เหล้าเก่าในขวดใหม่ แก่เกินที่จะเล่น
Sonic Mania ได้เริ่มอัพเกมเป็นเวอร์ชั่น v1.05.0713 ที่เป็นอัปเกรตจากเกมดั้งเดิมที่วางจำหน่ายในปี 2017 ให้มีเนื้อหาที่มากขึ้น ออกแบบ UI ใหม่ ปรับสมดุล และเพิ่มโหมดการเล่น Encore Mode ซึ่งเป็นเนื้อหาพิเศษ ที่จะมาในรูปแบบที่ผู้เล่นจะต้องซื้อในราคา 4.99 เหรียญสหรัฐฯ และจะอัพเป็น Sonic Mania Plus ในที่สุด
ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าอยากเติมเต็มประสบการณ์ในการเล่นเวอร์ชั่น Plus คุณจะต้องซื้อเนื้อหาตัวนี้ด้วย แต่จะคุ้มค่าที่เสียเงินหรือไม่ เราจะมาเจาะรีวิวเกม Sonic Mania Plus กันครับ
Sonic Mania คืออะไร ? (ฉบับย่อ)
เกม Sonic Mania เป็นเกมแนว Platform ที่นำพัฒนามาจากเกมคลาสสิกอย่าง Sonic The Hedgehog ในเครื่องคอนโซล Sega Genesis ให้มาโลดแล่นอีกครั้งในเวอร์ชั่น PC, PlayStation 4 และ Xbox One ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเกมที่เคารพต้นฉบับเกม เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแอนิเมชั่น, ปรับปรุง Soundtrack, เพิ่มมินิเกมพิเศษให้กลับมาเล่นอีกครั้งอย่าง Sonic R, Dr Robotnik’s Mean Bean Machine และ Blue Sphere และอื่น ๆ อีกมากมาย
Sonic Mania มีผู้จัดจำหน่ายโดย Sega ก็จริง แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากทุกภาค ก็คือ ทีมผู้พัฒนาในภาคนี้เป็น Christian Whitehead, Headcannon และ PagodaWest Games ซึ่งทีมงานนี้ได้ประกาศตนว่าเป็นแฟน ๆ เกม Sonic เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงต้องการให้เกมยังคงมีอารมณ์แบบยุค ’90 ไว้ นั้นก็หมายความเป็นที่พัฒนาจากแฟนเพื่อแฟนอย่างแท้จริง (Made by Fans for Fans)
Sonic Mania ได้มีกระแสวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยมระดับตำนานอยู่แล้วพัฒนาให้มันดีกว่าเดิม แล้วยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ เจ้าสำนักจึงยกให้เป็นเกม Sonic ที่ดีที่สุดในตอนนี้ หลังจากภาคที่ผ่านได้สร้างความผิดหวังมาโดยตลอด
เพิ่มอะไรเข้ามาบ้างสำหรับ Sonic Mania Plus
เนื้อหาที่เพิ่มเข้าสิ่งที่ทุกคนสนใจมากที่สุดก็คือ Encore Mode ที่จะเป็นเนื้อเรื่องที่ต่อจากเกม Sonic Forces ที่จะนำเสนอตัวละครในภาคดังกล่าวได้กลับมาเล่นอีกครั้งใน Sonic Mania ที่คุณจะต้องกำจัดศัตรูอันชั่วร้ายของ Robotnik Empire ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
เนื้อเรื่องของเกมในโหมด Encore ก็ยังคงเบสิคไม่ต่างจาก Mania Mode แม้ว่าเนื้อเรื่องจะเชื่อมต่อจากเกม Sonic Forces ที่อาจจะทำให้ผู้เล่นสับสนบางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียอรรถรสแต่อย่างใด เพราะว่าสำหรับเกมนี้แล้วต่อให้มีเนื้อเรื่องก็รู้สึกว่าเหมือนไม่มีอยู่ดี เนื่องจากไม่มีเสียงพากย์, ไม่มีฉาก Cutscreen อารมณ์เหมือนกับเกม Platform คลาสสิกอย่าง Contra, Mega Max ในภาคเก่าที่จะไม่มีการเล่าเรื่องเลย ยกเว้นตอนจบที่จะมีฉากพิเศษ ซึ่งถ้าคุณอยากรู้เนื้อเรื่อง หรือประวัติตัวละครล่ะก็ คุณไปนั่งอ่านคู่มือตามเว็บ Wikia กันเอาเอง
สำหรับเกมเพลย์ Encore Mode จะมีการเพิ่มตัวละครใหม่สองตัวจาก Sonic Forces เช่น Mighty the Armadillo ที่มีความสามารถในด้านป้องกันด้านหลังเป็นกระดองแข็ง และชาร์ททะลุศัตรูอย่างรวดเร็วได้ และ Ray the Flying Squirrel กระรอกตัวน้อยที่มีความสามารถบินจากที่สูงได้
ที่เหลือก็ยังคงคล้ายกับ Sonic Mania ไว้ดั้งเดิม ที่จะต้องไปให้ถึงจุดหมายซึ่งทุกท้าย Stage จะพบกับบอสต่าง ๆ เพื่อที่จะผ่านไปสู่ด่านต่อไป แต่จะมีการเพิ่มฟีเจอร์เสริมอย่างการสลับตัวเพื่อนร่วมทางได้ ซึ่งถึงแม้ว่าฉากเซตติ้งพื้นหลังจะยังคงเหมือนเดิมที่อาจจะมีเปลี่ยนช่วงเวลา แต่การออกแบบแผนที่ของ Encore Mode จะมีการดัดแปลงบางส่วนหรือทำใหม่ทั้งหมดที่ยังคงออกแบบได้อย่างชาญฉลาด ซับซ้อนเหมือนกับภาคหลักที่มีความอิสระและมีความท้าทายไปในตัว
Bonus Stage หรือมินิเกมที่เก็บได้จากเหรียญวงใหญ่ได้เพิ่มเข้ามา คือ Pinball โดยจะกฎการเล่นคล้ายกับพินบอลทั่วไป ซึ่งมันก็เล่นสนุกเพลิน ๆ ไม่ซีเรียส และ Competition mode หรือโหมดเล่นกับเพื่อน ได้ขยายเดิมจาก P2 เป็น P4 โดยจะเป็นการแบ่ง Split Screen แบบสี่ช่อง แนะนำว่าถ้าจะเล่นสี่คน ต้องมั่นใจว่าทีวีใหญ่พอเพื่อที่ให้ทุกคนสามารถเล่นได้โดยไม่สับสน หรือปวดตาจากการแบ่งหน้าจอที่เล็กลงมากกว่าเดิม (ซึ่งผมก็แนะนำว่าให้เป็นทีวีระดับ 2K ขึ้นไป)
ตัวเกมสำหรับ Encore Mode ทั้งหมดจะมีความยาวประมาณ 2-3 ชม. ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเล่นได้เก่งขนาดไหน แต่ที่แน่ ๆ สำหรับคนที่เพิ่งเข้าซีรี่ส์นี้เป็นครั้งแรก ไม่เคยเล่น Sonic มาก่อน อย่าให้แท็ก “Casual” หลอกคุณโดยเด็ดขาด เพราะเกมนี้จะเป็นเกมที่ทำคุณตายและพลาดบ่อย ๆ มาก เนื่องจาก Sonic จะไม่มีเหมือนกับเกม Platform อื่น ๆ อาศัยการวางแผน แต่จะเป็นเรื่องไหวพริบจับความเร็วแทน
ซึ่งสำหรับเกม 2D Platformer เป็นสิ่งที่ยากมากที่คาดเดาวัตถุข้างหน้า ผู้เขียนหัวร้อนที่อยู่ที่ Stage เดิมอยู่ประมาณ 30 นาที จากการตกบ้าง เร็วเกินไปบ้าง ไม่สมู้ทเลยซักนิดเดียว จนผมรู้สึกเล่นเกมแล้วรู้สึกเครียดกับมันมากกว่าสนุกกับมัน (จะว่าผม Noob ก็ได้)
ซึ่งในจุดนั้นเป็นเอกลักษณ์ของเกมสไตล์อาร์เขตคลาสสิก ที่ในการเล่นครั้งแรกคุณจะไม่รู้อะไรเลยว่าจะต้องพบเจออะไรบ้าง ด้วยเนื้อหาการสอนผู้เล่น หรือไม่มีการใจดีบอกจุดอ่อนเหมือนในเกมปัจจุบัน นั้นก็ส่งผลให้ผู้เล่นจะต้องศึกษาด้วยตนเองในเรื่องการจำ เทคนิคต่าง ๆ จากการเล่นแบบไม่รู้จบจนกว่าจะเกิดการเสพติด เกิดการแข่งขันจับเวลาด้วยตัวเองจนกลายเป็นชำนาญเกมนี้ในที่สุด และนั้นก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่ง Platformer คลาสสิกที่ทุกวันเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ยังชื่นชอบอยู่จนถึงทุกวันนี้
สรุปคุ้มไหมกับการการอัปเดตเป็น “Plus” ?
สำหรับคนครอบครองเกม Sonic Mania อยู่แล้ว คุณสามารถอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่น Plus โดยการซื้อ DLC – Encore Mode ในราคา 4.99 USD (ราคาไทย 129 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่จ่ายน้อยมาก ๆ สำหรับปริมาณเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามา
ในขณะที่ตัวเนื้อเสริมรู้สึกคุ้มค่า แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นแล้วต้องการครอบครอง Sonic Mania Plus ในรูปแบบกล่อง Physical สำหรับ PS4, Xbox One และ Nintendo Switch จะขายราคาไทยอยู่ที่ 1,090 บาทไทย และราคา 1,690 บาท สำหรับ Limited Edition โดยประกอบไปด้วยหนังสืออาร์ท 32 หน้า และปกเกมในรูปแบบ Sega Genesis โดยเวอร์ชั่น PC จะไม่มี Sonic Mania Plus ต้องบังคับซื้อ DLC เท่านั้น
สำหรับผู้เล่นทั่วไปที่อยากจะสัมผัสเกมคลาสสิกของ Sonic ต้องบอกว่า “แพง” ถึงแม้ว่าเกมจะเต็มไปด้วยความสนุก ความท้าทาย ความคลาสสิกที่เต็มไปด้วยคุณภาพ แต่สำหรับเนื้อหาโดยรวมแล้ว ยังไม่สมกับราคาเท่าไหร่นัก เพราะยังไงก็ยังมีเกมอินดี้แนว Platformer หลายเกมที่ยังคงสนุกแต่มีราคาที่ถูกกว่านี้
ผมจึงแนะนำว่า “รอลด” ดีกว่า สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะซื้อหรือไม่ แต่คนที่ชอบการเล่นซ้ำ ๆ ชอบความท้าทาย อยากจะสัมผัสถึงยุค ’90 อยากจะสัมผัสเกม Sonic ที่ดีที่สุด ผมแนะนำว่า Sonic Mania Plus เป็นทางเลือกที่ดีมาก