โจรปล้นใจประเดิมเวปใหม่ กับรีวิวเกมโคตรเกรียนแห่งศตวรรต ที่คราวนี้ไม่ได้เกรียนแค่ระดับโลก แต่ไปถึงระดับจักรวาลเจ็ดชั้นบรรยากาศป๊อกเก้าสองเด้ง ภาคนี้จะสนุกถึงใจหรือไม่มาลองอ่านด้านในเลย!!
Saints Row IV : เกรียนสาดกู้โลก
รอคอยลอยคอกันมาพอควรสำรหับภาคต่อของเกมสุดเกรียน แก็งค์เด็กหลังซอยชาวสีม่วง 3rd Street Saint ที่งวดนี้ยกระดับขยายสเกลมาสู่ระดับจักรวาล(โลกไม่พอละ) และยังคงความมันส์หลุดโลกไว้ได้เหมือนเคย
*หมายเหตุ* เพื่ออรรถรสที่เพิ่มขึ้นระหว่างอ่านรีวิว กรุณาฟังเพลงนี้ประกอบไปด้วย
http://youtu.be/xhrBDcQq2DM
จริงๆก็ไม่ได้อยากเล่าเนื้อเรื่องหรอกนะ แต่ถ้าไม่เล่า เดี๋ยวคนที่ไม่เคยอ่านเขาจะงงกัน อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ เหตุการณ์ในภาคนี้เกิดขึ้นหลังภาค3 5ปี หลังจากชาวแก็งค์สีม่วงช่วยเหลือโลกด้วยการปราบการก่อการร้ายทั่วโลกจนหมดสิ้น และได้ทำการลงสมัครเลือกตั้งเป็นประธานธิบดีจนได้รับชัยชนะในที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติ โลกก็ถูกรุกรานจากพวกต่างดาวที่เรียกตัวเองว่าชาว Zin ซะก่อน พวกเขาต่อต้านอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพวกมันได้ จนต้องถูกจับไปอยู่ในโลก Simulation บนยานของพวกมัน แต่มีหรือที่เราจะยอม ด้วยความช่วยเหลือจากสาวบ้าคอม Kinzey ทำให้คุณสามารถรอดพ้นจากการควบคุมมาได้ ถึงเวลาเอาคืนกันแล้ว!!
คุณยังคงเป็น The Boss คนเดิม ที่ปรับแต่งได้ทั้งเพศ หน้าตาและอื่นๆอีกมากมายได้ตามใจคุณ
Same City, Different Play
ในโลกเสมือนจริงที่เจ้าพวกต่างดาวขังคุณเอาไว้นั้นเป็นพื้นที่ในเมือง Steelport เช่นเดียวกับภาคที่แล้ว ดังนั้นพื้นที่ต่างๆจะไม่ค่อยแตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ แต่จะเรียกว่าเหมือนเดิมซะทีเดียวก็คงไม่ถูกเท่าไหร่เพราะมีหลายๆอย่างที่เพิ่มเข้ามา เช่นหอคอยต่างๆและอุปกรณ์ไฮเทคของพวกต่างดาวที่มีอยู่ทั่วเมือง ในช่วงแรกของเกมนั้นคุณแทบจะไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย แม้พวกมันจะไม่ค่อยฉลาด แต่ด้วยความโหดสัสของอาวุธและจำนวนที่มาเยอะยังกับสาวๆในช่วงมิทไนท์เซลล์ ถ้าเปรี้ยวตั้งแต่ต้นเกมก็ได้เกิดใหม่รัวๆพร้อมกับเงินในกระเป๋าพร่องเอาๆอย่างแน่นอน
นอกจากลุยในเมืองเสมือนจริงแล้ว ยังมีมินิเกมให้ขับยานอวกาศหลบหนีอีกด้วย
อย่ากระนั้นเลย นี่คือโลกเสมือนจริงนะ!! ด้วยความอัจฉริยะของ Kinzey ทำให้คุณสามารถใช้ช่องโหว่ของระบบ เปิดความสามารถสุดเมพเพื่อมาต่อกรกับพวกต่างดาวโดยเฉพาะ ด้วยการใช้พลังเหนือมนุษย์ต่างๆเฉกเช่นเดียวกับกระทาชายหนึ่งเดียวอย่าง Neo ในหนังไตรภาคระเบิดโลกอย่าง The Matrix ได้ ไม่ว่าจะวิ่งด้วยความเร็วเหนือเสียง ร่อนถลากระโดดสูงข้ามตึกผ่านแม่น้ำได้ไกลเป็นกิโลๆ ด้วยความสามารถเหล่านี้ทำให้ผมลืมไปเลยว่า “เออ มันมีรถกับเครื่องบินให้ขับด้วยนิ อิอิ” แต่ถึงอย่างนั้น ในบางภารกิจ คุณก็ต้องขับรถหรือยานพาหนะอื่นๆอยู่เหมือนเดิม
ลืมไปเลยว่าต้องขับรถ เพราะไหนๆคุณก็เหาะได้แล้ว จะขับรถทำไหมให้เหนื่อย
นอกจากพลังเหาะเหินเดินอากาศแล้ว ยังมีความสามารถอื่นๆอีกเช่นพลังคลื่นแบบต่างๆ ท่ากระทืบถล่มธรณี พลังเคลื่อนย้ายวัตถุ และ Buff พลังโจมตีต่างๆให้สูงขึ้น โดยพลังแต่ละอย่างจะมีแบ่งย่อยออกไปอีกสามแบบ เช่นคลื่นพลังไฟ น้ำแข็ง และควบคุมจิตใจ หรือจะเป็นท่ากระทืบที่มีทั้งแบบถล่ม หรือกระทืบแล้วเกิดเป็นแรงดึงดูดให้ศัตรูที่อยู่รอบๆ และอื่นๆอีกมากมายรอให้คุณเลือกจัดปรับแต่งให้ตรงกับความชอบและสไตล์การเล่นของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย ถือเป็นการหยิบยืมระบบจากเกมอื่นๆมาปรับใช้กับตัวเองได้ดีเยี่ยมทีเดียวครับ
เลือก Skin และลวยลายของอาวุธที่คุณใช้แบบไม่ซ้ำใคร และเปลี่ยนได้เรื่อยๆตลอดทั้งเกม
นอกจากนี้แล้วสรรพาวุธในเกมยังมีความหลากหลายและทรงประสิทธิภาพเช่นเดิม นอกจากจะเลือกอัพเกรดในส่วนต่างๆอย่างความแรงหรือความแม่นยำได้แล้ว ยังสามารถปรับแต่ง Skin และรูปแบบของอาวุธในแบบที่เราชอบได้อีกด้วย
Same Mission, Different Play
สำหรับภารกิจหลักนั้นส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับการช่วยเหลือชาวแก็งค์สีม่วงให้หลุดจากการควบคุมในโลก Simulation เพื่อมาสมทบกับเราในการช่วยโลก(และโดยไม่ต้องสปอยล์ให้เสียจริต สหายเก่ามาดเก๋าอย่าง Johnny Gat ก็กลับมาร่วมวงไพบูลย์กับเราเหมือนเดิม) ซึ่งในหลายๆภารกิจนั้นก็จงใจล้อเกมดังๆทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างหน้าไม่อายเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น Metal Gear Solid ที่เอามาทั้งเสียงเอฟเฟคและกล่องกระดาษอันเป็นเอกลักษณ์ Street of Rage ที่ใครมีอายุสักหน่อยเจอฉากนี้เข้าไปเป็นได้ก๊ากทุกคน(เฮ้ยย กูเคยเล่นๆ อารมณ์นั้น) และมุกตลกต่างๆที่ใส่เข้ามาในแต่ละจุดนั้นค่อนข้างลงตัวและมีกึ๋นมากขึ้น ไม่ได้สักแต่ว่าหยาบโลน(แม้จะมีมุกแป้กบ้างก็ตาม) และที่สำคัญที่สุดคือ แต่ละภารกิจมี Progress การไต่ระดับความสนุกที่มากขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน จนมาถึงฉากสุดท้ายที่ยากและท้าทายฝีมือคนเล่นเป็นอย่างมาก(แม้ในบางจุดจะตะลุมบอนกันจนมั่วมากก็ตาม) นับว่าทาง Volition พัฒนาขึ้นมากที่สามารถปรับปรุงในส่วนนี้จากภาคเก่าได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่ว่าจะเจ้ากล่องกระดาษเดินได้…
เกม Beat ’em up แบบสองมิติ
หรือท่านั่งบัลลังก์อันโคตรคุ้น ใครเล่นเกมหรือดูหนังบ่อยๆนี่ฮากระจายตลอดทั้งเกมแน่นอล~~
ส่วนภารกิจรองจากหน้า Sidequest นั้น ก็จะเป็น Activities ต่างๆเช่น Blazin วิ่งสู้ฟัดฝ่า Checkpoint Mayhem ถล่มทุกอย่างให้พินาศ หรือ M.O.M เกมโชว์รูปแบบใหม่จากสหายเก่า Dr. Genki ที่สร้างสรรค์มากกว่าเดิม จะเล่นให้ผ่านเฉยๆหรือเก็บระดับเหรียญทองเกียรตินิยมไปเลยก็ได้ทั้งนั้น(มีผลกับรางวัลในตอนท้ายกับ Challenge ต่างเพื่อปลดล็อกความสามารถและอาวุธพิเศษต่างๆ) ซึ่งภารกิจเสริมเหล่านี้ไม่ใช่แค่สักแต่ว่าทำอีกต่อไป เพราะทุกๆกิจกรรมที่เราทำสำเร็จจะถูกทบยอดให้กับผลรวมของ Sidequest ในแต่ละอัน เมื่อสำเร็จหมดแล้ว คุณสามารถกลับขึ้นยานแล้วไปรับรางวัลจากเพื่อนๆของคุณได้เลย โดยจะมีทั้งประตูมิติในเขตพื้นที่ต่างๆหรืออาวุธและพลัง Superpower ใหม่ๆ เพิ่มแรงจูงใจให้ทำ Sidequest มากขึ้นอีกมากมายทีเดียวครับ
ถล่ม Hot Spot ด้วยท่าต่อยรัวๆแบบนี้นี่มันคุ้นๆนะนาย…
Game Flow, A bit slip
แม้โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างจะชอบภาคนี้มากก็ตาม แต่ว่าก็ยังมีบางจุดที่น่าตำหนินิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเกมล่มแบบหาสาเหตุไม่ได้อยู่บ้าง(เวลาเล่นทั้งหมด28ชั่วโมง ผมเด้งกลับมาอยู่หน้าจอ Desktop อยู่ประมาณ4-5รอบได้) อนิเมชั่นของตัวละครผิดเพี้ยนจากเดิม(เล่นตัวผู้หญิงแต่อยู่ๆดันเดินท่าผู้ชาย อะไรวะ!!) ฉากในเกมที่ค่อนข้างมืดเกินพอดีในบางเวลา ภารกิจไม่อัพเดทเป้าหมาย และยังมีบอสที่ฆ่ามันไม่ตายซะทีจนกว่าเกมจะตัดเข้าสคริป(ซึ่งนานมากกกกกกก) ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า Patch ล่าสุดได้ทำการแก้ไขไปแล้วรึยัง จนทำให้ผู้เล่นเกมนี้หลายๆคนก่นด่าสาปแช่งกันทั่วโลกเลยทีเดียว
เฮ้ย Matt!! เกมเจ๊งอีกแล้วว่ะ นายมาดูให้หน่อยดิ๊!!
โดยรวมแล้วแม้ Saint Row IV จะไม่ได้ให้ความแปลกใหม่ทางด้านระบบการเล่นหรือนวัตกรรมใหม่ๆให้กับวงการเกมก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่ผมได้รับกลับมาก็คือความสนุก บ้า มัน ฮา และความสะใจที่ได้เล่นนั้นเต็มอิ่มจริงๆ รวมไปถึงยังปูทางสำหรับทำภาคต่อ(หรือ DLC)ได้น่าติดตามอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็แอบกังวลอยู่ว่า ถ้ามันจะมีภาคต่อจริงๆ เกมนี้จะวิ่งไปในทิศทางไหนต่อไปในอนาคต
นั้นเป็นสิ่งที่น่าลุ้นจริงๆ คุณๆว่ามั๊ย?
ข้อดี
– สนุก มัน ฮา ตามสไตล์ Saint Row
– พลังพิเศษที่เสริมเกมการเล่นได้อย่างดี
– ภารกิจเสริมที่ไม่ใช่สักแต่ว่าทำอีกต่อไป
ข้อเสีย
– BUG ที่ทำให้เกมล่มและภารกิจไม่สำเร็จ
– บางภารกิจซ้ำซาก
– เกมมืดจนมองลำบากในบางครั้ง
สรุป
แฟนๆจากภาค3หรือภาคก่อนหน้านี้จะต้องสนุกไปกับ Saints Row ภาคนี้อย่างแน่นอน!!
คะแนน 8/10