Review: Grand Theft Auto V

สิ้นสุดการรอคอย กับ Review ว่าที่เกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 !!

gtav 1

โหมโรง (ความในใจผู้เขียน) โดยส่วนตัว ผมอยากจะทำ Video Review เกมนี้มากม๊ากกกกกกก… แต่ด้วยความขัดสนทางกำลังทรัพย์ ทำให้ผมไม่สามารถอัดภาพจากเครื่อง PS3 มาให้ชมได้ ก็เอาไว้เวอร์ชั่น PC ตามออกมาเมื่อไหร่ ผมจะเข็นออกมาให้ได้ชมแน่นอนครับ

Story

GTA V ดำเนินเรื่องบนผืนแผ่นดิน San Andreas อีกครั้ง โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของ 3 ตัวละครหลัก คือ ไมเคิล มหาโจรมือเก๋าวัย 45 ปี ผู้เกษียณตัวเองออกจากวงการมาใช้ชีวิตธรรมดา เทรเว่อร์ เพื่อนสนิท จิตวิปลาส ของ ไมเคิล ที่เคยร่วมมือกันปล้นฆ่ามายาวนาน ตามด้วย แฟรงค์ลิน ไอ้หนุ่มผิวสี นักขับประจำโชว์รูมรถ ผู้พยายามจะทิ้งชีวิตแก๊งค์อันธพาล และหันมาสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นหลักเป็นแหล่ง ชะตาฟ้าลิขิต แห่ง San Andreas ได้นำให้พวกเขามาพบกัน แม้จะชอบหน้ากันหรือไม่ พวกเขาก็ต้องร่วมมือกัน เพื่อเอาตัวรอด ในโลกของอาชญากรรม และการฉ้อโกง ตามสไตล์ ของ Grand Theft Auto

ผมอยากจะเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่อยากจะทำการสปอยล์ใดๆ ทั้งสิ้น กับผู้ที่กำลังรอเล่นเวอร์ชั่น PC อยู่ ( ผมเองก็เช่นกัน เพราะผมมั่นใจว่า เวอร์ชั่น PC ที่กำลังจะตามออกมา จะต้องยอดเยี่ยมกว่าเวอร์ชั่น PS3 ที่ผมเล่นอยู่ตอนนี้แน่นอน ) โดยผมสามารถบรรยายได้ว่า การเล่าเรื่องอันเข้มข้นของ GTA ยังคงเป็นจุดแข็งและถูกพัฒนาให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้น โดยบางภารกิจ จะมีเหตุการณ์ไม่นึกฝันตัดเข้ากลางเรื่องให้ตกใจกันเล่น และมันยิ่งทวีคูณความสนุกขึ้นไปอีก เมื่อเกมสามารถให้ผู้เล่นสลับไปมาระหว่าง 3 ตัวละครได้ตลอดเวลาที่ไม่ได้ทำภารกิจ ซึ่งจะให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เช่น ไมเคิล จะต้องอยู่กับเรื่องราวปัญหาของครอบครัวอันแสนจะไม่อบอุ่น แฟรงค์ลิน ก็ต้องเผชิญกับปัญหาพรรคพวกที่เอาแต่ห่วงเรื่องของการเป็นแก๊งสเตอร์ในอารมณ์คล้ายๆ กับภาค GTA: San Andreas ตามด้วย เทรเว่อร์ พ่อค้ายาสุดเถื่อน ที่ปกครองคนอื่นด้วยความกลัว และพร้อมจะระเบิดความคลั่งได้ทุกเมื่อ ทั้ง 3 ตัวละคร มีเรื่องราวที่น่าติดตามเป็นของตัวเอง และมันก็จะถูกเชื่อมโยงมาสู่ภารกิจหลัก ที่ให้ทั้ง 3 คนมาเจอกันอย่างลงตัว ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ทาง Rockstar สามารถที่จะยกระดับการเล่าเรื่องของตัวเอง ที่สนุกอยู่แล้วจาก GTA IV ให้สูงขึ้นไปอีกขั้นอย่างงดงาม

Presentation

ถนนทุกสาย ตึกรามบ้านช่อง แม่น้ำลอดผ่านหุบเขา หรือ ทะเลทราย ทุกๆ อย่างใน GTA V ถูกรังสรรค์ออกมาอย่างสวยงาม ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้วขาดการเอาใจใส่ ในภาคนี้ ผู้เล่นสามารถเดินทางไปได้ทั่วทั้งเกมตั้งแต่เริ่มเล่น โดยไม่มีการปลดล็อคพื้นที่ไปตามเนื้อเรื่องอีกต่อไป แต่เกมจะใช้การปิดหมอกเอาไว้ในแผนที่ สำหรับจุดที่ผู้เล่นยังไปสำรวจไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าคุณจะลองเดินทางไปในจุดใดของเกม มันก็มีความสวยงามสมจริงในแบบของมัน รวมทั้งเหล่าประชาชนคนเดินตามท้องถนน ก็ล้วนดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น การเดินชนไหล่กับคนบางคนก็อาจก่อบันดาลโทสะให้ NPC นั้นวางมวยกับคุณได้

การเดินกดปุ่มลูกศรขวาตามข้างทางเพื่อตอบรับหรือชี้หน้าด่าคนที่ผ่านไปมา อาจจะทำให้เธอหรือเขาวิ่งหนีคุณไป หรือควักมือถืออกมาโทรแจ้งตำรวจ ส่งดาวค่าหัวให้คุณแทน หรือแม้แต่การขับรถปาดหน้าพวกเขา บางทีคุณอาจจะเห็นเหล่า NPC ผู้นั่งหลังพวงมาลัย เบรคหน้าทิ่ม ก่อนที่จะชูนิ้วกลางให้คุณซะหนึ่งดอก หรือเขาอาจจะเบี่ยงหลบคุณเสียจนไปฟาดกับรถอีกเลน ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก และระบบของตัวรถ ก็ถูกเพิ่มลักษณะความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนรถยนต์จริงๆ เช่นถ้าผู้เล่นขับรถฝ่าไฟแดง ไปเจอรถที่ผ่านแยกมาพอดี การพุ่งชนเข้าไปที่ล้อหลังเต็มๆ ของอีกคัน จะทำให้ล้อกระเด็นหลุดออกมาจากซุ้มล้อทันที หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ เช่นเวลาตัวละคร กลิ้งล้มหกคะเมน ก็จะมีรอยแผลถลอกปอกเปิกให้เห็น หรือ รอยกระสุนบนตัวผู้เล่น ที่ใส่เกราะ ก็จะเป็นรอยขาวๆ เหมือนรูกระสุนที่เจาะลงบนเสื้อเกราะ

แม้ว่าแผนที่ของ GTA V จะเป็นลักษณะของเกาะ เพียงเกาะเดียว แต่ความกว้างใหญ่ของมัน น่าจะพอเทียบได้กับดินแดน Skyrim เลยทีเดียว และต้องอย่าลืมว่า มันยังมีพื้นที่ใต้น้ำให้ลงไปสำรวจอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของแนวปะการัง หรือพื้นผิวก้นทะเล ก็ไม่ใช่การออกแบบอย่างขอไปทีแม้แต่น้อย ความกว้างใหญ่ระดับนี้ นำมาซึ่งประโยชน์ของการสับเปลี่ยนตัวละครทั้ง 3 ตัวอย่างยิ่ง โดยการขับรถไกลๆ, โบกแท็กซี่ เพื่อจะเดินทางออกจากจุดเดิมที่ผู้เล่นอยู่ จะไม่จำเป็นอีกต่อไป หากผู้เล่นขี้เกียจจะหาทางกลับบ้านด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะสลับออกจากตัวละครที่เล่นอยู่ทันที เพื่อพุ่งไปบังคับตัวละครอีกตัว ที่อาจจะมีเรื่องน่าสนใจ ให้ทำก็เป็นได้ โดยการตัดเข้าสู่ตัวละครใหม่ จะเป็นการสุ่มสถานที่ ที่ตัวละคนอยู่ไปเรื่อยๆ ( เว้นแต่ผู้เล่นสลับกลับไปเล่นตัวละครที่แล้ว ที่พึ่งจะสลับออกมาได้ไม่นาน ตัวละครตัวนั้น จะยังคงอยู่ ณ จุดเดิม ) เช่น ผู้เล่นอาจจะพบไมเคิลอยู่ที่บ้านเซฟเฮาส์ แฟรงค์ลินที่พึ่งเดินออกมาจากร้านขายยา หรือ เทรเว่อร์ ที่กำลังขับรถอยู่บนถนน ซึ่งอนิเมชั่นการเปลี่ยนตัวละครนั้นเยอะมาก สมที่ผู้พัฒนาได้เคยคุยเอาไว้

ตลอดเวลา 20 กว่าชั่วโมงที่ผมเล่นมา ผมพบอนิเมชั่นที่ซ้ำเดิมน้อยมาก รวมทั้งอนิเมชั่นเหล่านี้ยังแสดงเอกลักษณ์ของตัวละครและอาจมีเรื่องตื่นเต้นให้คุณอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการตัดเข้าสู่ เทรเว่อร์ ที่บางทีคุณอาจจะพบเขากำลังจะโยนคนที่ไม่ชอบหน้าลงจากสะพาน , จับคนมัดติดเสาไว้ใต้ท่าเรือ , มีเรื่องชกต่อยกับนักเพาะกายร่างยักษ์ 2 คน หรือถ้าโชคดีพอคุณอาจจะได้เจอเขากำลังบึ่งรถหนีตำรวจอยู่บนทางด่วน ในระดับค่าหัว 3 ดาว ซึ่งการมีดาวค่าหัวนั้น จะทำให้ผู้เล่นไม่สามารถสับเปลี่ยนตัวละครได้ จนกว่าดาวค่าหัวนั้นจะหายไป ( ไม่ว่าจะด้วยการหนีพ้น หรือถูกจับ , ถูกยิงตาย ก็ตาม ) และที่ยิ่งเจ๋ง ผู้เล่นสามารถที่จะพบเจอกับตัวละครอื่นโดยบังเอิญได้ด้วย ซึ่งหากไม่ใช่การนัดหมายออกไปเที่ยวกันเหมือนใน GTA IV ตัวละครของเรา จะเอ่ยปากทักทายกัน ก่อนที่จะเดินจากกันไปคนละทาง ( หากลองเดินตาม เทรเว่อร์ เขาอาจจะพูดว่า “ อ่า… อย่าตามฉันมาเลย สิ่งที่ฉันกำลังจะทำต่อจากนี้ ฉันไม่อยากให้มีใครเห็น…”)

ตลอดการโลดแล่นไปใน Los Santos ไม่ว่าจุดใดก็ตาม คุณจะได้พบเหตุการณ์สุ่ม ที่ใช้ระบบเดียวกับ Red Dead Redemption ผู้เล่น อาจจะเจอโจรขโมยรถ, คนถูกจี้ชิงทรัพย์, คนโบกรถ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่าง ล้วนเป็นทางเลือกของผู้เล่น หากคุณพบคนโดนชิงทรัพย์ข้างทาง คุณก็อาจไม่อยากเสียเวลา แล้วขับรถผ่านไป หรือถ้าคุณไล่ล่าคนจี้กระเป๋าเงินมาได้ คุณอาจจะเก็บเงินนั้นไว้เอง หรือจะนำมันมาคืนเจ้าของในฐานะพลเมือง(พยายามจะ)ดี ก็แล้วแต่คุณ หรือบางเหตุการณ์ ที่คุณอาจจะได้พบ โจรปล้นร้านชำประสบอุบัติเหตุอยู่ข้างทาง หากคุณเข้าไปช่วยเหลือเขานำไปส่งยังที่หมาย คุณก็จะได้ตัวเลือกของทีมงานในการออกปล้นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งระบบนี้ มีความหลากหลายและน่าสนใจกว่าใน Red Dead อย่างมาก นอกจากนั้น ทั้ง 3 ตัวละคร ยังมีภารกิจเสริมเฉพาะตัวอีกด้วย เช่น เทรเว่อร์ ที่มีการนำเอาโหมด ‘ Rampage ‘ กลับมาให้ได้มันส์กันอีกครั้ง ( หากใครไม่รู้จัก Rampage คือภารกิจเสริมตามฉาก ที่มีให้เล่นในภาค GTAIII, Vice City, San Andreas โดยเป้าหมายภารกิจ คือการฆ่าล้างบางแก๊งค์ที่เป็นเป้าหมายในบริเวณโดยรอบ ให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด ภายในเวลาจำกัด และด้วยอาวุธที่กำหนดเท่านั้น ) นี่ยังไม่ต้องพูดถึงกิจกรรมเสริมต่างๆ เช่นการเล่นกีฬา เทนนิส, กอล์ฟ, ดำน้ำ, ล่าสัตว์ และอีกสารพัดที่ผมไม่อยากจะเขียนลงมาทั้งหมด ทุกโหมดการเล่นถูกออกแบบมาได้สนุก และใกล้เคียงกับเกมกีฬาเฉพาะทางเลยทีเดียว

Gameplay

เป็นอีกครั้ง ที่ Rockstar ได้ก้าวข้ามความคาดหมายของผมไป ในตอนที่ผมได้เห็นภาพยนต์ตัวอย่างแรก ของ GTA V ผมก็ไม่คิดว่า เกมการเล่นในภาคนี้ จะยกระดับไปมากกว่า GTA IV อีกแล้ว และแน่นอน ผมคิดผิดออย่างมหันต์ Rockstar ทำการคิดนอกกรอบ และปฎิวัติเกมการเล่นของซีรีส์ GTA ไปตลอดกาล ระบบบังคับตัวละครทั้ง 3 ตัว ได้เพิ่มมิติใหม่ของการทำภารกิจ ให้มีความหลากหลายและเข้มข้นอย่างมาก การสับเปลี่ยนตัวละครระหว่างภารกิจทำได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด เช่นในฉากหนึ่ง ผู้เล่นจะต้องต้านทัพตำรวจ ที่บุกมาระดมยิงจากทุกทาง และหากว่า แฟรงค์ลิน ที่คุณบังคับอยู่ ถูกล้อมยิงกดอย่างหนัก คุณก็สามารถสับเปลี่ยนไปหา ไมเคิล ให้ช่วยเคลียร์ศัตรูจากด้านข้าง หรือคุณจะสลับไปหา เทรเว่อร์ ที่ถือปืนซุ่มยิงอยู่บนปล่องไฟโรงงาน ช่วยเก็บศัตรูจากระยะไกล และสอยหน้าคนขับเฮลิคอปเตอร์ได้อีกด้วย ซึ่งการสับเปลี่ยนตัวละคร จะบังคับให้ผู้เล่นควบคุมตัวละครตัวใดตัวหนึ่งเป็นบางช่วง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยนตัวละครได้อย่างอิสระ ทำให้เกมการเล่นสนุกต่อเนื่อง อย่างที่ GTA ไม่เคยมีมาก่อน และภารกิจการออกปล้น จะเป็นงานเด่นในภาคนี้ โดยเกมจะเริ่มจากการออกสำรวจพื้นที่เพื่อดูความเป็นไปได้ของแผนการ ผู้เล่นจะสามารถเลือกแผนการและเลือกทีมงานในการออกปฎิบัติหน้าที่ต่างๆ ซึ่งทีมงานที่มีฝีมือ จะต้องการส่วนแบ่งที่สูงขึ้น แต่ระดับความสำเร็จของภารกิจ ก็จะสูงขึ้นไปด้วย การปฎิบัติงานโจรกรรมอย่างเข้มข้น บวกเข้ากับระบบการสับเปลี่ยนตัวละครอันลื่นไหล ได้หลอมรวมกลายเป็น เกมการเล่นตื่นเต้นระทึกใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในซีรีส์ และหลังจากจบภารกิจ GTA V ก็ได้ดึงเอาระบบของ GTA IV: Ballad of Gay Tony มาใช้ โดยแต่ละภารกิจ จะมีเป้าหมายความสำเร็จ ที่มีระดับ เหรียญทอง, เงิน, ทองแดง เช่นผู้เล่นจะต้องจบภารกิจให้ได้ในเวลาที่กำหนด, ฆ่าศัตรูด้วย Headshot ตามจำนวน, บาดเจ็บน้อยที่สุด อย่างนี้เป็นต้น ผู้เล่นสามารถที่จะเลือกเล่นภารกิจใหม่ได้ทั้งหมด จากหน้า Pause Menu เพื่อเก็บระดับความสำเร็จให้สูงกว่าเดิม

ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ของทั้ง 3 คน ก็เป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ของซีรีส์ GTA โดยความสามารถของ แฟรงค์ลิน จะเป็นการชะลอเวลาระหว่างการขับรถ คล้ายกันกับในเกม Need For Speed: Most Wanted โดยระหว่างที่ใช้ความสามารถพิเศษนี้ การควบคุมยานพาหนะจะทำได้อย่างง่ายดาย แม้จะวิ่งอยู่บนความเร็วสูง ในส่วนของ ไมเคิล จะเป็นความสามารถชะลอเวลาคล้ายกับ Bullet-Time ของ Max Payne ที่ช่วยให้การเล็งปืนเป่าศัตรู ทำได้ง่าย แถมคุณยังสามารถใช้มันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะถืออาวุธหรือไม่ ช่วยให้ ไมเคิล สามารถหลบหมัดของคู่ต่อสู้ได้ง่ายขึ้น ในการต่อยตีระยะประชิด และสุดท้าย ความสามารถสุดโหด ของคนเหนือโลก เทรเว่อร์ ที่ทำให้เขาเป็นอมตะชั่วคราว และทำความเสียหายได้หนักขึ้นเป็น 2 เท่า จากอาวุธทุกชนิด แม้แต่หมัดเปล่าๆ ก็สามารถส่งศัตรูลงไปนอนได้ในหมัดเดียว ( ซึ่งจากที่ผมทดลองด้วยตัวเอง การเป็นอมตะของ เทรเว่อร์ เข้าข่ายโกงเกมเลยทีเดียว โดยผมได้ลองกระโดดให้รถไฟชน, กดจรวด RPG ใส่หน้าตัวเอง หรือตกลงมาจากที่สูง ทั้งหมด ล้วนไม่มีผลให้พลังชีวิตลดลงแม้แต่น้อย มีแต่การกระโดดร่มลงมาโดยไม่กางร่ม ที่สามารถฆ่า เทรเว่อร์ ได้ เพราะระหว่างที่อยู่ในท่าดิ่งพสุธา จะไม่สามารถกดใช้ความสามารถพิเศษได้นั่นเอง ) โดยหลอดความสามารถพิเศษนี้ จะแสดงเป็นแถบสีเหลืองในเรด่าร์ มันจะเพิ่มขึ้นจากการทำสิ่งต่างๆ เช่นการฆ่าศัตรู, การเก็บกล่องพยาบาล, การขับรถบนความเร็วสูง หรือการดื่มเครื่องดื่มบางชนิดที่อยู่ในเซฟเฮาส์ และผมก็คงไม่ต้องสาธยายไปมากกว่านี้แล้วว่า การเล่นกับ ‘ พลัง ‘ ในโลกของ GTA มันเป็นความมันส์ระดับไหน…

ทักษะต่างๆ ของตัวละคร จะผูกกับค่าสถิติที่คล้ายกับในภาค San Andreas เช่นทักษะการยิงปืน จะส่งผลให้แรงถีบปืนน้อยลง ทักษะการขับรถ จะทำให้วงเลี้ยวแคบ และควบคุมรถไม่ให้ไถลออกนอกทางได้ง่ายขึ้น ระดับ Stamina ส่งผลให้ผู้เล่นวิ่งได้ไกลมากขึ้น ซึ่งค่าทักษะต่างๆ สามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการเล่นกีฬา, การเข้าสนามซ้อมยิงปืน, การขับรถไปตามถนนโดยไม่ชนอะไร แม้ว่าในช่วงเริ่มต้น แต่ละตัวละคร จะมีทักษะเด่นแตกต่างกันไป เช่น แฟรงค์ลิน สามารถวิ่งได้ไกลและขับรถเก่ง ไมเคิล สามารถยิงปืนได้แม่นและลอบเร้นได้ดี และ เทรเว่อร์ ที่มีความแข็งแรงสูงและขับอากาศยานเก่ง แต่เมื่อเล่นไปได้ซักระยะหนึ่ง ทักษะของแต่ละตัวละคร ก็จะถูกเพิ่มขึ้นจนไล่เลี่ยกันอยู่ดี ซึ่งเมื่อพูดถึงระบบการเล่นทั่วไป ของ GTA V เช่นการขับรถ, เล่นกีฬา, หรือการยิงปืน ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นมาก จนดูแล้วคล้ายกับระบบของเกมแนวนั้นๆ เลยทีเดียว

ถ้าให้ผมบรรยายความสนุกของเกมการเล่นออกมาทั้งหมด ก็คงจะยาวเกินไป ผมจึงขอตัดมาพูดถึงข้อเสียของมันบ้างแล้วกัน นั่นก็ยังเป็นปัญหาของการยิงปืนจากรถ โดยการกดปุ่ม L1 ค้างเอาไว้ ( หรือ LB สำหรับ Xbox 360 ) และทำการกราดยิงออกจากรถ อย่างยากลำบาก ซึ่งมันก็ยังเป็นระบบเดิมจาก GTA IV ที่น่าจะได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่านี้ โดยใน GTA IV ปัญหานี้ ได้หมดไป ในเวอร์ชั่น PC เพราะในเวอร์ชั่นนี้ เราสามารถคลิกขวา เพิ่อเล็งก่อน และหันเมาส์ยิงได้อย่างง่ายดาย และก็แน่นอนว่า ถ้า GTA V ลง PC เมื่อใด ปัญหานี้ก็จะหมดไปเช่นกัน แต่ก็ยังมีอีกระบบหนึ่ง ที่ผมไม่ชอบใจ คือระบบพลังชีวิต ใน GTA V ผู้เล่นจะไม่ได้มีพลังชีวิตที่ทั้งยาวทั้งอึด เป็นกระทิงอีกแล้ว แต่มันจะมีขนาดแค่ประมาณ ครึ่งหนึ่งของพลังชีวิตใน GTA IV เท่านั้น รวมถึงชุดเกราะกันกระสุน ที่ถูกลดทอนให้มีค่าแค่ครึ่งเดียว ของพลังชีวิตอีกต่างหาก การซิ่งมอร์เตอร์ไซค์แล้วประสบอุบัติเหตุ อาจรุนแรงพอที่จะส่งผู้เล่นเข้าโรงพยาบาลได้เลย ( ไม่ต้องพูดถึงการถูกคุณตำรวจ จ่อยิงระยะประชิด…) แต่ก็ยังดีที่เกมยังไม่ใจร้ายนัก เพราะถ้าหากพลังชีวิตของคุณ ลดลงไปต่ำกว่า 50% มันจะฟื้นกลับขึ้นมาที่ระดับ 50% ได้เรื่อยๆ หากว่าคุณไม่ถูกโจมตีซ้ำ ( คล้ายๆ กับในเกม Mafia II ) สำหรับใครคนอื่น ก็อาจจะมองว่ามันเป็นการเพิ่มความสมจริงมากขึ้น อันนี้ผมก็ไม่เถียง เพราะใจนึงผมก็ชอบครับ หากแต่ว่าการหาของเติมพลังชีวิตใน GTA V นั้น ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะรถขายฮ็อทด๊อก, เบอร์เกอร์ และถั่วทอด จะไม่ต้อนรับคุณอีกแล้ว ( ถ้าคุณไปกดปุ่มคุยกับคนขาย จะเป็นการตะโกนด่าให้เขาผู้นั้น วิ่งมาต่อยหน้าเราแทน…What the Fuck !? ) และสิ่งที่ใช้เติมพลังให้เต็ม 100% ได้ คือการเก็บกล่องพยาบาลอันแสนจะเป็น Rare Item ( ไม่นับพวกที่วางอยู่ตามทาง เฉพาะในภารกิจ ) และซื้อน้ำอัดลมกระป๋อง จากตู้น้ำตามข้างทางที่ตั้งอยู่ไม่ค่อยจะเป็นที่เป็นทาง และสุดท้าย ที่หายากที่สุด คือร้านสะดวกซื้อ ที่ผู้เล่นสามารถปล้นได้ แต่ว่าเขาก็สามารถขายขนมอร่อยเพื่อฟื้นพลังชีวิตให้เต็ม 100% ได้เหมือนกัน ซึ่งปัญหานี้ ผมจะไม่พูดถึงเลย ถ้าจุดเติมพลังชีวิต มีให้บริการมากพอแบบใน GTA IV ( เค้าแค่จะมาซื้อ ฮ้อทด๊อก… ทำไมต้องต่อยเค้าด้าย อ่าาา..)

Performance

ขณะที่ผมกำลังโจ้เกมนี้อย่างเมามันส์ในคืนแรกที่สอยมา คุณพ่อของผมก็กลับมาจากที่ทำงานพอดี คุณพ่อผมถามว่า “ โอ้ นี่เกมอะไรเนี่ย ? “ ผมตอบไปว่า “ แกรนด์ เธฟท์ ออโต้ ไฟว์ ครับพ่อ “ พ่อผมถึงกับเอ่ยว่า “ โอ้โห ภาคใหม่แล้วเหรอ ? ภาพกราฟฟิคมันเป๊ะมากเลยนะเนี่ย “ พ่อผมไม่ใช่คนเล่นเกม แต่ก็รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกเกมมาตลอด และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องบ่อยนัก ที่เขาจะเอ่ยปากชมความสวยงามของเกมที่ผมเล่น ( นอกจากเกมที่เขารู้ว่าภาพแรงอยู่แล้ว อย่าง Battlefield, Crysis เขาก็เคยเอ่ยปากชมความงามของ The Last of Us มาแล้ว ) ใช่ครับ GTA V มีกราฟฟิคที่งามมาก จนไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นเอนจิ้นเดียวกันจากภาคที่แล้ว รายละเอียดบนพื้นถนน และตามบ้านเรือน ดูประณีตขึ้นกว่าใน GTA IV อย่างมาก บวกเข้ากับเอฟเฟคแสง และ ฝุ่นละออง ที่ทำดูดีขึ้นผิดหูผิดตา ( แม้จะยังไม่เท่ากับความสวยสดของ Max Payne 3 แต่ก็คงจะว่ากันไม่ได้ กับเกมที่เป็น Open-World แบบนี้ ) และระบบเสียงในเกม ก็ยังคงมาตรฐานไม่เสื่อมคลาย ซึ่งถ้าจะให้ติ ก็คงเป็นเรื่องของเฟรมเรต ที่มักจะตกอยู่บ่อยๆ เวลาที่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างเล่น ซึ่งผมคิดว่า ปัญหานี้ จะหมดไป ในเวอร์ชั่น PC เพราะหากว่าได้เล่นบนเครื่อง PC ที่ฮาร์ทแวร์เหมาะสมกับตัวเกม ก็คงจะมีเฟรมเรตที่ดีกว่า และไม่ต้องพูดถึงความละเอียดที่สามารถปรับให้สูงมากกว่านี้แน่นอน

Verdict

ผมอยากจะกล่าวชมอะไรอีกหลายอย่าง ทั้งการพากย์เสียง ที่ได้อารมณ์, ฉากคัทซีนที่ยังคงมาตรฐานของ GTA และอีกหลายอย่างมากมาย แต่ผมจะขอพูดแค่ว่า นี่คือสุดยอดตำนานเกมแห่งยุค ที่จะครองใจผู้เล่นไปอีกนาน แม้ว่าผมยังไม่ได้ลองเล่น GTA Online แต่แค่โหมดเนื้อเรื่อง ที่ทั้งยิ่งใหญ่, หลากหลาย และสนุกสุดเหวี่ยงขนาดนี้ ก็เพียงพอแล้ว สำหรับตำแหน่งเกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 และหากว่า Watch Dogs ที่กำลังจะออกโรงในเดือน พฤศจิกายน ต้องการจะออกมาไฝ้ว์และเขย่าบัลลังค์ของ GTA V ล่ะก็ คงจะต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยล่ะครับ ( ผมเองก็เชียร์เกมนี้อยู่เหมือนกันนะ ) ผมต้องขอหยิบยืมประโยคของ ’ Brett Todd ‘ ที่ถูกแปลไว้ บน Future Gamer เดือน กรกฎาคม ปี 2005 ในบทความรีวิว Grand Theft Auto: San Andreas ซึ่งมันก็ยังคงเข้ากันดีกับ Grand Theft Auto V แม้เวลาจะผ่านมา 8 ปีแล้วก็ตาม… “ ฉะนั้นจงซื้อ ยืม ขโมย หรืออะไรก็แล้วแต่ เพื่อให้ได้เกมนี้มาเล่น คุณคงจะหาเกมที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ”

Story 10/10

Presentation 10/10

Gameplay 9/10

Performance 9.5/10

GOOD

เนื้อเรื่องสนุก เข้าใจคิด
ทุกการออกแบบของ ฉากเมือง ชายหาด หุบเขา ทะเลทราย หรือ พื้นที่ใต้ทะเล ไม่มีฉากไหน ที่ขาดการเอาใจใส่
ระบบบังคับตัวละครทั้ง 3 ตัว สร้างมิติใหม่ ให้แก่โลก GTA ทั้งการเล่าเรื่อง การนำเสนอ และเกมการเล่น
ภารกิจออกปล้น สนุกตื่นเต้น เหมือนภาพยนต์แนวโจรกรรมชั้นเยี่ยม
ระบบความสามารถพิเศษของตัวละคร แปลกใหม่ และสนุกมาก
ภารกิจย่อยหรือสิ่งละอันพันละน้อย มีให้เล่น ให้ทำเป็นตัน พร้อมจะให้ย้อนกลับมาเล่นได้เรื่อยๆ
ระบบต่างๆ ทั้งการขับรถ เล่นกีฬา ถูกออกแบบมาดี เสียจนใกล้เคียงกับ เกมแข่งกีฬาจริงๆ
ภาพกราฟฟิคสวยงามมาก จนน่าเป็นห่วง System Requirement ของเวอร์ชั่น PC