หลังจากปี 2020 เริ่มต้นขึ้นก็ต้องบอกว่ายังไม่ค่อยมีเกมฟอร์มใหญ่ออกมาสักเท่าไรนัก แต่เกมระดับกลางไปจนถึงเกมอินดี้ที่ออกมาก็ถือว่ามีคุณภาพอยู่บ้าง และกับเกมสปินออฟของ A Way of the Samurai ที่ผันตัวเองมาเป็นเกมแนว Roguelike ตะลุยด่านเดือด ๆ และมันจะออกมายอดเยี่ยมหรือไม่ รับชมได้กับบทความรีวิว KATANA KAMI : A Way of the Samurai Story
Story
เราจะรับบทเป็นซามูไรพเนจรหนุ่มที่ไม่มีชื่อ (เพราะเกมจะให้เราตั้งชื่อตัวละครเอง) ที่บังเอิญเดินทางผ่านมายังหุบเขาที่เป็นที่ตั้งของร้านตีเหล็กชองช่างตีเหล็กชื่อ โดจิมะ ซึ่งเราผ่านทางมาในช่วงที่เขากำลังโดนตามทวงหนี้จากชายชื่อเบนิยะอยู่พอดี แน่นอนว่าโดจิมะไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ เบนิยะจึงจับตัวลูกสาวโดจิมะที่ชื่อ นานามิ กลับไปด้วย พร้อมกับบอกว่า ใช้หนี้หมดเมื่อไรค่อยว่ากัน
เราซึ่งผ่านทางเข้าไปจึงเข้าไปสอบถาม คุยกันไปคุยกันมา อยู่ดี ๆ เราก็ตกปากรับคำจะช่วยเหลือเขาซะงั้น และเราก็กลายมาเป็นลูกจ้างของโดจิมะ ทำงานหาเงินใช้หนี้ เพื่อไถ่ตัวนานามิแทน
หากคุณคาดหวังว่านี่มันเป็นพล็อตหนังแอ็คชั่นสุดเดือด ซามูไรพเนจรมากฝีมือ บุกเดี่ยวรังเจ้าหนี้หน้าเลือดเพื่อชิงตัวลูกสาวคืนแล้วล่ะก็คุณคิดผิดครับ.. เพราะหากมองในชีวิตจริงแล้ว เราติดหนี้ใครก็ต้องไถ่คืนเขาตามนั้น และนานามิก็แค่โดนจับไปเป็นตัวประกัน เพื่อเป็นหลักค้ำประกันว่าจะต้องจ่ายเงินคืน (ใครคิดหวังไปไกลว่าสาวแว่นหน้าตาน่ารักจะโดนแก๊งเจ้าหนี้ทำอะไรไม่ดี ๆ ใส่ล่ะก็เลิกคิดเสีย) ดังนั้นเนื้อเรื่องของเกมนี้มันจึงเรียบง่าย ตรงไปตรงมา หาเงินไปใช้หนี้เขาให้หมดก็เท่านั้นเอง ถือว่าธรรมดาใช้ได้เลย
ใครที่กำลังมองหาเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้น ก็อาจจะต้องมองผ่านเกมนี้ไปได้เลย เพราะนอกจากเนื้อเรื่องจะเบาหวิวแล้ว ยังมีหลายส่วนที่ไม่สมเหตุสมผลอีกมากมายที่อยู่ในเกม แน่นอนว่ารวมไปถึงระบบบางระบบของเกมที่ไม่รู้จะใส่มาทำไมด้วยเช่นกัน..
Presentation
ฉากหลังภายในเกมจะมีอยู่เพียงสองสถานที่ใหญ่ ๆ นั่นคือร้านตีเหล็กของโดจิมะที่เราเข้าไปอยู่ด้วย อีกฉากคือดันเจี้ยนที่เกมนี้เรียกว่า “จิไค” ซึ่งจะเป็นสถานที่หลักที่เราต้องอยู่เป็นส่วนมาก เพราะเราจะเก็บเลเวล หาไอเทม หาอาวุธใหม่ ๆ ได้จากในสถานที่นี้
การออกแบบสถานที่ก็ถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ เพราะกราฟิกของเกมก็ไม่ได้สวย ไม่ได้ละเอียดอะไรมาก และเกมนี้นำเสนอมุมมองแบบ Bird-Eye View หรือมองจากด้านบนลงมา คล้าย ๆ เกมจำพวก Hack & Slash อย่าง Diablo การเคลียร์ฉากของเกมนี้คือผู้เล่นไม่จำเป็นจะต้องฆ่าศัตรูให้หมดแมปเพื่อไปต่อ แต่ถ้าเราวิ่งไปเจอประตูไปชั้นต่อไปก็สามารถกดเข้าไปได้เลย และเมื่อลงไปชั้นลึกขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ในบางครั้งถึงขั้นที่ว่าความยากของตัวเกมแกว่งเกินไปจนเล่นแทบไม่ไหวกันเลยทีเดียวถ้าคุณไม่ได้เตรียมพร้อมมา
หากคุณไม่ชอบเกมที่นำเสนอเกมเพลย์การเล่นแบบเล่นซ้ำเล่นซาก Griding กันไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะเก่งพอ ได้ของที่ดีพอ ผมแนะนำว่าให้หนีเกมนี้ไปให้ไว เพราะระบบการเล่นของเกมนี้มันเป็นแบบนั้น คุณจะต้องหาดาบที่ค่าสเตตัสถูกใจสักเล่มหนึ่ง พกติดตัวไว้ จากนั้นก็อัปเกรดให้มันแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสู้กับศัตรูในชั้นลึก ๆ ได้ คร่าว ๆ ของเกมเพลย์ก็คือประมาณนี้
Gameplay
บอกก่อนเลยว่าเกมเพลย์ของเกมนี้ค่อนข้างจะเกินความคาดหวังไปในหลาย ๆ ส่วน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผิดหวังมากไม่แพ้กันเลย
ในช่วงที่เกมเปิดตัว ยอมรับก่อนว่าไม่ได้คาดคิดว่าเกมเพลย์จะเป็นแบบ Roguelike ตะลุยด่าน ผสมกับการ Griding ซ้ำไปมา นึกว่าเป็นเกมเดินหน้าต่อสู้ ทำภารกิจตามเนื้อเรื่องไปจนจบ แต่หลังจากลองเล่นไปแล้วก็พบว่าตัวเกมมีคอนเทนต์ที่แน่นพอสมควร แต่แน่นไม่ได้หมายความว่ามันจะดี เพราะบางคอนเทนต์ก็ไม่รู้จะใส่เข้ามาทำไม
อย่างแรกคือระบบ Choice หรือการเลือกตอบคำถาม พูดคุย และมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่า NPC ซึ่งดูเหมือนจะทำให้ตัวเกมมีเส้นทางที่เลือกได้ แต่จริง ๆ ก็ไม่ บางข้อเราเลือกได้ เพื่อทำให้ได้อ่านบทสนทนาตลกขำขันเพียงเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอื่นใดเลย และที่ตลกที่สุดคือในช่วงแรกที่เบนิยะมาทวงนี้ แม้เราจะมีชอยส์เปิดศึก ทำให้เราต่อสู้และสังหารเบนิยะลงได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เกมจบลง หรือเปลี่ยนไป เพราะมันก็จะเกิดใหม่ และมาทวงหนี้เราตามกำหนดเหมือนเดิม..
ระบบการทวงหนี้ของเบนิยะคือในช่วงแรกเขาจะมาบ่อยหน่อย พร้อมกับทวงแค่หนี้ก้อนเล็ก แต่เล่นไปสักพัก เบนิยะจะเว้นเวลาว่างให้เรานานพอสมควร แต่จำนวนหนี้ที่มันเก็บก็จะสูงขึ้นแบบเท่าตัวเช่นกัน ในระหว่างนี้เรามีหน้าที่ไปลงดันเจี้ยนจิไคเพื่อหาไอเทมดรอป นำของมาขายเพื่อหาสะสมเงินรอวันเจ้าหนี้มาทวง (ชีวิตจริงที่แท้ทรู)
ในด้านของระบบการต่อสู้ เราจะใช้อาวุธหลักเป็นดาบ ซึ่งดาบแต่ละเล่มก็จะมีลีลาแอ็คชั่นที่ต่างกัน บางเล่มจะโจมตีได้ช้าแต่แรง บางเล่มจะโจมตีได้เร็ว แต่ดาเมจไม่สูงมากนัก และแต่ละเล่มจะมีสกิลพิเศษประจำตัวให้เรากดใช้ตอนสะสมพลังงานได้ครบอีกด้วย ผู้เล่นสามารถพกพาดาบได้ทีละ 3 เล่มพร้อมกัน อย่างกับโซโล แต่ไม่สามารถชักดาบมาใช้พร้อมกันได้ (น่าเสียดายตรงจุดนี้มาก) และตัวดาบจะมีค่าความคงทน ซึ่งเราต้องคอยดูไม่ให้ใช้จนดาบหัก เพราะถ้าหักแล้ว เราไม่สามารถซ่อมได้ ต้องหาดาบเล่มเดียวกันมาซ่อมเท่านั้น
วิธีการซ่อมดาบคือ ในดันเจี้ยนจิไคนั้นจะมีที่ที่เหมือนกับบ่อน้ำเอาไว้ลับดาบอยู่ด้วย วิธ๊การซ่อมดาบมีอยู่สองแบบ คือดาบที่ค่าความคงทนยังไม่หมด กับดาบที่ความคงทนหมดจนหักไปแล้ว แบบแรกคือที่ความคงทนยังไม่หมด เราสามารถซ่อมได้ด้วยการใช้ดาบเล่มใดก็ได้มาซ่อม โดยส่วนมากจะเป็นดาบกาก ๆ ที่ดรอปจากมอนสเตอร์ในจิไคนั่นแหละ ส่วนกรณีดาบหักจะเป็นงานยากมาก เพราะต้องหาดาบเล่มเดียวกัน (ชื่อเดียวกัน) มาซ่อมนั่นเอง ดังนั้นพยายามอย่าใช้จนดาบหัก ถ้าดาบนั้นเป็นดาบเล่มโปรดของคุณ
ดาบแต่ละเล่มยังสามารถอัปเกรดได้ ซึ่งวัตถุดิบอัปเกรดก็สามารถหาได้จากการตีวัตถุในฉาก ดรอปจากมอนสเตอร์ และบอส การอัปเกรดดาบจะมีอยู่สองแบบ คือเพิ่มขีดจำกัดความคงทนของตัวดาบ ทำให้เราใช้งานได้นานมากขึ้น กับการเพิ่มความแรงของดาบ ทำให้ตีแรงขึ้น จัดการศัตรูได้ไวขึ้น ซึ่งว่ากันตามตรงพอถึงเวลาเล่นจริงแล้ว เราก็มักจะอัปเกรดอันนี้เป็นหลักอยู่แล้ว
ที่สำคัญคือเกมนี้มีระบบเลเวลเข้ามาเสริมด้วย โดยแบ่งเป็นเลเวลตัวละคร และเลเวลดาบ แต่การอัปเลเวลของเราจะเกิดขึ้นในดันเจี้ยนจิไคเท่านั้น เมื่อเรากำจัดมอนสเตอร์ เราจะได้รับ Orb ที่เหมือนกับลูกแก้วลำแสง ซึ่งจะทำให้เราได้ EXP ของทั้งตัวละครและดาบ ถ้าตัวละครเราเลเวลอัป สิ่งที่จะได้คือ Max HP และ Max Vitality ที่เป็นเหมือนกับค่า Stamina ใช้ในการวิ่ง และการต่อสู้ และทุกครั้งที่เลเวลอัป มันจะเป็นการฟื้นคืนพลังชีวิตและพลังงานมาให้จนเต็มหลอด และทำให้เรารับดาเมจจากการต่อสู้ได้ดีมากขึ้น เพราะความแรงไปอยู่ที่ตัวดาบแล้ว
นอกจากนั้นสกิลประจำดาบก็ยังมีส่วนช่วยให้เราเล่นได้ง่ายขึ้นมาก เพราะมันจะเป็นการบูสท์ดาเมจให้สูงขึ้น ทั้งยังมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ ทำให้ระยะการโจมตีไกลขึ้นมาก แนะนำว่าเก็บสกิลประจำดาบไว้ใช้ตอนที่เจอกับศัตรูประเภทบอสดีกว่า
ความโหดร้ายของเกมนี้คือ ดันเจี้ยนจิไคนั้น จากที่ลองเล่นไปตอนนี้ มีความยาวอยู่ที่ 20 ชั้น พอจบแล้วก็จะกลับออกมาด้านนอกโดยอัตโนมัติ แต่ปัญหาอยู่ที่ความยากของมันแบบก้าวกระโดดในทุก หรือบางทีก็อาจจะไปเจอประตูลับที่พาไปเจอดันเจี้ยนจิไคอีกระดับที่มอนสเตอร์จะได้รับบัฟความโหดขึ้นมาอีก ถ้าเราอัปเกรดดาบมาไม่ดีพอ ก็จะเป็นงานยากเลย เพราะศัตรูจะมีพลังชีวิตสูงขึ้น แถมตีเราแรงขึ้นอีกต่างหาก และถ้าคุณพลาดท่าตายขึ้นมา ทั้งไอเทม ทั้งดาบ และของติดตัวคุณทั้งหมดก็จะหลุดออกจากตัวไปเลย
แต่มันยังใช้ระบบแบบเกมตระกูล Souls นั่นคือ คุณมีโอกาส 1 ครั้งในการกลับเข้าไปยังดันเจี้ยนจิไค ไปยังชั้นเดิม และศัตรูตัวเดิม เพื่อสังหารได้ก็๗ะได้รับไอเทมและเงินของเราคืนมา และถ้าหากคุณพลาดท่าตายไปอีกรอบ ของคุณก็จะหายไปเลย แต่ก็ยังไม่หายถาวรอยู่ดี เพราะระหว่างการเล่น คุณมีโอกาสจะเจอประตูลับที่จะพาไปพบกับ Hidden Village หรือหมู่บ้านลึกลับ ที่เป็นหมู่บ้านปีศาจที่เป็นมิตรกับมนุษย์ โดยจะมีปีศาจตัวนึง ขายของที่คุณทำหายไป (หรือก็คือพลาดท่าตายไปนั่นแหละ) คืนไปได้ด้วย
ต่อมาอีกวิธีการหาเงินคือการส่งดาบไปยังขุมกำลังใหญ่ทั้งสาม ซึ่งเราเลือกได้ด้วยว่านอกจากจะส่งดาบตามคำสั่งแล้ว ยังจะส่งไอเทมอื่นผูกมิตรไปได้ด้วย เช่นเห็ดฟื้นพลัง ไอเทมหายากที่ดรอปจากดันเจี้ยนจิไค แต่ผู้เขียนลองส่งไปเป็นจำนวนมาก ก็ยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นใด ๆ เลย บางอย่างเก็บไว้ใช้เองยังมีประโยชน์กว่าซะอย่างนั้น ดังนั้น การส่งดาบไปตามคำสั่งจึงเป็นอีกวิธีหาเงินที่ดีที่สุดเช่นกัน แต่นอกจากนั้นระบบนี้ก็ดูว่างเปล่า ไม่ค่อยมีอะไรนัก
จากที่อ่านมา เหมือนว่าคอนเทนต์เกมจะเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว พอคุณเล่นไปซักพักคุณจะสัมผัสได้ถึงความซ้ำซากจำเจขั้นสุด แถมระบบเกมที่เหมือนจะดี แต่ก็ต้องมานั่งห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องความคงทนของดาบ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอัปเกรดดาบมาดีมาก แต่เผลอใช้จนดาบหัก การจะหาดาบที่เหมือนกันมาซ่อมนั้นยากมาก หรือบางทีไม่ใช่คุณหาที่ซ่อมดาบไม่ทัน แต่ศัตรูก็มาเยอะเกินจนคุณไม่มีทางซ่อมดาบได้ทันเลย มันเกิดเป็นช่องโหว่ของตัวเกม ทำให้การเล่นยากขึ้นกว่าปกติมาก
นอกจากนั้นตัวเกมยังเน้นการ Griding ขั้นสูงมาก มากชนิดที่ว่าคุณอาจจะเบื่อจนเลิกเล่นเกมนี้ไปก่อนเลยก็ได้ เพราะกว่าคุณจะหาดาบ หาวัตถุดิบมาอัปเกรด แต่ต้องมาคอยซ่อมแซมไม่ให้มันหักอีก มันเลยทำให้เกมบางช่วงน่าเบื่อจนพาลยุ่งยากไปเลยก็มี ดังนั้นก่อนซื้อเกมนี้ คุณต้องมั่นใจว่าคุณสนุกกับการเล่นฉากเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าคุณจะพอใจนั่นแหละ
Performance
พูดได้เต็มปากว่านี่น่าจะเป็นเกมที่ Optimize มาได้ดีมาก ๆ เกมนึง จากประสบการณ์เล่นเกินสิบชั่วโมงขึ้น แทบไม่เจอบัค หรือปัญหาอาการเกมล่ม แครช หรืออาการทั่วไปที่เกมปกติจะเจอแต่อย่างใด ส่วนเรื่องปัญหาเฟรมเรทก็หายห่วง เพราะเกมใช้กราฟิกแบบลายเส้นการ์ตูนนิด ๆ อยู่แล้ว คอมพิวเตอร์ทั่วไป สเปคกลาง ๆ ก็เล่นได้สบาย ๆ แต่บางช่วงมีเอฟเฟคท์ที่ค่อนข้างอลังการ คอมใครสเปคต่ำ ๆ ก็ระวังอาการเฟรมเรทตกไว้ก็ดี
ในเรื่องของการควบคุมก็ไม่ค่อยยาก ไม่ว่าจะใช้คีย์บอร์ดหรือจอยคอนโทรลเลอร์ก็สามารถควบคุมได้ลื่นไหลไม่ต่างกันมาก ซึ่งอยู่ที่ว่าความถนัดของแต่ละคนด้วย บางคนอาจใช้จอยคอนโทรลเลอร์ถนัดกว่า บางคนอาจใช้เมาสคีย์บอร์ดถนัดกว่า
แม้จะเป็นเกมสปินออฟภาคแยก แต่คอนเทนต์เกมก็มีมากพอในราคา 340 บาท น่าเสียดายตรงแม้จะใส่คอนเทนต์มาเยอะ แต่บางส่วนกลับเป็นความกลวง และไม่รู้ว่าจะใส่เข้ามาทำไมจริง ๆ ถ้าตัดความหลากหลายของคอนเทนต์ ไปโฟกัสสิ่งสำคัญในด้านเกมเพลย์การเล่น เกมอาจจะออกมาดีกว่านี้ก็เป็นได้ สำหรับแฟนเกมที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของซีรีส์ A Way of the Samurai แนะนำว่าไปหาเกมแนวนี้ แต่เป็นเกมอื่นเล่นจะดีกว่า