สยองกว่าเดิม เสียวไส้กว่าเดิม Whistleblower DLC แรกของ Outlast จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในรีวิวนี้
หมายเหตุ: สำหรับรีวิวนี้ ผมไม่ทำเป็นวิดีโอนะครับ เนื่องจากความเป็น DLC ของมัน ทำให้เกมมีเนื้อหาไม่มากพอ และไม่คุ้มกับการทำเป็นวิดีโอ ต้องขออภัยด้วยครับ
ใน Whistleblower ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Wayland Park ( เวย์แลนด์ พาร์ค ) วิศวกรซอฟท์แวร์ ที่พึ่งเข้าทำงานให้กับบริษัท Murkoff ได้เพียง 2 สัปดาห์ ณ สถาบัน Mount Massive Asylum เวย์แลนด์ ไม่สามารถทนดูการทดลองอันไร้มนุษยธรรมของ Murkoff ได้อีกต่อไป เขาจึงส่งอีเมลล์ ไปหานักข่าวผู้หนึ่ง ให้เข้ามาเปิดโปงเรื่องราวสกปรก ณ ที่แห่งนี้ นักข่าวผู้นั้น ก็คือ Miles Upshur ( ไมล์ส อัพส์เช่อ ) ตัวเอกในภาคหลักนั่นเอง แต่แล้วเขากลับถูกจับได้ ว่าทำการปล่อยความลับให้รั่วไหล เวย์แลนด์ ถูก Murkoff จับกุม และนำไปเป็นตัวทดลองในโครงการสุดโหดนี้ การหนีตายสุดระทึกของ เวย์แลนด์ พาร์ค ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
Whistleblower จะเป็นเรื่องราวคู่ขนานกันกับภาคแรก โดยเราจะได้เห็นจุดเริ่มต้น ของเหตุโกลาหลในสถาบัน Mount Massive Asylum และอีกมุมหนึ่ง ของสถานที่แห่งนี้ ที่ไม่ได้อยู่ในเกมภาคหลัก แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือการเพิ่มศัตรูหน้าใหม่ อันมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ทั้งน่ากลัว และน่าสยดสยองยิ่งกว่าที่เราได้เห็นจากในภาคหลักเสียอีก ในบางฉาก ที่มีการโชว์ความโหดเลือดสาด แม้ผมจะเคยเล่นเกมแนวโหดๆ รุนแรงๆ มาตลอดชีวิต แต่ Whistleblower ก็ยังทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอ้วกได้ ต้องบอกเลยว่า DLC ตัวนี้ ได้ยกเอาความโรคจิต วิปริต เท่าที่ทีมพัฒนาเกมนี้จะคิดได้มาเลยล่ะครับ
Whistleblower ใช้เวลาในการเล่นไม่มากมาย เพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก็เพียงพอแล้วในการจบเกม แต่ความโหดร้าย น่ากลัว อาจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันยาวนาน และอยากให้มันรีบๆ จบลงเสียที ( ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ.. ให้ตายซิ ) เกมการเล่นใน Whistleblower ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากภาคหลัก เรายังคงต้องวิ่งหนีศัตรู หลบซ่อน และหากุญแจหรือสับสวิทช์ เพื่อหาทางไปต่อ ซึ่งก็ยังคงความซ้ำซากน่าเบื่อจากเกมภาคหลัก แต่การไล่ล่าที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ก็ยังสร้างความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี จะมีก็แต่ความไม่สมเหตุสมผลในบางครั้ง ที่ผู้ไล่ล่าของเราหยุดตามล่า แค่เพราะเราวิ่งผ่านไปยังอีกห้องนึงเฉยๆ
รีวิวนี้อาจจะสั้นไปซักหน่อย เพราะอย่างที่บอกครับ DLC ตัวนี้ มีความยาวแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับแฟนๆ Outlast ที่เคยเล่นภาคแรกจบมาแล้ว ผมก็แนะนำให้ลองซื้อ Whistleblower มาเล่นกันดูครับ เพราะมันจะเติมเต็มจุดเริ่มต้น และจุดจบ ในโลกของ Outlast ได้อย่างสมบูรณ์ครับ ( เอ.. จบแล้วรึเปล่าน้า ? )
