DLC สานต่อเนื้อเรื่องของ Watch Dogs ซึ่งงวดนี้พาผู้เล่นไปสวมบทบาทเป็น Hacker ระดับตำนานอย่างนาย T-Bone สนุกหรือเปล่า คุ้มค่าหรือไม่ มีอะไรใหม่ให้ได้เล่น ไปเจาะลึกกันในรีวิวนี้เลย
ก็ถือได้ว่าเป็นเวลาหลายเดือนแล้วหลังตัวเกม Watch Dogs ภาคหลักออกวางจำหน่ายซึ่งหลายๆคนก็คงจะเล่นจบกันไปแล้ว (และก็คงมีอีกหลายท่านที่อาจจะยังไม่ได้เล่น) และหลังปล่อยให้แฟนๆรอคอยกันมานานในที่สุด Ubisoft ก็ได้ทำการปล่อย DLC เนื้อเรื่องตัวแรกของเกมออกมาในชื่อ Badblood พร้อมกับพาเราไปรับบทเป็นตัวเอกคนใหม่ งานนี้มีอะไรแปลกไปบ้างใน DLC ตัวนี้ลองไปชมกันได้เลย
สำหรับเนื้อหาใน Badblood นั้นเราจะได้รับบทเป็น Kenny Raymond หรือ T-Bone ยอด Hacker ระดับตำนานผู้คิดค้นระบบ ctOS และสหายของ Aiden พระเอกจากเกมภาคหลัก เนื้อเรื่องในเกมจะเล่าเรื่องราวหลังจากตัวเกมภาคหลักได้จบลง T-Bone กำลังจะหลบหนีบริษัท Blume ออกจากเมือง Chicago ไป แต่แล้วเมื่อเพื่อนเก่าอย่าง Tobias ถูกตามล่าโดยกลุ่ม Blume เช่นกัน T-Bone จึงต้องกลับมาลุยอีกครั้งใน DLC นี้
โดยในส่วนของภารกิจหลักนั้น Badblood จะมีให้เล่นด้วยกันทั้งหมด 10 ภารกิจโดยทั้ง 10 ภารกิจก็จะเป็นเรื่องราวการต่อสู้ไล่ล่ากันระหว่าง T-Bone และ Blume ซึ่งเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ เรียกได้ว่ายังคงจุดอ่อนสำคัญของภาคหลักไว้เช่นเดิม เพราะเนื้อหาไม่ได้บีบคั้นหรือชวนให้ติดตามสักเท่าไหร่
แต่ส่วนที่ต้องขอชมก็คือตัวละครหลักอย่าง T-Bone นั้นถือได้ว่ามีบทพูดและบุคลิกที่น่าสนใจ แตกต่างจากพี่เครียด Aiden ที่เข้มตั้งแต่ต้นจนจบเกม และบทของ T-Bone กับ Tobias ก็มีฉากฮาๆซึ่งเป็นอารมณ์ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นนักจากตัวเกมภาคหลักครับ
ก็ยังยกมาจากภาคหลักเหมือนเดิมทุกๆอย่าง การเคลื่อนไหว การยิงปืน การ Hack ใช้ความสามารถต่างๆเรียกได้ว่า Aiden ทำอะไรได้เฮีย T-Bone แกก็ทำได้หมดเหมือนกัน แต่ T-Bone นั้นมีของเล่นและความสามารถพิเศษบางอย่างที่แตกต่างไปจาก Aiden อย่างเช่น Animation การ Takedown ศัตรูก็จะเป็นการใช้ประแจยักษ์ร่วมกับเครื่องช็อตไฟฟ้า T-Bone ยังมีอุปกรณ์ใหม่อย่างรถบังคับวิทยุซึ่งมีความสามารถในการช็อตศัตรู ซึ่งเมื่อผ่านการอัพเกรดยังสามารถส่งเสียงล่อหลอกศัตรู หรือกลายเป็นระเบิดเคลือนที่ตรงดิ่งไปหาเป้าหมายก็ได้เช่นกัน
การเล่นในส่วนของ Open World นั้นก็ยังคงเดิมครับตัวเกมเปิดโอกาสให้คุณเดินไปเดินมาในเมือง Chicago ได้เหมือนเดิม ซึ่งใน DLC นี้ก็ได้ใส่ Mission เสริมรูปแบบใหม่ๆมาให้ได้เล่นกันอีกด้วย
ภารกิจรองของ T-Bone นั้นจะมาในรูปแบบของการออกจัดการกับเหล่าแก๊งค์ต่างๆภายในเกม โดยตัวเกมเรียกว่า Street Sweep โดยผู้เล่นต้องเข้าไปในพื้นที่เป้าหมาย และจัดการกับภารกิจที่ได้รับมอบมาซึ่งก็มีทั้ง Hack ข้อมูลจาก Computer ระเบิดลังสินค้า หรือจัดการกับศัตรูตัวที่กำหนด การทำ Street Sweep แต่ล่ะครั้งจะทำให้ผู้เล่นได้รับ Street Token ซึ่งนำไปใช้ปลดล็อค Skill พิเศษใหม่ๆของ T-Bone ซึ่งไม่ได้มาจากการเพิ่ม Level โดยปกติ รวมไปถึงนำไปใช้ปลดล็อคชุดใหม่ๆของ T-Bone อีกด้วย
ที่พิเศษที่สุดก็คือเจ้าภารกิจแบบ Street Sweep นี้รองรับการเล่นแบบ Coop โดยคุณสามารถเลือกเล่นกับเพื่อนหรือคนแปลกหน้าบน Internet ได้ตามต้องการ (แต่พวกคุณทั้งคู่ต้องมี DLC Badblood อยู่) ซึ่งในระหว่างการเล่นแบบ Coop ถ้าเกิดคุณพลาดท่าโดนยิงตายขึ้นมาก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะตัวเกมจะ Respawn หรือฟื้นคืนชีพผู้เล่นที่ถูกยิงตายขึ้นมาโดยอัติโนมัติ (แต่ก็ถูกปรับแต้มไป)
ซึ่งการเล่นแบบ Coop นี้ก็นำความสนุกมาให้เกมพอดูครับถึงแม้ Mission Street Sweep จะค่อนข้างซ้ำซากพอสมควร แต่การได้ร่วมมือกับผู้เล่นคนอื่นในการต่อสู้กับเหล่าร้ายภายในเกม Watch Dogs ก็น่าจะเป็นความฝันของใครหลายๆคน ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผมแปลกใจว่ามันควรจะเป็นโหมดที่มีมาให้ในเกมภาคหลัก ไม่ใช่ถูกพัฒนามาขายแยกทีหลังแบบนี้
นอกจาก Mission แบบ Street Sweep (ซึ่งคุณสามารถเล่นซ้ำไปซ้ำมาได้ไม่จำกัด) ตัวเกมก็ยังมาพร้อมกับ Mission เสริมอื่นๆอีก เช่น Mission ซิ่งรถที่ถูกขนมาถึง 29 Mission และมีรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเกมภาคหลัก ซึ่งก็มีทั้งการปกป้องรถเป้าหมาย การรักษาความเร็วให้อยู่ในระยะที่กำหนดและวิ่งไปให้สุดเส้นทาง หรือการตามล่ารถเป้าหมายที่สามารถใช้ความสามารถในการ Hack ขัดขวางคุณได้ ซึ่งภารกิจรูปแบบใหม่เหล่านี้ไม่มีให้เห็นในเกมภาคหลักและก็เล่นสนุกในระดับนึงสำหรับแฟนเกม Watch Dogs
นอกจากนั้นตัวเกมยังมี Mission เสริมอีกสองแบบ ซึ่งเป็นภารกิจรองชุดสั้นๆ โดยอันนึงเป็นการตามช่วยเหลือปกปิดร่องรอยให้ Aiden ตัวเอกจากภาคหลัก และอีกอันเป็นเรื่องราวของเหล่ากลุ่ม Hacker DedSec ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญมากมายครับแต่หากคุณเป็นแฟนเดนตาย Watch Dogs หรือสนใจเนื้อเรื่อง (นิดๆ) ที่เกิดขึ้นหลังเกมภาคหลัก ภารกิจพวกนี้ก็ถือว่าเข้ามาทำให้หายคิดถึงเหล่าตัวละครต่างๆในเกมได้ในระดับหนึ่ง
อีกส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน DLC นี้ก็คือฉากใหม่ๆภายในเมือง ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่ฉาก ส่วนใหญ่คุณก็จะวนเวียนอยู่กับสถานที่เก่าๆที่คุณผ่านตามาแล้วในตัวเกมหลักนั่นแหละ
สรุปได้ว่า Badblood เป็นการยกตัวเกมชุดเก่ามาเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆเข้าไป คุณก็จะยังคงวิ่งตลุยไปทั่วเมือง ทำภารกิจ ยิงเหล่าร้าย ถึงตัว DLC จะมีไอเดียหลายอย่างที่น่าสนใจ และก็ใส่ลูกเล่นใหม่ๆเข้ามาในระดับนึง แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นแฟนตัวจริงของ Watch Dogs สิ่งต่างๆที่เพิ่มมาเหล่านี้ก็คงไม่คุ้มค่าพอที่จะให้คุณหา DLC ตัวนี้มาเล่น ฺ Badblood เหมาะสำหรับแฟนเกมที่เล่นตัวเกมภาคหลักจนคุ้มค่าหมดแล้ว และหวนคิดถึงการกลับไปเดินเล่นในชิคาโกอีกครั้ง ถ้าคุณรู้สึกเต็มอิ่มกับ Watch Dogs อยู่แล้วก็แทบไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องไปหา Badblood มาสัมผัสครับ
ถือว่าคุ้มค่าถ้าคุณเป็นแฟน(ตัวจริง)ของ Watch Dogs แต่ถ้าไม่ใช่ก็มองข้ามไปได้เลยครับ
– Jokeboy