ภารกิจล่าล้างบางทรชนที่เหล่าเกมเมอร์รอคอยในที่สุดก็ถึงเวลาออกวางจำหน่าย แต่จะเป็นไปตามความหวังของเหล่าเกมเมอร์ที่คาดคิดกันไว้หรือไม่ ติดตามกันในรีวิว Watch Dogs
งาน E3 ปี 2012 Watch Dogs เปิดตัวครั้งแรกและทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกต้องตะลึงกับภาพอันงดงามและรูปแบบการเล่นที่ดูเร้าใจสดใหม่ ท่ามกลางกระแสเกมรายปีชื่อดังที่ถล่มกันออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในช่วงรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนผ่านของเครื่องเกมจากยุคเก่ามาสู่ยุคใหม่ Watch Dogs ถูกยกให้เป็นเกม Next Gen “ที่แท้จริง” เกมแรก แน่นอนว่าเกมเมอร์ทั้งหลายต่างเฝ้ารอที่จะได้สัมผัสกับตัวเกมแบบจริงๆ และในที่สุด 2 ปีหลังการเปิดตัวและ 5 ปีหลังการพัฒนา Watch Dogs ก็มาถึงมือพวกเรา…มันแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ ความหวังในฐานะเกมที่ถูกเลือก Watch Dogs ทำได้สำเร็จหรือไม่ หรือเกมเมอร์ทั้งหลายจะต้องผิดหวังอีกครั้ง คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุุณหวังอะไรกับเกมที่มีชื่อว่า Watch Dogs เกมนี้
The Vigilante
เรื่องราวใน Watch Dogs กล่าวถึงเมือง Chicago ในอนาคตอันใกล้ที่ซึ่งทุกอย่างภายในเมืองเชื่อมโยงกับผ่านระบบ Network ที่มีชื่อว่า ctOS ผู้เล่นรับบท Aiden Pearce Hacker หนุ่มรับจ้างผู้ทำงานโขมยข้อมูลจากเป้าหมาย หลังภารกิจครั้งหนึ่งส่งผลให้ Aiden และคู่หูเข้าถึงข้อมูลลับบางอย่าง ข้อมูลอันตรายที่เจ้าของพร้อมจะทำทุกวิถีทางไม่ให้มันถูกเปิดเผยและเพื่อเป็นการสั่งสอนและขู่ให้ Aiden หวาดกลัว การโจมตีจึงเกิดขึ้นแต่โชคร้ายที่หลานสาวของ Aiden กลับต้องมาจบชีวิต ไฟแค้นผลักดันให้ Aiden ออกตามหาคำตอบและผู้รับผิดชอบซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด
ด้วยพลังจาก the Profiler อุปกรณ์ Smartphone ที่ทำให้เขาเจาะเข้าไปในระบบทุกระบบภายใน ctOS ได้อย่างง่ายดายส่งผลให้ข้อมูลทุกอย่างของคนทุกคนและอุปกรณ์ต่างๆภายในเมืองอยู่ในกำมือของ Aiden และตลอดทั้งเกมคุณก็จะได้ใช้เจ้า Profiler ร่วมกับความสามารถเฉพาะตัวของ Aiden ได้การ วิ่ง ยิง ต่อสู้ ขับรถ ผ่านทุกมุมเมืองของ Chicago
การ Hack ระบบนั้นถือเป็นลูกเล่นที่สนุก ในระหว่างการต่อสู้คุณสามารถ Hack กล้องวงจรปิดภายในฉากเพื่อใช้ Mark ระบุตำแหน่งของศัตรู สามารถ Hack สภาพแวดล้อมต่างๆในฉากเพื่อสร้างที่กำบัง สร้างทางลัด หรือแม้กระทั่งใช้เป็นอาวุธในการระเบิดใส่ศัตรู นอกจากนั้นคุณยังสามารถ Hack ระเบิดของศัตรูไปจนถึงการสร้างคลื่นวิทยุรบกวนหรือส่ง Message ไปหลอกล่อศัตรู
นอกจากการใช้งานพลังในการ Hack ระหว่างการต่อสู้แล้ว คุณยังสามารถใช้มันในระหว่างการหลบหนีและการเดินทางไปมาภายในเมือง เช่นการ Hack ไฟแดงตามทางแยก Hack แผงกำบัง ประตู เรียกได้ว่าแทบทั้งเมืองนั้นอยู่ในปลายนิ้วของคุณและตลอดทั้งเกมคุณจะรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจตลอดเวลา
Welcome to Chicago
ตัวเกม Watch Dogs นั้นมีรูปแบบเป็นเกม Open World ซึ่งคุณสามารถเลือกเดินทางไปที่ไหนก็ได้ ตัวเกมอัดแน่นไปด้วย Content เนื้อหาต่างๆมากมายทั้งภารกิจหลักและภารกิจรอง รวมไปถึงกิจกรรมเสริมอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการเล่นไผ่ Poker หมากรุก ดวลดื่มเบียร์ ส่วนของภารกิจรองก็มีมากมายหลายประเภทให้ได้ทำเรียกได้ว่ามีให้เลือกเล่นกันไม่หวาดไม่ไหวซึ่งตรงจุดนี้ต้องชื่นชมทีมงานที่อัดแน่นเนื้อหามามากมายขนาดนี้ ความยาวของตัวเกมนั้นกินเวลาราวๆ 11-12 ชั่วโมงสำหรับการทำภารกิจหลักอย่างเดียว และอาจใช้เวลาถึง 30-40 ชั่วโมงสำหรับการนั่งไล่เก็บภารกิจรองและปลดล็อคสิ่งของต่างๆภายในเกม
นอกจากภารกิจต่างๆในเกมยังมีภารกิจเล็กๆซึ่งเป็นการหยุดยั้งเหล่าอาชญกรที่กำลังจะเกิดขึ้นใกล้ๆกับพื้นที่ๆซึ่งคุณอยู่ตรงจุดนี้น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่แล้วก็จะออกมาซ้ำๆกันคือคุณเดินไปยังพื้นที่ซึ่งกำหนดดักรอให้ผู้ร้ายโผล่มาแล้วก็วิ่งออกไปหวดผู้ร้ายให้หมอบเพื่อจัดการ การทำภารกิจและการจัดการกับศัตรูนั้นจะทำให้คุณได้ค่าประสบการณ์เพื่อนำมาปลดล็อค Skill ความสามารถพิเศษต่างๆ
ขณะที่ Chicago นั้นอัดแน่นไปด้วยสภาพแวดล้อมและภารกิจต่างๆมากมายแต่มันกลับยังไม่น่าสนใจเท่าที่ควร เพราะคุณจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยภายในเมืองแห่งนี้นอกจากเดินเล่นไปมาและทำภารกิจต่างๆที่กำหนดไว้ ซึ่งจุดนี่้เรียกได้ว่า Watch Dogs ยังไม่สามารถไปถึงระดับเดียวกับเกมที่ต้องอดถูกนำมาเปรียบไม่ได้อย่างตระกูล GTA คุณไม่สามารถมีปฎิสัมพันธ์อื่นใดกับเหล่า NPC ที่เดินไปเดินมาในเมืองได้นอกจากการดูข้อมูลส่วนตัวหรือ Hack เพื่อแอบฟังการสนทนาโทรศัพท์หรือแอบดูการส่งข้อความซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดีแต่อาจจะผิดหวังสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่อยากไล่กระทืบ NPC เล่นเหมือนในเกม Open World เกมอื่นๆ
ขณะที่การที่ตัวละคร NPC ทุกตัวมีประวัตินั้นช่วยสร้างสีสันให้เกมเป็นอย่างดี มันทำให้เหล่า NPC ภายในเกมดูมีชิวิตจริงแทนที่จะเป็นแค่ตัวประกอบฉากธรรมดาทั่วไป คุณอาจจะได้รับรู้ว่าเจ้าหมอนี่ชอบดูเว็ปโป๊ ลุงคนนั้นกำลังเป็นมะเร็ง หรือ NPC โชคร้ายที่ดันมาขวางทางตอนคุณซิ่งรถทะลุโค้งไปเสยเข้านั้นมีลูกสาวสองคน
ด้วยระบบการ Hack และหลายสิ่งหลายอย่างที่อัดแน่นจนล้นในเกมนั้นทำให้เราสามารถสัมผัสได้ว่าทีมงานตั้งใจสร้างสรรค์ผลักดัน “สิ่งใหม่ๆ” Gameplay และระบบหลักต่างๆของตัวเกมนั้นเรียกได้ว่าถูกสร้างสรรค์มาอย่างดีนำมาซึ่งช่วงเวลาสุดเท่และน่าตื่นตาตื่นใจในหลายๆครั้ง แต่ขณะเดียวกันตัวเกมก็มีข้อเสียที่เด่นชัดโผล่ออกมาให้เห็นในหลายจุด
Everything is Connected
สำหรับรูปแบบการเล่นในโหมด Multiplayer นั้นถูกแบ่งออกเป็นโหมดต่างๆ สำหรับโหมดพื้นฐานนั้นก็ได้แก่การแข่งรถ โหมด Online Decryption ซึ่งผู้เล่น 3-8 คนต้องเข้าต่อสู้กันในพื้นที่ที่กำหนดเพื่อแย่งชิง File ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้ใช้ทั้งรถในการหลบหนีหรือไล่ล่าอีกฝ่าย โหมด Hacking ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณเข้าไปบุกเกมของคนอื่นเพื่อแอบ Hack เข้าไปในโทรศัพท์ของอีกฝ่าย และโหมด Tailing ซึ่งเหมือนกับโหมด Hacking ต่างกันเพียงคุณไม่ต้อง Hack หรือทำอะไรอีกฝ่าย เพียงแค่คอยเดินตามและเฝ้ามองอีกฝ่ายก็พอ
อีกโหมดก็คือ ctOS Mobile challenge ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นซึ่งเล่นบนเครื่องเกมหลักและผู้เล่นที่เล่นจากบน App ใน Mobile โดยผู้เล่นที่เล่นผ่าน App จะทำหน้าที่ควบคุม Helicopter ไล่ล่าผู้เล่นบนเครื่องที่ต้องทำการหลบหนีไปให้สำเร็จ
ซึ่งการเล่นในโหมด Hacking และ Tailing นั้นเชื่อมโยงกับการเล่นในโหมดเล่นคนเดียวเพราะหากคุณเปิด Option ให้ผู้เล่นคนอื่นๆมาบุกคุณได้เอาไว้ ระหว่างการเดินเล่นภายในเมืองหากมีผู้เล่นคนอื่นต่อเข้ามาในเกมของคุณและพยายาม Hack หรือไล่ตามคุณอยู่คุณจะได้รับคำเตือนและต้องรีบค้นหาผู้เล่นคนดังกล่าวและจัดการลงให้สำเร็จโดยเร็ว
โดยส่วนตัวผมเองแล้วคิดว่า Hacking และ Tailing นั้นเป็นโหมดที่เล่นสนุกที่สุดในขณะที่ Racing และ Online Decryptionนั้นยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
นอกจากโหมดทั้งหมดที่ว่ามาแล้วตัวเกมยังมีโหมด Free Roam ซึ่งเปิดให้คุณและเพื่อนๆสูงสุดอีก 7 คน วิ่งเล่นไปมากันได้อย่างอิสระในเกม (และคุณสามารถเปิดตัวเลือกให้ยิงกันเองได้ด้วยภายใน Option ของเกม) ซึ่งเท่าที่ผมลองก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากไปกว่าขับรถเล่น ยิงกันไปยังกันมา
ถ้าจะให้กล่าวโดยสรุปแล้ว Multiplayer ของ Watch Dogs ยังสอบไม่ผ่าน และเทียบไม่ได้เลยกับ GTA V หรือแม้แต่เกมเก่าของค่ายอย่าง Assassin’s Creed ที่ทำออกมาได้ดีกว่า มีแต่โหมด Hacking และ Trailing ซึ่งเชื่อมโยงกับการเล่นเดี่ยวเท่านั้นซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากมายครับ
System Error
มาถึงข้อเสียของตัวเกมกันบ้าง อย่างแรกเลยก็คือหากคุณจะเล่นเกมนี้บน PC ต้องเตรียมใจรับฝันร้ายเอาไว้ได้เลยอย่างแรกก็คือ Uplay ซึ่งสร้างความปวดหัวให้กับเกมเมอร์มาแล้วมากมายหลายคน อย่างที่สองก็คือตัวเกมนั้นกิน Spec เครื่องอย่างหนักและต่อให้มีเครื่องเทพก็ไม่แน่ว่าคุณจะเล่น Watch Dogs ได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าในส่วนของ Performance นั้นตัวเกมสอบตกเลยทีเดียว และขอเตือนสำหรับเกมเมอร์ที่ใช้การ์ดจอจากค่าย AMD ให้ทำใจให้ดีก่อนหาเกมนี้มาเล่น แต่สุดท้ายไม่ว่าคุณจะใช้การ์ดจอค่ายไหนเครื่องแรงเท่าไหร่ตัวเกมก็ยังมีอาการกระตุกให้เห็นเป็นระยะซึ่งในะหว่างที่รีวิวนี้ทาง Ubisoft ก็ได้ออกมายอมรับ และสัญญาว่ากำลังตั้งหน้าตั้งตาปั่น Patch ออกมาปรับปรุงตัวเกมบน PC อยู่
นอกจาก Perfomance ของเกมจะอยู่ในระดับต่ำตมแล้วตัวเกมยังเต็มไปด้วย Bug และรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากมายที่ตกหล่นและยังทำออกมาได้ไม่ดี อย่างระบบฟิสิกส์ AI ของศัตรู (หรือระบบทางรถไฟสุดฮา) และที่ย่ำแย่อีกจุดคือการควบคุมในระหว่างการขับรถที่ไม่เป็นไปดั่งใจ สิ่งต่างๆเหล่านี้แม้จะเหมือนเล็กน้อยแต่ก็ลดความยอดเยี่ยมและทำให้ตัวเกมไปไม่ถึงความสมบูรณ์แบบที่เกมเมอร์หลายคนคาดหวัง
Conclusion
Watch Dogs นั้นมีตัวเกมหลักนั้นทีมีระบบการเล่นที่น่าสนใจ มันพยายามผลักดันสิ่งใหม่ๆหลายอย่าง ระบบการ Hack และการมี “ทั้งเมือง” เป็นของเล่นและอยู่ใต้อำนาจของคุณนั้นสนุกอย่างไม่ต้องสงสัย การหลบหนีการไล่ล่าจากตำรวจาสั่งการไฟจราจรหรือยกสะพานทั้งอันขึ้นเพื่อหนีการไล่ล่า หรือการตัดไฟเมืองทั้งเมือง สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นพลังที่เกมอื่นๆไม่เคยมอบให้กับคุณ อีกทั้งตัวเกมยังอัดแน่นมาด้วยเนื้อหามากมายให้คุณได้สนุกหลายสิบชั่วโมง (ยังไม่รวม Minigame ที่เปลี่ยนรูปแบบการเล่นของเกมไปเลยอีก 5-6 อัน) เรียกได้ว่า Watch Dogs สอบผ่านอย่างแน่นอนในฐานะเกมที่เล่นสนุกและคุ้มค่า แต่หากคุณคาดหวังความยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบในทุกด้าน คาดหวังเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความหวังงานระดับใส่ใจในทุกๆรายละเอียดและกลมกล่อมแล้วล่ะก็ Watch Dogs ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น และ GTA ก็น่าจะยังคงครองตำแหน่งดังกล่าวต่อไปอีกเช่นเดิม
Watcg Dogs นั้นมีทุกอย่างทีเกมที่ดีควรมี มันเล่นสนุก มันนำเสนอไอเดียใหม่ๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจให้เล่นและค้นหา น่าเสียดายที่มันไม่ได้ยอดเยี่ยมไปถึงขั้นที่หลายคนคาดหวัง แต่หากคุณมองหาเกม Open World ที่เล่นสนุก และมีอะไรมากมายให้คุณได้ทำแล้วล่ะก็ชั่วโมงนี้ยังไงผมก็ยังแนะนำให้ลองหา Watch Dogs มาเล่นกันอยู่ดีครับ