Bioware กลับมาอย่างยิ่งใหญ่กับสุดยอดผลงานเกม RPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งแห่งยุค ขอเชิญพบกับรีวิวเกม Dragon Age: Inquisition ที่หลายคนเฝ้าคอย
ในฐานะทีมพัฒนาที่มุ่งเน้นสร้างสรรค์เกมแนว RPG แล้วหากจะนับกันจริงๆก็เรียกได้ว่าน่าจะหาได้ยากที่มีใครจะมีชื่อเสียงโด่งดังและมีผลงานที่เป็นที่ชื่นชอมได้มากมายเท่ากับค่ายอย่าง Bioware แต่หลังจาก Dragon Age 2 ทำให้แฟนๆผิดหวัง และ Mass Effect 3 ก็ฉากจบที่ทำให้หลายคนเคืองใจ Dragon Age: Inquisition ก็อาจจะทำให้แฟนๆทั้งหลายไม่มั่นใจกับผลงานใหม่ล่าสุดของ Bioware ชิ้นนี้
ผมขอขึ้นต้นรีวิวฉบับนี้ด้วยคำยืนยันก่อนเลยว่านี่คือหนึ่งในสุดยอดผลงานของ Bioware และหากคุณชื่นชอบ Dragon Age แล้วล่ะก็คุณควรจะรีบปิดรีวิวฉบับนี้แล้วไปหาซื้อ Inquisition มาเล่นทันที ส่วนเหล่าผู้ไม่แน่ใจทั้งหลายและเพื่อนๆที่อยากจะรับรู้ส่วนอื่นๆของเกมก็รองมาติดตามกันครับ
Story
หนึ่งปีหลังเหตุการณ์ใน Dragon Age 2 ความขัดแย้งระหว่างเหล่าผู้ใช้อาคมและอัศวิน Templar ลุกลามกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ ความขัดแย้งกระจายไปทั่วทั้งดินแดน แต่สุดท้ายการประชุมเพื่อจัดการเจรจาสันติก็เกิดขึ้น แต่กลับเกิดระเบิดครั้งใหญ่กลางที่ประชุมส่งผลให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกสังหาร และแย่ไปกว่านั้นแรงระเบิดทำให้ประตูมิติกลับเปิดออกเหนือท้องฟ้าส่งผลให้เหล่าปีศาจบุกเข้าสู่ดินแดนของคนเป็น “เรา” จะได้รับบทเป็นผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวจากการระเบิด ผู้ได้รับพลังลึกลับที่สามารถปิดรอยแยกมิติดังกล่าวได้ และการผจญภัยเพื่อหยุดยั้งหายนะครั้งใหญ่ก็เริ่มคต้นขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่า Inquisition ยังใช้สูตรสำเร็จดั้งเดิมของ Bioware แบบเก่า คือเรารับบท Hero ผู้ถูกเลือกด้วยสาเหตุบางอย่าง และได้เข้าร่วมกับองค์กรอันทรงอำนาจเช่นเดียวกับ Grey Warden ใน Dragon Age ภาคแรกหรือการได้เข้าร่วมรับตำแหน่ง Spectre ของ Shepard ตัวเอกใน Mass Effect ซึ่งใน Inquisition นั้นเราก็จะเข้าร่วมกับสุดยอดองค์กรอย่าง Inquisition ตามชื่อภาค แต่ที่แตกตางจากเกมอื่นๆของ Bioware ก็คือในครั้งนี้เราจะได้รับบทเป็น “ผู้นำ” สูงสุดขององค์กร โดยเราจะได้ขยายความยิ่งใหญ่ของ Inqusition ออกไปด้วยตัวเองพร้อมกับเห็นความเติบโตของมันไปตลอดเกม
ส่วนที่ต้องขอชมก็คือใน Inquisition นั้น Bioware อัดเอาฉากยิ่งใหญ่มากมายเข้ามาไว้ภายในเกมและเนื้อหาของเกมก็เข้มข้นไปตลอดตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียวโดยในส่วนของเนื้อหาของเกมนั้นเรียกได้ว่ายังคงมาตรฐานเดิมของ Bioware เอาไว้ได้ บทพูดและภารกิจต่างๆนั้นก็มีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจ และหากจะมีข้อเสียก็น่าจะเป็นการที่ตัวเกม Dragon Age นั้นอัดแน่นด้วยเนื้อหารายละเอียดอย่างมากจนอาจทำให้เกมเมอร์ที่ไม่ได้เล่นตัวเกมสองภาคแรกมาก่อนอาจเกิดอาการ “มึน” เอาได้ง่ายๆ
Gameplay
ในส่วนของระบบการเล่นนั้นตัวเกมก็ยังคงความเป็น RPG เอาไว้เช่นเคย ซึ่งผู้เล่นต้องออกทำภารกิจ สำรวจ ต่อสู้ พัฒนาตัวละคร ไปเรื่อยๆโดยจุดเด่นของ Inquisition ก็คือความใหญ่โตของฉากและระบบต่างๆที่อัดลูกเล่นเข้ามามากมาย ใครที่เคยหงุดหงิดมาก่อนกับ Dragon Age 2 ก็น่าจะดีใจที่ได้รู้ว่าภาคนี้จะไม่มีพวกฉาก Recycle เอาฉากเก่ากลับมาใช้ใหม่และฉากแคบๆอีกต่อไปแล้ว โดยในตัวเกมนั้นจะแบ่งแผนที่ออกเป็นเขตๆโดยแต่ล่ะเขตก็จะมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนแถมแต่ล่ะเขตนั้นก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่ใหญ่เอามากๆจนถึงขั้นที่เดินกันจนเหนื่อยเลยทีเดียว (และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ภาคนี้มีม้าให้คุณได้ขี่อีกด้วย)
ตัวเกมนั้นถือได้ว่ามีความเป็นกึ่ง Open World โดยภายในฉากก็จะมีศัตรูและสัตว์ป่าที่เดินไปเดินมาให้คุณได้เข้าไปจัดการแถมพวกมันยังต่อสู้กันเองอีกด้วย เช่นหมาป่าอาจวิ่งไล่ล่ากวาง โจรป่าอาจถูกปีศาจหรือหมีวิ่งเข้ามาทำร้ายรายละเอียดเหล่านี้แม้จะเล็กน้อยก็ช่วยสร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับเกม
นอกจากจะใหญ่โตแล้วในแต่ละเขตนั้นก็จะอัดแน่นไปด้วยภารกิจและความลับมากมายให้คุณได้ออกไล่ล่าตามหาการที่ตัวเกมได้ขุมพลังเอนจิ้น Frostbite 3 ที่ขับเคลื่อนเกมอย่าง Battlefield 4 มาก่อนก็ยิ่งทำให้ฉากต่างๆนั้นสวยงามชวนสำรวจเข้าไปใหญ่
ระบบการต่อสู้ของภาคนี้นั้นถือว่าเป็นการผสมอย่างลงตัวระหว่างตัวเกมภาคหนึ่งและภาคสอง ตัวเกมจะมีความเป็นเกม Action อยู่ในระดับนึงด้วยความรวดเร็วของการออกท่วงท่ารวมไปถึง Skill ความสามาถต่างๆของทั้งฝ่ายเราและศัตรูที่ต้องมีการกะจังหวะ การหลบหลีก แต่ขณะเดียวกันก็มีการวางแผนและคุณก็หยุดเกมได้ตลอดเวลาทำให้ระบบการต่อสู้ของภาคนี้นั้นถือได้ว่าสนุกเลยทีเดียว
Presentation
โดยส่วนใหญ่แล้วภายในเกมก็จะเป็นการสลับไปมาระหว่างการออกสำรวจ การต่อสู้ ทำภารกิจ และอัพเกรดตัวละครและฐานทัพของคุณ ตัวเกมนั้นเปิดกว้างให้คุณสามารถเดินทางไปมาระหว่างฉากต่างๆได้ตลอดเวลาและด้วยเนื้อหาที่อัดแน่นคุณจะค้นพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างให้คุณได้ทำ การตามหาวัตถุดิบเพื่อสร้างสุดยอดอาวุธ หรือไล่ล่าภารกิจรองที่ได้รับมาจากเพื่อนร่วมทีม
จุดเด่นสำคัญของ Inquisition ก็คือการที่คุณมีป้อมปราการเป็นของตนเอง โดยตลอดระยะเวลาการเล่นป้อมปราการของคุณก็จะค่อยๆพัฒนาและยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น คุณสามารถเลือกตกแต่งและอัพเกรดส่วนต่างๆของปราการได้ตามต้องการและเป็นที่ฐานทัพนี้เองที่คุณ จะได้ออกพูดคุยกับเหล่าเพื่อนร่วมทีม เจอเหตุการณ์ Event ต่างๆ รวมไปถึง Craft และ Upgrade อาวุธชุดเกราะของคุณ
และในฐานะเกมของ Bioware แล้ว ตัวเลือกหรือ Choice ก็ถือเป็นอีดจุดเด่นของทีมและแน่นอนว่าใน Inquisition จุดเด่นดังกล่าวก็ยังคงอยู่แถมทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ภายในเกมจะมีตัวเลือกต่างๆมากมายซึ่งส่งผลกระทบทั้งเล็กและใหญ่ไปตลอดทั้งเกม
ผมมั่นใจว่าเมื่อตัวเกมจบลงโลกของ Dragon Age ของผู้เล่นแต่ล่ะคนจะเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไปอย่างแน่นอน ส่่วน Choice และตัวเลือกต่างๆจากภาคก่อนก็มีให้เห็นในภาคนี้เช่นกัน (ผ่านการใช้งานเว็บไซท์ Dragon Age Keep ที่ให้คุณได้เลือกตัวเลือกสำคัญๆจากภาคเก่า) โดยคุณจะได้พบกับเหล่าตัวละครเก่าๆและพวกเขาก็จะพูดถึงประสบการณ์และเหตุการณ์ที่แตกต่างกันไปตามตัวเลือกจากภาคที่แล้วก็ถือเป็นกำไรสำหรับใครที่ติดตามตัวเกมมาทุกภาค
นอกจากเนื้อหาในโหมด Singleplayer แล้ว Inquisition ยังใส่ของแถมในรูปแบบโหมด Miltiplayer มาให้กับพวกเราอีกด้วย โดยจะเป็นการเล่นในรูปแบบ Coop ซึ่งรองรับการเล่น 4 คน โดยเราจะได้สวมบทบาทเป็น Agent ของ Inquisition ออกทำภารกิจ ซึ่งในโหมดนี้ก็จะมีอาชีพต่างๆให้เราได้เลือกใช้งานมีการอัพเกรด Skill อาวุธและชุดป้องกันเช่นเดียวกับในโหมด Singleplayer
ข้อมูลของทั้งสองโหมดนั้นจะแยกจากกันอย่างเด็ดขาดทำให้หากคุณไม่ต้องการตัวเกมก็จะไม่บังคับให้คุณต้องมาเล่นโหมด Multiplayer ครับ ส่วนการเล่นก็จะเป้นการพาทีมผู้เล่นทั้ง 4 ออกตะลุยในด่านแบบต่างๆ (ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 ด่าน) ส่วนใหญ่แล้วเป้าหมายก็คือการสังหารศัตรูให้หมดไปจนถึง Boss ใหญ่โดยระหว่างทางก็จะมีการเก็บเงินหรือ Item เพื่อพัมนาตัวละคร โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำออกมาเล่นได้แบบสนุกๆ แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไร ก็อยู่ในมาตรฐานเดียวกับโหมดนี้จาก Mass Effect 3 นั้นเอง
Conclusion
ในส่วนของข้อเสียนั้นนอกจากการที่ตัวเกมมีเนื้อหามากมายจนอาจทำให้เกมเมอร์ที่ไม่เคยเล่น Dragon Age มาก่อนและโดดเข้ามาสัมผัสภาคนี้เลยนั้นอาจจะงงได้ ก็เป็นเรื่องของการโหลดบน PC ที่ใช้เวลาโหลดเกมนานพอวมควรหากคุณไม่ได้ใช้ HD แบบ SSD นอกจากนั้นก็เป็นในเรื่องของการบังคับโดยใช้ Mouse และ Keyboard ที่น่ากวนใจอยู่บ้างในบางจังหวะโดยเฉพาะในมุมมองวางแผนจากด้านบน และอีกส่วนที่น่าเสียดายก็คือการตั้งค่าพฤติกรรมของเพื่อนร่วมทีมในระหว่างการต่อสู้ที่ภาคนี้ตัวเลือกต่างๆถูกตัดออกไปจนหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามข้อเสียที่ว่ามาก็ถือว่าน้อยนิดหากเทียบกับส่วนอื่นๆของเกม
สรุปได้ว่านี่คือสุดยอดผลงานของ Bioware และเป็นเกม RPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในรอบหลายปี มันอัดแน่นไปด้วยเนื้อหามากมาย (คุณต้องใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงหากคิดจะทำภารกิจทุกอย่างและเก็บความลับให้ครบ) มีระบบการเล่นที่สนุกยอดเยี่ยม โดยเฉพาะความรู้สึกของการได้เป็นผู้นำกองทัพของคุณเองนั้นน่าจะยังไม่มีเกม RPG เกมไหนทำได้ดีขนาดนี้มาก่อน ถือได้ว่า Bioware ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกม RPG ที่ต้องรอดูกันว่าจะมีใครมาล้มได้หรือไม่ (และมีผู้ท้าชิงมาจ่อคิวรอแล้วในปีหน้าอย่าง The Witcher 3) หากคุณชื่นชอบ Dragon Age ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ควรหาเกมนี้มาเล่น หากคุณชื่นชอบเกม RPG นี่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่คุณควรหามาสัมผัสส่งท้ายปีครับ
Lead Them Or Fall …. Rise Of The Inquisition
SCORE: 9/10
– สุดยอดผลงานเกม RPG ที่จะดูดเวลาชีวิตของคุณไปจนหมด –