อ่าาาาห์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับสำหรับการรีวิวเกมมิ่งเกียร์ หลังจากนี้ไป ผมจะหาอะไรมารีวิวให้พี่น้องได้รับชม และรับทราบกันเรื่อยๆ ก็แล้วกันครับผม โดยการกลับมาครั้งนี้ก็เป็นหูฟังที่ฮิตติดตลาดระดับ กลาง-บน พอสมควรเลยครับ เนื่องด้วยตัวแรก HyperX Cloud ที่ปล่อยออกมานั้น ประสบความสำเร็จอย่างสุดๆ นั่นเอง กับแบรนด์ HyperX ที่หันมาลุยตลาด Gaming Gear อย่างเต็มตัวในครั้งนี้ครับ
แพ๊คเกจเลิศหรูอลังการเช่นเคยครับ สำหรับ HyperX Cloud II นี้
อุปกรณ์ที่แถมมาทั้งหมดภายในแพ๊คเกจครับ
ถุงสำหรับเก็บหูฟัง 1 ชิ้น
Earcup แบบผ้า 1 ชุด
สายต่อความยาว ที่เป็นรีโมตในตัว 1 เส้น
ไมโครโฟนที่ถอดแยกได้ 1 ตัว
ชุดหูฟัง 1 ตัว
ฝั่งซ้ายของหูฟังจะเป็นฝั่งที่เชื่อมต่อไมโครโฟน (ถอดได้) และบริเวณหูจะเป็นการออกแบบในลักษณะ Hair Blush Style ดูหรูและสวย
Headband ด้านบนปักเป็นคำว่า HyperX แตกต่างจากตัวอื่นๆ ที่ใช้เป็นการปั๊มลงไป หรือพิมลงไป
มุมมองด้านหน้า จะเป็นว่าแนบชิดสนิทกัน ทำให้ใส่ได้กระชับครับ
เมื่อติดตั้งไมโครโฟนแล้วก็จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้
ตัวไมโครโฟนสามารถพับงอได้ตามทิศทางการใช้งาน
ฝั่งขวาก็เช่นกันครับ ลักษณะหน้าตาเหมือนกับฝั่งซ้าย
มองในภาพรวม สวยงามเสียเหลือเกินครับผม
In-Line Remote หรือแผงควบคุมระบบเสียงต่างๆ ครับ สามารถควบคุมระดับเสียงและระดับไมโครโฟนได้ รวมถึงการเปิดปิดระบบ 7.1 จำลองครับ
…. หากเอ่ยถึงแบรนด์ในชื่อ KINGSTON ‘HyperX’ แล้วคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น Memory RAM, Solid State Drive ที่มีประสิทธิภาพขึ้นชื่อในวงการไอทีมากพอสมควรครับ และในครั้งนี้ ทาง HyperX ลงมาร่วมกับตลาด Gaming Gear ด้วยการ Co-Brand กับทาง QPAD หนึ่งในแบรนด์อุปกรณ์เล่นเกมที่อยู่ในระดับ High End ครับ เพราะชุดอุปกรณ์แต่ละชิ้นของเค้าคือระบบ หมื่น ครึ่งหมื่น เลยทีเดียวเชียว ก่อนหน้านี้เคยมีรุ่น HyperX Cloud ออกมา แล้วเป็นการเชื่อมต่อแบบ Analog 3.5mm นั่นเองครับ โดยเจ้าตัว HyperX Cloud II ที่อยู่ในมือผมนี้ เป็นรุ่นที่จัดทำออกมาเป็นรูปแบบ USB คือเลือกที่จะทำออกมาเป็นแจ๊คเดี่ยว 3.5mm ที่เป็น Moblie connect ใช้สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพา จำพวก Smartphone, Tablet อะไรเทือกนั้นครับผม และสามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยการเสียบเข้ากับ สาย USB ที่เป็น Soundcard ในตัว
HyperX Cloud II มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกันครับ
HyperX Cloud II เลือกที่จะเล่นเรื่องสีสันให้แตกต่างกับ Cloud เวอร์ชันแรก ด้วยการใส่สีแดง และสีเทาลงไปให้ดูแตกต่างและแยกแยะออกได้ อีกทั้งยังเป็นสีธีมหลักของ HyperX เองอีกด้วยครับ ด้านแพ๊คเกจและคุณภาพสินค้าของเค้า จัดว่าอยู่ในระดับ Top Quality เลยทีเดียวครับผม ทั้งวัสดุ เนื้องานประกอบ และอื่นๆ ทำออกมาได้สวยงามและเนี๊ยบดีมาก
Specification ของเจ้าหูฟัง HyperX Cloud II
Headphone
Transducer type: dynamic Ø 53mm with neodynium magnets
Operating principle: closed
Frequency response: 15Hz–25,000 Hz
Nominal impedance: 60 Ω per systemMicrophone
Frequency response: 50–18,000 Hz
Transducer type: condenser (back electret)
Operating principle: pressure gradient
Polar pattern: cardioid
หากพูดถึงคุณภาพของเสียง HyperX Cloud II เป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงยอดเยี่ยมครับ ให้มิติเสียงที่ดีมากๆ นอกจากจะแยกแยะทิศทางเสียงซ้าย ขวา หน้า หลัง ได้ชัดเจนแล้ว ยังให้มิติเสียง ใกล้ ไกล ได้เป็นอย่างดี จาการทดสอบกับเกมที่มีระบบเสียงชั้นยอดอย่าง Battlefield 4 , CS:GO รวมไปถึงเกมสุดหลอนอย่าง The Evil Within ที่เรียกได้ว่าสูบเราเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางนรกได้เลยทีเดียวเชียว และเมื่อนำมาฟังเพลง จะให้แนวเสียงพื้นฐานแบบ Flat ครับ แต่จะมีความจัดจ้านอยู่ในตัว เสียงสูงโดดเด่น และมีเสียงเบสมาเป็นลูกๆ จับตัวดีใช้ได้เลยครับผม โดยการทดสอบต่างๆ ผมจะใช้การเชื่อมต่อในรูปแบบ USB Soundcard ที่เป็นของตัว HyperX Cloud II ทั้งหมดนะครับ
ด้านของการสวมใส่ ความเบาสบายถือว่าเป็นสิ่งที่ Cloud II มอบให้ได้ครับ ไม่บีบรัดศีรษะของเรามากเกินไป และหากใครที่ไม่ชอบ Earcup ที่เป็นรูปแบบหนัง ก็มี Earcup ที่เป็นกำมะหยี่ให้เปลี่ยนใช้งานได้ครับผม การเปลี่ยน Earcup นั้นสุดแสนจะง่ายดายครับ เพียงเท่านี้ก็จะได้หูฟังที่ตอบโจทย์เราแล้ว เพราะบางทีคนที่ใช้หนังอาจจะเหงื่อออกง่าย หรือตัดเสียงมากเกินไป ซึ่งทำให้บางคนไม่ชอบครับผม การเปลี่ยนมาเป็นผ้ากำมะหยี่จะช่วยให้สบายมากขึ้น แต่จุดที่ต้องสังเกตคือ เมื่อไรที่เราใช้ Earcup แบบผ้า จะทำให้เสียงเจือจางลงไปซักเล็กน้อย และเสียงแหลม-กลาง จะโดดเด่นขึ้น (ความตึบจะลดลง) ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบนั่นเองครับ
รวมแล้วถือว่าเป็นหูฟังชั้นดีที่น่าจะโดนใจเกมเมอร์หลายๆ คนครับผม ด้วยรูปร่างของหูฟังที่สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย มีความสวยงามและใส่ได้สบาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์มอบทางเลือกให้เราใช้งานได้อย่างตอบโจทย์ครับ
จุดเด่น
– หน้าตาสวยงามแบบเรียบๆ หรูๆ
– คุณภาพของวัสดุจัดว่าดูดีมากทีเดียวครับ
– ลักษณะของเสียงได้ครบทุกย่าน แหลม กลาง เบส
– มีอุปกรณ์ให้เปลี่ยนตามการใช้งาน ค่อนข้างจะยืดหยุ่นใช้ได้ครับ
– ไมโครโฟนดูดเสียงได้ดี และชัดเจน
– สามารถใช้งานกับอุปกรณ์พกพาได้ทุกรูปแบบ
– มี USB Soundcard มาให้ในแพ๊คเกจ พร้อมใช้งานสำหรับคนที่ยังไม่มี Soundcard แยกครับ
จุดสังเกต
– ส่วนตัวแล้วคิดว่า HyperX Cloud ตัวแรก ให้เสียงที่แน่นกว่าพอสมควรครับ (ความชอบส่วนตัว)
– มวลของเสียงไมโครโฟนค่อยนุ่มนวลเท่าไรครับผม