียงนักรบบ้าใบ้ธรรมดาแต่เขาเป็นมนุษย์ที่รู้จัก”ความรัก” สิ่งที่ Gabriel ต้องการคือการได้พบภรรยาของอีกครั้งหลังการตายจากของเธอ และก็เป็นเธอนี่เองที่เป็นเงื่อนงำที่นำพาเขาไปสู่หนทางในที่ทั้งคู่จะได้พบกันอีก(?)และหนทางในการสังหารเจ้าแห่งเงามืดเพื่อคืนสมดุลสู่โลกอีกครั้ง
Boss Fight ตามแบบฉบับสมัยนิยม
Gabriel จะได้เผชิญหน้ากับศัตรูมากมายทั้ง ไลแคน มนุษย์หมาป่า ออร์ค โทรล อิมพ์ แวมไพร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูหน้าเดิมตามแบบฉบับของ Castlevania ผ่านการเดินทางอันแสนยาวนานร่วม 20-40 ชั่วโมงการเล่น ตลอด 13 Chapter ซึ่งแต่ละ Chapter ก็จะมีการแยกย่อยเนื้อหาแตกกต่างกันออกไปเป็นฉากสั้นๆยาวไม่กี่ 10 นาทีแต่ผู้เล่นสามารถย้อนกลับมาเล่นใน Chapter เก่าได้เรื่อยๆเพื่อเก็บค่าประสบการณ์หรือปลดล๊อคสิ่งของหริอไอเท็มต่างๆที่ซ่อนอยู่ตามฉาก (ในบางฉากพวกสิ่งของที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆจะยังไม่สามารถเก็บได้จนกว่าผู้เล่นจะได้พลังใหม่ของ Gabriel มาถึงจะสามารถย้อนกลับมาเก็บได้)
กว่าจะโหดได้ก็นานพอควร
ในส่วนของระบบการต่อสู้ของ Lord of Shadow นั้น ตัวเกมใช้เวลาพอสมควรในการแนะนำระบบต่างๆให้กับผู้เล่น ซึ่งกว่าที่เราจะสามารถออกท่วงท่าลีลาคอมโบนั้นก็ปาไปเกือบ 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ก็นับได้ว่ามันคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอยู่เหมือนกัน โดย Gabriel นั้นจะมาพร้อมกับอาวุธอันเป็นเอกลักษณ์อย่างแส้หรือในเกมเรียกว่า Combat Cross ในการห้ำหั่นศัตรู (ซึ่งจัดว่ามีความยากพอประมาณเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับ God of War ในความยากระดับเดียวกัน) และเจ้า Combat Cross นี้เป็นอาวุธหลักชิ้นเดียวที่ผู้เล่นจะได้ใช้ไปจนจบเกม หากตัวเกมมีระบบการต่อสู้เพียงแค่นั้นดูเหมือนจะน่าเบื่อไปซักนิดทางทีมงานจึงได้เพิ่มระบบ Orb และการ Light and Shadow Magic เข้ามาทำให้การต่อสู้ดูมีมิติละความท้าทายมากขึ้น โดยระบบที่ว่านี้จะเรียกได้เข้าทดแทนในส่วนของระบบหีบเลือดและมานาของ God of War ก็ว่าได้ (ซึ่งใน Lord of Shadow นั้นมีเหมือนกันแต่ไม่ได้มีพร่ำเพื่อเหมือน God of War นัก) โดยระบบที่ว่านี้จะเปิดโอกาศให้ผู้เล่นสามารถเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ได้มากขึ้นด้วยการออกคอมโบให้ได้มากที่สุดโดยที่ไม่โดนโจมตี (แบบเดียวกบการเก็บ Combo Rank ใน Devil May Cry) ซึ่งเมื่อผู้เล่นสามารถออกคอมโบได้จนเกจเต็มการโจมตีครั้งต่อๆไปจะทำผู้เล่นสามารถเก็บสะสม Orb ที่ออกมาจากศัตรูได้ โดยที่ผู้เล่นอาจจะดูด Orb มาใช้สำหรับ Light Magic เพื่อเพิ่มพลังชีวิตในขณะโจมตี หรือจะใช้สำหรับ Shadow Magic เพื่อเพิ่มพลังการโจมตีก็ได้ ซึ่งเมื่อผู้เล่นเปิดใช้ Light Magic หรือ Shadow Magic นั้นจะทำให้ผู้เล่นสามารถใช้ท่าที่มีพลังทำลายสูงได้อีกด้วย (และยังจำเป็นใช้ในการแก้ปริศนาตามฉากด้วย)
ชื่อชั้นของ Kojima ไม่เคยทำให้แฟนเกมผิดหวังแม้จะเป็นเพียงแค่โปรดิวเซอร์ร่วมก็ตาม
อันที่จริงแล้วตัวผู้เขียนเองก็ได้เคยลองเล่น Lord of Shadow ในเวอร์ชั้น PS 3 มาก่อนหน้าที่จะลงมือเขียนรีวิวนี้บ้างแล้ว ซึ่งในเวอร์ช่น PS 3 เองก็ต้องบอกว่ามีภาพที่เรียกได้ว่าสวยงามแล้วทั้งคุณภาพของกราฟฟิคและการจัดวางองค์ประกอบของภาพมุมกล้องและแสงเงาต่างๆ ติดเสียเพียงแค่ขีดจำกัดของฮาร์ดแวร์เท่านั้นที่ทำให้มันสามารถแสดงผลได้เพียงแค่ 720p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่องวินาที ซึ่งหลังจากที่มันได้มีการประกาศว่าจะมีการพอร์ทลงเครื่อง PC นั้นก็ทำให้ตัวผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากทีเดียวที่จะได้สัมผัสตัวเกมในแบบที่เป็น Full HD จริงๆ และเมื่อมันวางจำหน่าย Climax Studios ผู้รับหน้าที่ในการพอร์ทก็ทำให้ตัวผู้เขียนไม่ผิดหวัง เพราะ Castlevania: Lords of Shadow Ultimate Edition นั้นมาพร้อมกับภาพการฟฟิคที่คมชัดขึ้นจริงๆในระดับ 1080p โดยที่ไม่กินสเป็คเครื่อง PC แม้แต่น้อย ซ้ำยังสามารถรันเฟรมเรทได้ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีที่ทำให้เกมการเล่นลื่นไหลมากขึ้นและเป็นการยกระดับตัวเกมจากบนเวอร์ชั่นคอนโซลขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว
ขอบคุณ Mercury Steam ที่ยังรักษาความเป็น Castlevania ไว้ไม่เสื่อมคลายและเจอกันใหม่ใน Lord of Shadow 2
หากจะว่ากันด้วยเรื่องของคุณภาพของ Lord of Shadow แล้วคงต้องบอกว่าตัวเกมเองนั้นอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าพอผ่านในเกือบทุกๆด้านและยังมีจุดบกพร่องต่างๆอยู่อีกเยอะ ทั้งมุมกล้องที่ไม่ได้ดั่งใจในบางครั้ง การแก้ปริศนาและแพล็ตฟอร์มเมอร์ที่เชื่องช้า รูปแบบของการโจมตีของศัตรูแต่ละชนิดที่ไม่ค่อยหลากหลาย และ น่าเสียดายที่ส่วนที่ดีที่สุดอย่างเนื้อเรื่องที่แม้จะเป็นการเล่าเรื่องผ่าน Chapter ต่อ Chapter ซึ่งทำได้ดีและน่าสนใจนั้นกลับถูกเปิดเผยเรื่องราวในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่องออกมาเสียแล้วผ่านวีดีโอและตัวอย่างต่างๆของภาค 2 ที่กำลังจะวางจำหน่ายในปีหน้า (ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ชมก็ไม่แนะนำให้ชมก่อนที่คุณจะเล่นตัวเกมภาคนี้จบ) แต่ถึงกระนั้นแล้ว Castlevania: Lords of Shadow นั้นมีศักยภาพที่สามารถพัฒนาขึ้นได้ และ Mercury Steam ก็เหมือนจะรู้แล้วว่าพวกเขาต้องเดินไปทางไหน แม้ Lord of Shadow 2 นั้นจะเป็น Castlevania ภาคสุดท้ายที่พวกเขาจะได้รับผิดชอบแล้ว แต่สำหรับ Mercury Steam แค่ภาคแรกของ Lord of shadow ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเขามีดีพอที่ได้เดินหน้าสร้างแฟรนไชส์เป็นของตัวเอง ซึ่งรับรองได้เลยว่า Lord of Shadow 2 นั้นจะต้องเป็นอะไรที่ยกระดับ Castlevania ขึ้นไปอีกขั้นแน่นอนเป็นการสั่งลาก่อนที่พวกเขาจะเดินหน้าในโปรเจ็คใหม่ของพวกเขาที่ได้มีการวางแผนเอาไว้แล้ว
8.2/10
NinjaCyber
ทีมงาน GamingDose ขอขอบคุณคุณ NinjaCyber สำหรับบทความนี้มา ณ ที่นี้