HyperX Pulsefire Core หนึ่งในสี่เมาส์จากตระกูล HyperX Pulsefire อันมีจุดเด่นในเรื่องรูปทรงที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความคุ้มค่า พร้อมทั้งแสงไฟ RGB ที่สวยงาม เมาส์ตัวนี้เหมาะกับใคร ใช้งานแบบไหน วันนี้เรามีรีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกัน

เมาส์ตัวเล็กแต่เหมาะกับมือทุกประเภท

โดยส่วนตัวแล้วทางผู้เขียนชอบใช้เมาส์ใหญ่เนื่องจากเป็นคนที่มือค่อนข้างใหญ่ แต่จากการได้ลองใช้ HyperX Pulsefire Core ที่เล็กกว่าเมาส์ปกติที่ใช้ ก็ใช้เมาส์ได้อย่างสบายมือ ด้วยการออกแบบที่เหมาะสมประกอบกับการที่เมาส์มีรูปทรง Symmetrical อีกทั้งตัวเมาส์มีน้ำหนักเพียงแค่ 87 กรัม ทำให้สามารถลากไปมาได้อย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นการทำงานออฟิศหรือการเล่นเกมแนวต่าง ๆ

เล่นเกมก็ดี ทำงานก็เยี่ยม

HyperX Pulsefire Core จัดเต็มในทุกลายละเอียดไม่ว่าจะเป็นตัวเซ็นเซอร์ Pixart 3327 ทำให้เราลากเมาส์ได้อย่างไม่สะดุดและลื่นไหล สำหรับการปรับระดับ DPI ของเมาส์ สามารถปรับได้ตั้งแต่ DPI 200 ถึง 6400 กันเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอตัวเมาส์ยังรองรับการตั้ง Macro ได้ถึง 7 ปุ่ม ที่ตั้งได้อย่างอิสระแล้วตามใจผู้ใช้อยากจะปรารภนา อีกทั้งนำไปประยุกต์ในการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

สำหรับการเล่นเกมนั้น ผู้เขียนได้ลองเล่นเกม Fortnite โดยได้ใช้เมาส์ที่ความละเอียด 800 DPI ผมว่าสามารถเล็งเป้าได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้ การตั้งปุ่ม Marcro เป็นการสร้างรูปต่าง ๆ ยังทำให้เราได้เปรียบอีกฝ่ายเพราะเราสามารถสร้างและทำลายสิ่งต่าง ๆ ได้ในมือเดียว ในขณะที่อีกเมือใช้สำหรับการบังคับทิศทางและเปลี่ยนอาวุธเท่านั้น เรียกได้ว่มีประโยชน์สุด ๆ ด้านของการทำงานปุ่ม Marcro สามารถนำมาปรับแต่งได้ โดยสำหรับคนที่ชอบพิมพ์งานอาจจะตั้งเอาสักปุ่มหนึ่งใน Mouse เป็นปุ่มกดลบ (ฺBackspace) ทำให้เวลาตรวจงานเราจะประหยัดเวลาได้มากขึ้น

รองรับ HyperX NGenuity software

จะไม่พูดถึงการทำงานร่วมกับ HyperX NGenuity software คงจะไม่ได้ เพราะ HyperX Pulsefire Core รองรับการทำงามร่วมกับ Software ได้อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นการตั้งปุ่ม Marcro , ปรับสี RGB ปรับ DPI ที่ปรับได้หลายระดับ อีกทั้งเราสามารถตั้ง Profiles ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับเกมที่เล่นอีกด้วย