ในปี 2010 เกม RPG ในตำนานอย่าง Final Fantasy ได้ถูกนำมาลงบนเครื่อง PC โดยมาในชื่อของ ‘ Final Fantasy XIV ‘ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เนื่องจากว่าหลายภาคที่ผ่านมา Final Fantasy แถบจะไม่ได้ลง PC เลย แต่ตัวเกมนั้น กลับโดนติว่าห่วยแตกเอามากๆ ห่วยถึงขั้นทำลาย ชื่อของ ‘ Final Fantasy ‘ กันเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ Square Enix เองก็ยอมรับและก็ประกาศว่าจะออกปรับปรุงเกมใหม่ทั้งหมดในตอนนั้น และมาในวันนี้ มันพร้อมที่จะออกมาสู่สายตาแฟนๆ อีกครั้ง ในชื่อ Final Fantasy XIV: A Realm Reborn
Review By: Mashiron Mashiro
(ลองชมผลงานบน Youtube Chanel ของเธอได้ จาก ที่นี่ ครับ)
สวัสดีค่ะ ! อิฉัน Mashiron Mashiro แฟนตัวยง ของซีรีส์ Final Fantasy และเมื่อเกมภาคใหม่ออกมาแบบนี้จะให้พลาดได้ยังไง !!
Story
ย้อนรอยกันสักนิดใน Final Fantasy XIV 1.0 ถ้าใครที่เล่นมาตั้งแต่แรกจะสังเกตได้ว่า ตอนแรกท้องฟ้าในเกมก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พออัพเดตมาเรื่อยๆ ผู้เล่นในเกมจะสังเกตเห็นดวงจันทร์สีแดง ที่มีชื่อว่า “Dalamund” เป็นดวงจันทร์ดวงที่ 2 ของดินแดน Eorzea เจ้าดวงจันทร์ Dalamund นั้น จากดวงเล็กๆ ก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น และปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดง ประชาชนชาว Eorzea เฝ้าสังเกตดวงจันทร์ดวงนี้ และบอกได้เลยว่ามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่า มันกำลังเคลื่อนตัวต่ำลงมาบนดินแดน Eorzea เข้าไปทุกที ผู้คนต่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างมาก จนมาถึงวันสุดท้ายของการปิดเซริฟเวอร์ Final Fantasy XIV 1.0 เพื่ออัพเดตเข้าสู้เวอร์ชั่น 2.0 ท้องฟ้าในเกมจะกลายเป็นสีแดงเหมือนก้อนเมฆสีแดงเต็มท้องฟ้า มีฟ้าผ่าเป็นระยะ เป็นดั่งสัญญาณบอกว่า “จุดจบของโลกใบนี้ มาถึงแล้ว”
ในช่วงเวลานั้น จักรวรรดิ Garlean Empire ผู้ครอบครองเทคโนโลยีเครื่องจักรอันทันสมัยและมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปนี้ ได้เปิดสงครามกับดินแดนแสนจะสงบสุข Eozea เพื่อหวังจะเข้าชิงแหล่งพลังงานนาม “Astral” ไว้แต่เพียงผู้เดียว ขณะเดียวกัน เหล่าผู้นำกลุ่ม Grand Companies ทั้ง 3 ผู้ปกป้องดินแดน Eorzea ได้ล่วงรู้ความลับสุดยอดของจักรวรรดิ Garlean Empire ว่าเขามีแผนจะทำลายผนึกของดวงจันทร์ Dalamund ซึ่งถ้า ดวงจัทนร์ Dalamund คลายผนึกเมื่อใด จะเกิดหายนะกับดินแดน Eozea ทันที เหล่าผู้นำกลุ่ม Grand Companies ไม่รอช้า รวบรวมนักรบแห่งดินแดน Eozea เพื่อออกมาทำสงคราม ต่อต้านจักวรรดิ Garlean Empire
ทางด้านจักรวรรดิ Garlean Empire ก็มั่นใจซะเหลือเกินว่า เขาสามารถควบคุมหายนะที่อยู่ในดวงจันทร์สีแดง “Dalamund” ได้ เมื่อสงครามได้ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่กลุ่ม Grand Companies ไม่อยากจะให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อดวงจันทร์ Dalamund คลายผนึกลงพร้อมกับมีแรงระเบิดมหาศาลจนทำให้ดินแดน Eorzea ลุกเป็นไฟในพริบตา แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้นำกลุ่ม Grand Companies และนักรบทั้งหลาย ต้องหวาดผวาสุดๆ คือสิ่งที่อยู่ใต้ผิวของดวงจันทร์นั้น มันคือ สัตว์อสูร “Bahamut” มังกรในตำนานของซีรีส์ Final Fantasy นั้นเอง ….
เดิมทีแล้ว ดวงจันทร์ “Dalamund” เหมือนเป็นคุกเวทย์มนต์ที่ใช้กักขัง อสูร Bahamut มานานนับ 1,000 ปี เมื่อมันถูกปล่อยออกมา มันจึงเริ่มทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้ามันโดยไร้ความปราณี เหล่าจักรวรรดิ Garlean Empire ไม่สามารถ Bahamut เอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันเหล่านักรับทั้งหลาย ผู้นำกลุ่ม Grand Companies ทั้ง 3 ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะหาอะไรมาต่อกรกับอสูร Bahamut เลย ในระหว่างนั้นผู้เฒ่าท่านนึงนามว่า “Louisoix” ก็ปรากฎตัวขึ้น เพื่อช่วยเหลือเหล่านักรบที่กำลังลำบาก และเข้าต่อกรกับเจ้าอสูร Bahamut อีกด้วย (หล่อเลย) แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถจะจัดการเจ้าอสูร Bahamut ได้แน่ๆ เขาจึงได้รวมพลังกับเหล่าหัวหน้ากลุ่ม Grand Companies ทั้ง 3 ผู้ปกป้องดินแดน Eorzea เพื่อใช้พลังของพระเจ้าที่ปกป้องดินแดน Eorzea อันมีนามว่า “The Twelve” เพื่อใช้กักขัง Bahamut ให้กลับเข้าสู่ดวงจันทร์ Dalamund อีกครั้ง
แม้จะดูเหมือนว่า เจ้า Bahamut จะถูกผนึกลงได้ ด้วยพลังของพระเจ้าจาก The Twelve แต่อสูร Bahamut ก็ระเบิดพลังตัวเองที่มีอยู่ทั้งหมด คลายผนึกของ The Twelve เหล่าผู้นำ Grand Companies และนักรบต่างหมดหวัง และนั่งรอความตาย ตัวผู้เฒ่า Louisoix ก็รู้ตัวเองแล้วว่าเขาก็ไม่สามารถจัดการเจ้า Bahamut ได้ เขาจึงยอมสละชีวิตตัวเอง เพื่อใช้พลังในการรวมรวบจิตอัญเชิญพลังของเทพแห่งกาลเวลาที่มีชื่อเรียกว่า “Althyk” พาเหล่านักรบ เข้าไปอยู่ในรอยแยกมิติเวลา เพื่อให้พวกเขารอดพ้นจากเพลิงนรกของ อสูร Bahamut เมื่อกาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ผืนพิภพที่ถูกทำลาย ได้ให้กำเนิดชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหล่านักรบ ถูกส่งออกมาจากมิติเวลา เพื่อให้พวกเขา ได้เริ่มต้นการผจญภัยกันอีกครั้ง บน‘ ผืนพิภพกำเนิดใหม่ ’ และนี่ก็เป็นที่มาของ Final Fantasy XIV: A Realm Reborn
เนื้อเรื่องใน Final Fantasy XIV: A Realm Reborn นั้นเรียกได้ว่า ทาง SQUARE ENIX ทำการบ้านมาดีสุดๆ น่าติดตามไม่น่าเบื่อ และทีสำคัญยังมี Movie CG สุดอลังการมาให้เราดูอีกด้วย !! ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือในภาคนี้เราจะได้พบกับ Boss ดังๆ ในซีรีส์ Final Fantasy อย่าง Behemoth ที่ไม่ได้โผล่มานาน หรือ lfrit และที่ขาดไม่ได้ก็คือมังกร Bahamut และที่สำคัญสุดๆ นั้นก็คือ The Ultima Weapon Boss ในตำนานของ Final Fantasy นั่นเอง
Gameplay
1.ระบบการต่อสู้เจ้าปัญหา และ การเดินทาง
ระบบการต่อสู้ใน Final Fantasy XIV: A Realm Reborn (ต่อไปนี้ขอเรียกว่า ARR) นั้นเรียกได้ว่าได้ยกเครื่องใหม่ทั้งหมดเลย จากเวอร์ชั่น 1.0 เริ่มจากระบบการต่อสู้ที่เป็นสิ่งที่พูดถึงในเกมเวอร์ชั่นแรกว่า เล่นยาก เจาะจงผู้เล่นเฉพาะกลุ่มมากเกินไป เข้าใจยาก ถ้าไม่ใช้คนที่เคยเล่นซีรีส์ Final Fantasy มาก่อน (ถึงแม้จะอิฉันจะเป็นแฟนซีรีส์นี้ ก็ต้องยอมยกธงขาวตั้งแต่เดือนแรกแล้วล่ะค่ะ) Gameplay สุดเชื่อย ประมาณว่ากว่ามอนสเตอร์จะตาย 1 ตัวก็เล่นเอาอิฉันหลับก่อนแล้วล่ะค่ะ แน่นอนว่าใน ARR ก็นำเอาระบบการต่อสู้แบบเดียวกับในเวอร์ชั่นแรกมาใช้เหมือนกัน แต่ปรับให้เกมเพล์มันรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่หลับแบบเมื่อก่อนแล้ว เข้าใจง่ายมากขึ้น ลองเล่นดูสักแปปเดียว ก็จะเข้าใจและสนุกกับเกมได้เหมือน MMORPG ทั่วไป แต่ก็ยังคงความเป็น “Final Fantasy” ไว้ได้อย่างดีมากๆ
สำหรับการเดินทางในเกมนี้ เราจะสามารถ Teleport ไปเมืองอื่นๆ ได้โดยการนั่งเรือเหาะประจำซีรีส์ FF หรือเราอาจจะไปดึงพลังคริสตัล ตามเมืองต่างๆ เพื่อที่จะ Teleport ไปยังเมืองนั้นๆ ได้โดยทันทีก็ได้ แต่ก็ต้องแลกกับจำนวนเงินที่ค่อนข้างเยอะ และแน่นอนว่า เมื่อมี Final Fantasy ก็ต้องมีเจ้าตัว Chocobo นั้นเองค่ะ ในภาคนี้เราจะได้ขี่เจ้าตัว Chocobo รวมถึงนำมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว ตั้งชื่อให้มัน แต่งตัวให้มัน และนำมันมาช่วยต่อสู้ได้อีกด้วย
2. อินเตอร์เฟสและ การบังคับ
อย่างที่อิฉันบอกไปในตอนแรกว่า ARR นั้นลงให้กับ PC และ PS3 เพราะชะนั้นแล้วการที่จะเล่นเกมในนี้ PS3 แน่นอนว่าจะต้องใช้ คอนโทรลเลอร์ ในการบังคับตัวละคร (ในที่นี้อิฉันเล่นใน PC นะคะ) ซึ่งแน่นอนว่า อินเตอร์เฟสในภาคนี้ ก็ต้องมี 2 แบบ คือ
แบบที่หนึ่ง Mouse Mode
ในส่วนของ Mouse Mode นั้นก็แน่นอนชื่อก็บอกแล้วว่าใช้เมาส์กับคีย์บอร์ดเล่น ซึ่งอินเตอร์เฟสในเกมจะเป็นรูปแบบที่เราคุ้นๆ กันสำหรับนักเล่น MMORPG ทั่วๆ ไประบบการบังคับแบบคุ้นเคย W S A D ปุ่มอำนวยความสะดวกทั้งหลายมีให้อยูที่หน้าจอและ Shortcut ของสกิลต่างๆนั้นจะมีทั้งหมด 12 ช่อง และมีทั้งหมด 8 ชุด เรียกได้ว่าเยอะจนเกินไปเลยจริงๆ เราสามารถปรับแต่งอินเตอร์เฟสได้อย่างเต็มที่ (ลองนึกถึง Star Wars: The Old Republic ดูนะคะ)
แบบที่สอง Controller Mode
ในส่วนของ Controller Mode เราจะใช้จอยยี่ห้อรุ่นอะไรก็ได้ค่ะ รองรับหมดทุกยี่ห้อ (อิฉันใช้จอย Xbox 360) อินเตอร์เฟสในเกม ก็จะเป็นอีกแบบนึงจะไม่มีอะไรมาเกะกะหน้าจอเลย เพราะถ้าเราต้องการที่จะเข้าถึงระบบต่างๆ เช่นการจัดการตัวละคร, Item, เควส และอื่นๆ จะทำได้โดยการกดปุ่ม Start ที่ตัวคอนโทรลเลอร์เลยค่ะ แล้วมันจะเด้งหน้าต่างขึ้นมา (ใครนึกไม่ออก ให้ดูภาพเน้อ) และก็เลือกตัวเลือกที่ต้องการได้เลย เรียกได้ว่า Support คอนโทรลเลอร์อย่างเต็มที่ไม่มีกั้ก และสิ่งที่น่าพูดถึงที่สุดใน Controller Mode นี้ก็คือเจ้าตัว Shortcut นั่นเอง ใน Controller Mode เจ้าตัว Shortcut จะใช้ระบบที่เรียกว่า “Cross Hot Bar” เวลาเราจะกดสกิลก็ให้เริ่มจากการกดปุ่ม RL แล้ว LT ก่อน จากนั้นก็กดปุ่ม A B X Y เพื่อใช้สกิลได้เลย หรือ ถ้าเป็น จอยของ PS3 ก็ กด R2 หรือ L2 แล้วกด X O สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมได้เลย ซึ่งอินเตอร์เฟสในเกมนั้น ให้อารมณ์อย่างกับเล่นเกมคอนโซลอยู่แบบนั้นเลย ขนาดที่ ตอนคุยกับเพื่อนใน Party ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ คีย์บอร์ดในการพิมพ์ด้วย !!
3.Party, The Duty Finder, FATE
ขอพูดถึง 3 อย่างเลยนะคะ ระบบ Party ของ ARR ดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญซักเท่าไร เพราะว่าเราจะเก็บเลเวลโดยการทำเควสเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ นั่นเอง แล้วแบบนี้มันจะมี Party ไปเพื่ออะไรล่ะ ก็มันมีไว้เพื่อระบบที่อิฉันกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ไงล่ะคะ
The Duty Finder
ระบบนี้อาจจะไม่คุ้นหูสักเท่าไรสำหรับนักเล่น MMORPG ทั่วๆ ไป แต่ถ้าอิฉันบอกว่ามันคือระบบ Raid ละก็ คงจะร้องอ้ออออ กันเป็นแน่แท้ ใช่แล้วค่ะ The Duty Finder ก็คือ Raid นั้นเอง สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Raid คืออะไร ที่จริงแล้วคำว่า Raid ถูกใช้ครั้งแรกในเกม World of Warcraft จะเป็นระบบที่ตั้ง Party ขึ้นมา 1 Party ซึ่งแต่ละคนใน Party จะมีต่ำแหน่งของตัวเองเช่น Tank, Healer, DPS จากนั้นก็ลงไปทำภารกิจในดันเจี้ยนต่างๆ มอสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นจะโหดมากๆ ต้องมีความเป็นทีมสูงมาก และจะตะลุยไปเรื่อยๆ ปะทะกับรองบอส จนไปถึงบอสใหญ่ กว่าจะจบ Raid แต่ละครั้ง จะใช้เวลามากกว่า 30 นาที บางครั้งเป็นชั่วโมงเลย แต่สิ่งตอบแทนที่ได้มาก็คือ EXP มหาศาลกับสุดยอด Item ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนั้นเอง ใน ARR เองก็เป็นเช่นนั้นค่ะ แต่ขึ้นชื่อว่า Final Fantasy แล้ว ระบบ Duty ในเกมนี้จะยากกว่าเกมทั่วๆ ไปมาก ถึงขั้นมากสุดๆ จำกัดสูงสุดเพียง 4 คน นั้นก็คือ Tank 1 คน DPS 2 คน และ Healer 1 คน แต่ตัวละคร ต้องรู้หน้าที่ตัวเอง และเล่นเป็นทีมสุดๆ มิฉะนั้นแล้ว ได้ไปเกิดใหม่แน่ๆ แต่ตัวเกมก็ยังคงความเป็น Final Fantasy เอาไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เรียกได้ว่าทำได้ดีมากๆ จุดเด่นสุดๆ ก็คือขณะจับคู่หาปาร์ตี้ ใน ARR มันจะจับคู่แบบข้าม Server เลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าหาแปปเดียวเจอแน่นอน แต่น่าเสียดายที่ระบบนี้ ให้ Item ตอบแทนนั้นไม่คุ้มสักเท่าไร และดันเจี้ยนก็มีน้อยเอามากๆ แต่ความสนุกและความ Epic ของมัน มหาศาลจนลบขอด้อยของมันไปได้ในตัวเลยล่ะค่ะ
FATE (Full Active Time Events)
ระบบนี้ก็อาจจะไม่คุ้นหูเช่นกันสำหรับนักเล่น MMORPG เพราะมันเป็นระบบใหม่ของเกมแนวนี้เลยก็ว่าได้ ในระบบ FATE นั้นถ้าจะให้อธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ ก็คือ มันจะเป็นระบบที่ จะมีการสุ่มเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามแผนที่ แบบ Dynamic Content แล้วผู้เล่นก็จะมารวมตัวกันทำภารกิจที่กำหนดขึ้นทันทีเช่น กำจัดมอนสเตอร์, กำจัดบอส, ช่วย NPC เก็บของ, ทำลายประตูเมือง, กำจัดพวกเหล่าโจรบุกปล้นหมู่บ้าน, คุ้มครอง NPC ให้ไปยังที่ปลอดภัย ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็จะมีจุดแสดงขึ้นมาบนแผนที่ ผู้เล่นทุกคนจะเห็นจุดๆ นั้น และจะเลือกได้ว่าจะไปเข้าร่วม FATE ไหม หรือเราจะไม่ไปก็ได้ ผลตอบแทนของ FATE ก็คือ EXP มหาศาล กับเงินจำนวนนึง และค่าเงิน Company Seal (ซึ่งอินฉันจะไว้อธิบายว่าเอาไว้ทำอะไรทีหลังนะคะ) ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง ลองนึกถึง เหล่าผู้เล่นทั่วทั้งแผนที่ มารวมตัวกันที่จุดๆ เดียว และช่วยกันกำจัด Boss สุดโหด นั้นล่ะค่ะ แบบนั้นเลย
4. อาซีพ จ๊อบ และ เผ่าพันธุ์ณของตัวละคร
สำหรับในส่วนของอาซีพ จ๊อบ และเผ่าพันธุ์ของตัวละคร อิฉันจะขอพูดถึงเผ่าพันธุ์ก่อนนะคะ
เผ่าพันธุ์ใน ARR นั้นจะมีทั้งหมด 5 เผ่าพันธุ์ แต่ละเผ่าพันธุ์ ก็จะมี 2 Clan นั้นก็คือ
- Hyur (มนุษย์) Clan Highlander & Midlander
- Elezen (เอลฟ์) Clan Wildwood & Duskwight
- Lalafell (ลาลาเฟล)Clan Dunesfolk & Plainsfolk
- Miqo’te (มิโคเต้) Clan Seekers of The Sun & Keepers of The Moon
- Roegadyn (โรกาดีน) Clan Hellsguard & Sea wolves
แต่ละเผ่าพันธุ์ ค่าสเตตัสเริ่มต้นไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ต่างกันมาก สรุปแล้วเลือกเล่นตามความชอบได้เลยจร้า
อาซีพของเกมนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 4 อาซีพ แต่ละอาซีพจะมี จ๊อบ แตกแยกออกไป ดังนี้
Disciples Of War เป็นอาซีพสายโจมตีแบบกายภาพ มี จ๊อบดังนี้
Gladiator – สายแท้งค์หนึ่งเดียวภายในเกม มีความชำนาญในเรื่องของการป้องกันจากพลังโจมตีต่างๆด้วยโล่ห์ และมีพลังป้องกันมากที่สุด ซึ่งเมื่อเราเก็บ Job สายอาชีพจนถึงเงื่อนไขหนึ่ง (*เงื่อนไขในทีนี้คงต้องรอให้เข้าไปเล่นในช่วงทดสอบกันก่อนว่าจะเปลี่ยนไปจากภาคที่แล้วหรือไม่) เราก็จะสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็น Job ใหม่คือ
Paladin – อัศวินศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ยิ่งเสริมให้สายอาชีพนี้มีพลังป้องกันมากขึ้นอีกหลายเท่า
Pugilist – นักสู้สายประชิดผู้มีพลังในการโจมตีอันหนักหน่วง อาวุธที่ใช้คือ สนับมือและกาต้า Job ต่อไปของ Pugilist คือ Monk นักสู้สายโหดที่ใช้ศิลปะป้องกันตัวนานาชนิดได้อย่างดีเยี่ยม
Marauder – ผู้มีพลังโจมตีด้วยขวานอันรุนแรง สามารถกวาดมอนเตอร์ได้เป็นวงกว้าง แต่แลกกับการโจมตีที่ เชื่องช้า เป้าหมายของ Marauder ทุกคนคือ Warrior นักรบผู้ทรงพลังและยังเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าปิศาจร้าย
Lancer – นักรบที่มีความพริ้วไหวใช้ หอก เป็นอาวุธหลัก มีความคล่องตัวในการโจมตีสูง อัตราหลบหลีกมากที่สุดในบรรดาสายอาชีพอื่นๆ Job ต่อมาของอาชีพนี้คือ Dragoon นักรบมังกร และเชื่อว่าผู้เล่นหลายคนก็คงจะเล็งอาชีพนี้เอาไว้เพราะความเท่ห์มากๆ นั่นเอง
Archer – ผู้แม่นยำในการโจมตีด้วยลูกศรนานาชนิดๆ มีความสามารถในเรื่องของการโจมตีระยะไกลได้ดีที่สุดถือเป็นแนวหลังที่คอยเก็บเป้าหมายจากระยะไกลได้เป็นอย่างดี Job ต่อมาของอาชีพนี้คือ Bard นักกวีที่เลื่องลือในเรื่องของความสามารถในการโจมตีด้วยคันธนู และก็ยังสามารถมอบเพลงแห่งความตายให้กับเป้าหมายได้โดยไม่รู้ตัว
Disciples Of Magic เป็นอาซีพสายโจมตีทางเวท มี จ๊อบดังนี้
Conjuner – นักเวทย์ผู้บริสุทธิ์ผู้สามารถปล่อยพลังฟื้นฟูรักษาผู้อื่นให้หายจากอาการบาดเจ็บ และยังคอยช่วยเหลือสมาชิกในปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี สายอาชีพต่อมาของ Conjuner คือ White Mage ผู้ที่สามารถใช้พลังจากพระเจ้าสามารถคืนชีวิตสรรพสิ่งให้ฟื้นคืนกลับมาได้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
Thaumature – นักเวทย์ผู้โหยหาพลังในการทำลายล้าง สามารถเล่รแร่แปรธาติต่างๆ มาใช้ในการโจมตีเป้าหมายได้อย่างรุนแรง แถมยังรุนแรงที่สุดในสายอาชีพทั้งหมด แต่ได้มาซื่อพลังป้องกันที่น้อยนิดจริงๆ Job ต่อมาของอาชีพนี้คือ Black Magic สายเวทย์มืดที่จะสาปส่งเป้าหมายลงสู่ขุมนรกได้ทันทีที่สบตา
Arcanist – ผู้สามารถเรียกสัตว์อสูรมาร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ได้ในทุกสถานะการณ์ ส่วน Job ที่รอคอยนั่นคือ Summonner ผู้เรียกมนต์อสูรชั้นสูงออกมาโจมตีเป้าหมายยากที่ใครจะรอดชีวิตไปได้
Disciples Of Land อาซีพเพื่อ รวบรวมวัตถุดิบ มาประกอบ item ต่างๆเช่น ยา อาวุธ ชุดเกราะ จะมีทั้งหมด 3 จ๊อบ ประกอบไปด้วย Miner,Botanist, Fisher
Disciples Of Hand เมื่อรวบรวมวัตถุดิบแล้ว ก็จะนำมาประกอบ item จะมีทั้งหมด 8 จ๊อบ ดังนี้ Carpenter, Blacksmith, Armorer, Goldsmith, Leatherworker, Weaver, Alchemist, Culinarian
รวมแล้วทั้งหมด 19 จ๊อบ ซึ่งเราจะเปลี่ยนไปเล่น จ๊อบไหนก็ได้โดยการเปลี่ยนอาวุธที่ถือเท่านั้นเอง และ เลเวล ค่าสเตตัส สกิล ทุกๆ อย่างก็จะเปลี่ยนตามทันทีสะดวกจริงๆ !! และเราก็สามารถที่จะเอาสกิลของคลาสมาใช้ในอีกคลาสนึงได้ด้วยเช่น Gradiator เอาสกิล Cute ของ Conjuner มาใช้ได้เป็นต้น
Graphics
ในส่วนของ Graphic ใน ARR นั้นเรียกได้ว่ายกเครื่องใหม่จาก เวอร์ชั่น 1.0 เช่นกัน โดยให้ภาพที่มีรายละเอียดสวยงามกว่าอย่างเดิม และที่สำคัญ ตัวเกมก็ไม่รับประทานทรัพยากรเครื่องมากจนเกินไป ต่างจากเวอร์ชั่นแรก ที่กินสเป็คเอาซะเกินความจำเป็นสุดๆ ในส่วนนี้อิฉันขอไม่พูดอะไรมากนะคะ ไปลองสัมผัสเองดีกว่า !!
Sound
ในส่วนของเสียง ARR ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ขึ้นชื่อว่า Final Fantasy แน่นอนว่าต้องมากับเพลงประกอบฉากสุดแสนจะ Epic แน่นอนอยู่แล้ว และยังมีการให้เสียงพากย์ตัวละครใน Cutsecne อีกด้วย แต่ก็มีบางจังหวะ ที่เกมกลับมีเสียงพากย์บ้าง ไม่มีเสียงพากย์บ้าง ก็ไม่เข้าใจว่าจะเอายังไงกันแน่คะ !?
แม้เกมจะดีอย่างไร ก็ต้องมีข้อเสีย
ใช่แล้วค่ะ เพราะว่าสำหรับ ARR นั้นก็มีขอเสียอยู่เหมือนกัน สิ่งแรกที่จะพูดถึงเลย ก็คือ แผนที่ในเกมที่ทำออกมาได้ห่วยสุดๆ ทำเอาผู้เล่นใหม่ หลงทางกันนักต่อนัก ไม่ต้องถึงผู้เล่นใหม่ อิฉันเจอมากับตัวเลยค่ะ เรียกได้ว่าแย่จริงๆ สำหรับแผนที่ในเกมนี้ และอีกอย่างก็คือ เราไม่สามารถเลือกโชว์หรือซ่อนเควสที่เรารับมาได้ เคยเจอไหมคะเวลาเรารับเควสมาเยอะๆ บางทีเราก็ต้องซ่อนเควสที่เอาไว้ทำทีหลังบ้าง เอาอันที่จะทำมาไว้ก่อน แต่สำหรับ ARR เราทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ
และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้อิฉันและผู้เล่นอื่นๆ ทุกคนต้องปวดหัวสุดๆ ก็คือปัญหา 1017 นั้นเองค่ะมันเป็นปัญหาระดับชาติของชาว Final Fantasy เลยเนื่องจากว่า Server ในเกมมันเต็ม และเราเข้าเกมไม่ได้ และก็อยู่ยังนั้นแล่ะ จนกว่าจะเข้าเกมได้เล่นเอาหลับไปสัก งีบ 2 งีบเลย
Verdict
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ในบทความรีวิวนี้ อิฉันเองก็ยังพูดถึงระบบของเกมไม่ครบทั้งหมด เพราะมันเยอะมากจริงๆ แต่คร่าวๆ แล้วก็จะประมาณนี้นะคะ
สรุปแล้ว Final Fantasy XIV : A Realm Reborn นั้นก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ลบขอเสียจากเวอร์ชั่นแรกได้หมด
อารมณ์ประมาณว่า “จากเกมที่ห่วยแตกที่สุด กลายมาเป็น เกมที่สุดยอดที่สุด” ประมาณนั้นเลย แต่เกมก็ยังมีปัญหาต่างๆ เช่น 1017 เจ้าปัญหา แต่ Server ในเกมนั้น มีคุณภาพดีมาก ไม่มีอาการแลคมาให้เห็นเลยสักนิด และสำหรับผู้เล่นใหม่ ที่ไม่เคยเล่น Final Fantasy เลยก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ ที่จะมาเริ่มจากภาคนี้ เพราะในเกมภาคนี้ เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย แต่สำหรับผู้เล่นเก่าก็คงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว คุ้มกับราคารายเดือนละ 14.99USD และอิฉันเองก็เป็นแฟนซีรีส์ Final Fantasy สำหรับภาคนี้แล้วอิฉันให้ภาคนี้ขึ้นไปอยู่อันดับ 2 รองจากภาค VII เลยค่ะ
Story: 8.0/10
Gameplay: 8.0/10
Sound: 9.0/10
Graphics: 8.5/10
Good
- เข้าใจง่าย เล่นไม่ยาก และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยแตะซีรี่ Final Fantasy
- เนื้อเรื่องน่าติดตามสุดๆ
- ตัวเกมให้อิสระในการเล่น ไม่บังคับเราให้ไปทำเควสแบบเกมอื่นๆ
- อาซีพให้เลือกเล่นหลากหลาย ในตัวละครเดียว
- ระบบการต่อสู้ ที่เรียกได้ว่าสนุกที่สุดในบันดาล 13 ภาคที่ผ่านมาเลย
- Server ไม่มีอาการแลคออกมาให้เห็นเลย
- กราฟฟิคสวยงามอลังการ
- เพลงประกอบฉากสุดคลาสสิค
Bad
- Map ในเกมที่เรียกได้ว่า ห่วยแตก !! ไม่ได้เรื่องสุดๆ
- ปัญหา Server คนเต็มยังมีมาให้เห็นเป็นประจำ
- เสียงพากย์ของ NPC ใน Cutscene ที่บางครั้งก็มีให้ฟัง บางครั้งก็ไม่มีให้ฟังจนไม่เข้าใจว่ามันจะเอายังไงของมัน
- เควสในเกม ถ้านอกเหนืองจาก เควสหลักแล้ว เควสอื่นๆ ดูท่าจะไร้สาระเอามากๆ
Verdict 9.0/10
ประวัติเจ้าของบทความ
Mashiron Mashiro หรือ ‘ ฟาง ‘ สาวน้อยเกมเมอร์ ผู้ไม่เคยปิดกั้น เกมแนวใดๆ เลยทั้งสิ้น ขอเพียงแค่น่าเล่น และน่าสนุก เธอก็ยินดีที่จะสอยมันมาลิ้มลองหมดทุกเกม แต่สำหรับเธอแล้ว คงไม่มีแนวเกมอื่นใด ที่จะครองใจเธอได้ นอกจากเกม JRPG จากฝั่งญี่ปุ่นเท่านั้น ถึงขนาดเล่น Final Fantasy XII ให้จบภายใน 2 วันได้ แบบไม่พัก… แต่ถึงกระนั้น เธอก็สามารถที่จะมาเซอร์ไพรซ์ คุณได้ในเกม Battlefield 3 ด้วยการขับเครื่องบินเจ็ท พุ่งใส่ตรง(พื้น)หน้าคุณเต็มๆ ได้ด้วยล่ะ (5555+)