Baldur’s Gate 3 ยกระดับมาตรฐานของเกม RPG ให้สูงไปอีกขั้น เป็นผลงานแห่งยุคที่ก้าวขึ้นไปเทียบชั้นกับเกมรุ่นพี่อย่าง Baldur’s Gate สองภาคแรก เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่เราอาจจะไม่ได้เห็นกันอีกนานนับสิบปี
ย้อนเวลากลับไปในช่วงยุคปี 20′ วงการเกม RPG เคยสั่นสะเทือนมาแล้วครั้งหนึ่งกับผลงานที่มีชื่อว่า Baldur’s Gate ตัวเกมสองภาคแรกพาผู้เล่นดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีในจักรวาล Forgotten Realms ของเกมกระดาน Dungeons & Dragons ตัวเกมมาพร้อมกับโลกที่กว้างใหญ่และอัดแน่นด้วยรายละเอียด เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ทางเลือกที่เปิดกว้างและมอบอิสระให้กับผู้เล่น
ตัวเกมสองภาคแรกถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดตลอดกาล และหลายคนก็คิดว่าคงยากที่จะหาเกมไหนมาสานต่อชื่อของ Baldur’s Gate ได้สมศักดิ์ศรี เป็นเวลากว่า 20 ปีมาบัดนี้ทีมงาน Larian Stuiods ขอท้าทายภารกิจที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ และขอพิฆาตมังกรที่แฟนเกม RPG เชื่อว่าจะไม่มีใครโค่นลง นั่นคือสัญญาณการกลับมาของ Baldur’s Gate 3
หลังพัฒนายาวนานกว่า 6 ปี อยู่ในช่วง Early Access ถึง 3 ปีเต็ม ผ่านการขัดเกลาปรับปรุงจนถึงขีดสุดมาวันนี้ Baldur’s Gate 3 ได้ออกวางจำหน่ายให้เกมเมอร์ได้ลองสัมผัสกันแล้วทั่วโลก และทีมงาน Larian ทำภารกิจล้มมังกรของพวกเขาได้สำเร็จหรือเปล่า วันนี้เราจะไปหาคำตอบพร้อมกัน
STORY
เนื้อหาของเกม Baldur’s Gate 3 จะตั้งอยู่ใน Forgotten Realms หนึ่งในเซตติ้งของเกมกระดานชื่อก้องโลกอย่าง Dungeons & Dragons หลังตัวละครเอกถูกลักพาตัวไปโดยเผ่า Illithids หรือ Mind Flayer ก่อนจะถูกฝังลูกอ๊อดลงในสมอง ซึ่งจะเปลี่ยนตัวเอกให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดกินสมอง ทาสของเหล่า Mind Flayer แต่ด้วยความโชคดีตัวเอกของเหล่าสามารถหลบหนีมาได้ การเดินทางเพื่อหาทางรักษาตนเองและเอาชีวิตรอดและจุดเริ่มต้นของการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ฟังดูง่าย ๆ แต่เนื้อหาของ Baldur’s Gate 3 จะพาผู้เล่นไปสำรวจเรื่องราวมากมาย พบปะกลุ่มผู้คนรวมไปถึง “เทพเจ้า” หลากหลายรูปแบบ เรื่องราวในเกมนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ใครคือมิตรแท้ ใครโกหก เป้าหมายของแต่ละฝ่ายแท้จริงคืออะไร แม้การผจญภัยครั้งนี้จะเริ่มต้นด้วยการพยายามเอาชีวิตรอดแต่ระหว่างทางเราจะพบเนื้อหาน่าสนใจมากมาย เรื่องราวจะอัดแน่นด้วยปริศนาที่เราอยากจะไขให้ออก
หลายครั้งหลายคราที่เหมือนเราจะมองออกว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง แต่ตัวเกมก็กลับตลบหลังและพาเราไปอีกทาง นี่เป็นการผจญภัยที่แฟนเกม RPG จะต้องจดจำไปอีกนาน และอย่าแปลกใจถ้าผมไม่อยากจะเล่าเรื่องราวแบบลงรายละเอียดมากเพราะอยากให้คุณได้ไปสัมผัสเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเองจริง ๆ แบบเต็มอิ่ม
แต่ก่อนเราจะกระโดดไปถึงรายละเอียดส่วนอื่น ผมขอหยิบเนื้อหาส่วนหนึ่งจากระบบการเล่นมาเล่าในช่วง Story กันเล็กน้อย เพื่อให้มองเห็นภาพว่า “เนื้อเรื่อง” ของ Baldur’s Gate 3 สามารถลึกล้ำได้ถึงขนาดไหน
ในตอนสร้างตัวละครก่อนเริ่มเกมผู้เล่นจะมีโอกาสในการสร้างตัวละครใหม่แบบ Custom หรือเลือกหยิบเอาตัวละครที่มีปูมหลังมาใช้เล่นได้ทันที ซึ่งถ้าเราไม่เลือกเล่นตัวละครเหล่านี้ก็จะไปปรากฎตัวเป็นเพื่อนร่วมทีมของเราแทน (ยกเว้นตัวละคร Dark Urge ที่มีความพิเศษเฉพาะตัวสุด ๆ)
ระบบสร้างตัวละครนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย และทุกอย่างส่งผลต่อเนื้อหาและการสนทนาในเกมได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เผ่าพันธุ์ อาชีพ และประวัติส่วนตัว Barbarian อาจจะมีตัวเลือกในการใช้กำลังในการแก้ปัญหาหรือข่มขู่ NPC ให้ยอมจำนน จอมเวทอาจสังเกตเห็นอาคมพิเศษใน Item บางอย่าง Rogue อาจจะมือไวฉกของชาวบ้านได้ต่อหน้าต่อตา ตั้งแต่การสร้างตัวละครเรื่องราวและเนื้อหาที่เราจะได้เจอก็มีความแตกต่างกันออกไปแล้ว
และเพราะ Baldur’s Gate 3 ให้อิสระกับผู้เล่นมาก ๆ การแก้ปัญหาที่พบเจอในเกมเราสามารถทำได้หลายวิธี และตัวเลือกของเราอาจส่งผลให้เราพบเจอกับเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันออกไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจินตนาการและตัวเลือกของผู้เล่นเอง แน่นอนว่าบางครั้งการต่อสู้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงแต่หลายครั้งเราสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้โดยอาศัยการพูดคุย (หรือแผนการร้ายลอบกัด)
จุดเด่นสำคัญที่สุดที่ Baldur’s Gate 3 เติมเต็มความฝันให้แฟนเกม RPG ก็คือการที่ตัวเกมมีตัวเลือกที่เปิดกว้างและส่งผลกระทบแบบชัดเจน เกม RPG ที่หลายคนจดจำอย่าง Mass Effect, Fallout หรือ The Witcher 3 ก็พยายามมีตัวเลือกที่ส่งผลกระทบสำคัญ ซึ่ง Baldur’s Gate 3 ก็สอบผ่านเช่นเดียวกับเกมรุ่นพี่ทั้งหลายที่ว่ามา
ด้วยความเปิดกว้างของเกมและการที่เนื้อหาภารกิจหลักภารกิจรองพัวพันเกี่ยวเนื้องโยงใยถึงกันทำให้ผู้เล่นแต่ละคนจะไม่ได้พบเจอเส้นเรื่องที่เหมือนกัน ภารกิจรองบางอันถูกซ่อนเอาไว้แบบแนบเนียน ยังไม่รวมไปถึงเรื่องราวเบื้องหลังของเราเพื่อนร่วมทีมและความขัดแย้งของสมาชิกในทีมและกลุ่มก้อนต่าง ๆ ในเกม
ยิ่งถ้าเล่นแบบไม่มีการ Save Scum หรือการโหลด Save ใหม่เพื่อกลับมาทอยเต๋าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถ้าคุณปล่อยให้โชคชะตานำพาเรื่องราวต่าง ๆ ให้เดินหน้าไปตามที่ลูกเต๋าลิขิต เรื่องราวที่คุณจะได้พบเจอก็ยิ่งเป็นประสบการณ์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
แน่นอนว่าถึงจะมีความซับซ้อนแต่ถ้าเนื้อหาหลักรวมไปถึงบทพูดและความน่าจดจำของตัวละครไม่มี ความซับซ้อนก็ไม่มีประโยชน์ แต่ Baldur’s Gate 3 กลับมาพร้อมกับเรื่องราวหลักที่น่าติดตาม มีบทพูดที่ยอดเยี่ยม เสียงพากย์ที่น่าประทับใจ และตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม แม้ตัวละครทุกตัวจะถูกชะตากรรมผลักดันให้มาร่วมหาทางเอาชีวิตรอดไปด้วยกันแต่ทุกตัวก็มีนิสัยมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน พวกเขาสามารถเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่าง ๆ ของผู้เล่น และมีความคิดเห็นกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว (และแน่นอนตัวเกมก็มาพร้อมกับระบบ Romance ที่ให้คุณสานสัมพันธ์กับตัวละครที่คุณชื่นชอบให้เกินคำว่าเพื่อน) การเติบโตของเหล่าเพื่อนร่วมทีมถือเป็นจุดเด่นสำคัญอีกอย่างในเกมนี้และแฟนเกม RPG ก็จะอยากเข้าถึงเรื่องราวเบื้องลึกของทุก ๆ ตัวละคร
ถ้าจะมีข้อเสียนิดหน่อยก็น่าจะเป็นการที่ตัวละครเพื่อนร่วมทีมที่ปรากฎตัวในช่วงท้ายของเกมอาจจะไม่ดึงดูดหรือมีเสน่ห์ให้เราอยากพาไปร่วมผจญภัยเท่ากับเหล่าเพื่อนร่วมทีมชุดแรกที่ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมายาวนานนั่นเอง
PRESENTATION
นี่คือประสบการณ์การเล่นเกมกระดาน D&D ในรูปแบบวิดีโอเกม ที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว เป็นนิยมสั้น ๆ สำหรับการนำเสนอของ Baldur’s Gate 3 ทุกเนื้อหา ทุกซอกมุม ทุกการต่อสู้ ทุก ๆ อย่างถูกออกแบบมาอย่างดีให้เรารู้สึกว่าเรามีอิสระทั้งในการสำรวจ แก้ปริศนา และการต่อสู้
ด้วยสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ภารกิจมากมาย เราจะรู้สึกได้เลยว่าทีมงาน Larian มีความตั้งใจมาก ๆ ในการนำเสนอผลงานชิ้นนี้ และด้วยเสียงพากย์จำนวนมหาศาล คัทซีนนับไม่ถ้วน ก็ทำให้ตัวเกมถือเป็นเกม RPG ที่มีทุนสร้างไม่น้อย
ตัวละครศัตรูบางตัวถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นศัตรูในฉาก ๆ เดียวเพื่อความสมจริงและให้อารมณ์ร่วมในการนำเสนอ
เราจะสัมผัสได้ตลอดว่านี่ไม่ใช่เกม CRPG ธรรมดา ๆ ทั่วไปที่เราได้พบเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เป็นผลงานเกม CRPG ที่ขึ้นมาเทียบชั้นเกมระดับ AAA ได้เลยในเรื่องของการนำเสนอ
แน่นอนว่ามันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่นตัวละครเอกไม่มีเสียงพากย์ในการสนทนา มุมกล้องส่วนใหญ่ระหว่างการพูดคุยก็เป็นมุมกล้องธรรมดา หรืออนิเมชั่นของตัวละครโดยรวมก็อาจจะไม่ได้พริ้วไหว สวยงาม เหมือนเกม Action RPG ที่โดยรวมก็ถือได้ว่าการนำเสนอของ Baldur’s Gate 3 มีคุณภาพเหนือล้ำกว่าเกม RPG ในยุคเดียวกับแบบเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามต้องเตือนไว้ก่อนว่าเนื้อหาจำนวนไม่น้อยของเกมนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าผู้เล่นจะรู้จักกับจักรวาลของ Dungeons & Dragons อยู่บ้างแล้ว หรือพร้อมจะอ่านและฟังเรื่องราวเสริมที่จะอธิบายจักรวาลในเกมให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ในเกมจะเต็มไปด้วยหนังสือและจดหมายมากมายที่ทีมงานใช้ในการขยายจักรวาลและอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ
แม้ทีม Larian จะถือว่าทำการบ้านได้ดีในการต้อนรับผู้เล่นที่ไม่เคยสัมผัสกับจักรวาล Dungeons & Dragons มาก่อน แต่ถ้าจะให้อินแบบสุด ๆ ผู้เล่นก็ควรจะพร้อมอ่านสารพัดศัพท์เทคนิคเฉพาะ ทั้งเผ่าพันธุ์ มิติ เทพเจ้า เอาไว้ด้วยอยู่ดี
และสุดท้ายอาจจะไม่ใช้ข้อด้อยแต่ก็เป็นข้อเสียสำคัญของเกมนั้นก็คือการเข้าถึงได้ยากในเรื่องของกติกาการเล่น Baldur’s Gate 3 ใช้กติกา Dungeons & Dragons ตัว 5th Edition เป็นรากฐานและมีการปรับแต่งเพิ่มเติมแก้ไขหลายส่วน ถึงแม้ระบบทุกอย่างจะอิงกับการทอยลูกเต๋า แต่ตัวเกมก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนอยู่ดี แต่ข่าวดีก็คือสำหรับผู้เล่นทั่วไปที่อยากจะมาเสพเนื้อเรื่องหรือไม่สนใจเรื่องการ Min Max ปรับแต่งตัวละครให้เทพสุด Baldur’s Gate 3 ก็เปิดโอกาสให้คุณสามารถปรับเพิ่มลดระดับความยากได้ตลอดเวลา หรือตัวเลือก Karmic Dice ก็ช่วยทำให้การทอยเต๋าและการต่อสู้มีการโจมตีที่โดนกันแบบเน้น ๆ มากยิ่งขึ้นเหมาะสำหรับผู้เล่นสายลุยที่เบื่อการสั่งโจมตีแล้ว Miss Miss Miss (แต่จำไว้ว่าศัตรูก็ทอยเต๋าอัดคุณเน้น ๆ เหมือนกันสำหรับตัวเลือกนี้)
โดยรวมแล้ว Baldur’s Gate 3 ถือเป็นเกมที่มีคุณค่าในการกลับมาเล่นซ้ำสูงมาก ยังไม่รวมถึงการเล่นในโหมด Multiplayer ที่จะเป็นประสบการณ์อีกรูปแบบไปเลย เพราะถึงแม้เนื้อเรื่องหลักทุกอย่างจะเหมือนเดิม แต่คุณและเพื่อนสามารถวิ่งเล่นไปมาในโลกได้อย่างอิสระ ต่อสู้ หรือพูดคุยกับตัวละครได้แบบตามใจตัวเอง (คำเตือน การมีผู้เล่นคนอื่น Join เข้ามาในห้องของคุณจะส่งผลให้ตัวละครของเพื่อน “ค้าง” อยู่ใน Party ไปตลอดกาล คุณต้องย้อนกลับไปเล่น Save ก่อนเพื่อนจะกดเข้าห้องเท่านั้นถึงจะกลับมาเลือกใช้งานเพื่อนร่วมทีมชุดเดิมได้)
GAMEPLAY
โดยหัวใจหลักแล้ว Baldur’s Gate 3 เป็นเกมวางแผนต่อสู้แบบสลับตากันเดิน ผู้เล่นควบคุมตัวละครทุกตัวในทีมเพื่อต่อสู้กับศัตรู Baldur’s Gate 3 มาพร้อมกับอาชีพ ความสามารถ และคาถาจำนวนมหาศาล แต่อย่างที่บอกไปทุกอย่างจะใช้การคำนวณโดยใช้การทอยเต๋า ซึ่งตัวเกมจะคำนวณทุกอย่างให้เราโดยอัตโนมัติ
การอ่านค่า Damage จากเวทมนตร์และอาวุธในเกมนี้จะบอกพลังเป็นลูกเต๋า 1d6 คือลูกเต๋า 1 ลูกที่มี 6 หน้า หรือ 2d4 คือลูกเต๋า 2 ลูกที่มี 4 หน้า จากตัวอย่างข้างต้นดาบที่มีพลังโจมตี 1d6 ก็มีโอกาสโจมตีได้ 1 – 6 Damage ส่วนดาบ 2d4 มีโอกาสโจมตีได้ 2 – 8 Damage แบบนี้เป็นต้น
ส่วนค่า AC หรือ Armour Class คือค่าการป้องกันโดยรวมของตัวละครต่อการโจมตีทางกายภาพ ในการโจมตีทุกครั้งตัวเกมจะทำการทอยเต๋าหน้า 20 และเลขที่ได้จะต้องเยอะกว่าหรือเท่ากับค่า AC ของตัวละครที่ “ถูกโจมตี” การโจมตีดังกล่าวถึงจะนับว่าโจมตีโดน เช่นตัวเอกของคุณใส่เกราะเบาถือโล่จึงมีค่า AC อยู่ที่ 13 ดังนั้นตัวละครศัตรูต้องทอยเต๋า 20 หน้าให้ออกเลข 13 “ขึ้นไป” ถึงจะถือว่าโจมตีโดนตัวเอกของคุณ
ยังไม่ลงลึกไปถึงรายละเอียดในแง่ของการทอย Saving Throw เพื่อหลบสถานะผิดปกติต่าง ๆ ที่อิงกับค่า Status และสายเวทหรือท่าโจมตีที่แตกต่างกันออกไป
ในการต่อสู้นั้น การโจมตีพื้นฐาน คาถา ความสามารถ และสภาพแวดล้อมในเกมนั้นมีผลกระทบไปมาหากันทั้งหมด ตั้งแต่ไอเดียพื้น ๆ อย่างการยิงโคมไฟให้หล่นลงมาใส่ศัตรู การอยู่ที่สูงแล้วได้เปรียบ การผลักศัตรูให้ตกเหว หรือเวทสายฟ้าที่รุนแรงกับศัตรูใส่เกราะหนา ถ้าตัวเปียกจะโดนเวทไฟเบาลง หรือจะราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาศัตรู
หรือจะไปแบบล้ำสุด เอาดาบปักไฟบนพื้นเพื่อเพิ่มพลัง หยิบแขนจากศพศัตรูมาหวดหน้าอีกตัว หรือจับอสูรที่เรา Summon มาแล้วเอาเขวี้ยงยัดหน้าบอส ทุกอย่างเป็นไปได้ตามใจเรา
การต่อสู้ในเกมนั้นเปิดกว้างแบบเดียวกับอิสระในส่วนอื่น ๆ ของเกม เป็นการต่อสู้แบบสลับตาเดินที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้คุณใช้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ได้แบบเต็มที่ ความรู้สึกที่คุณได้รับในการเอาชนะการต่อสู้ที่คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้นั้นเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามด้วยการที่ตัวเกมอิงระบบจากการทอยเต๋า เรื่องของ “โชค” จึงมีส่วนสำคัญ ถ้าผู้เล่นดวงไม่ดีทอยได้แต้มต่ำติด ๆ กันก็อาจรู้สึกได้ว่าการต่อสู้ในเกมเป็นไปอย่างยากลำบากหรือไม่ได้ดังใจในบางครั้ง
ทุกการต่อสู้นั้นเป็นไปได้เสมอที่เราจะพ่ายแพ้ ดังนั้นการวางแผนและศึกษาสภาพแวดล้อมให้ดีก่อนการต่อสู้จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ บางครั้งเราอาจจะต้องวางตัวละครไว้ในตำแหน่งที่ดีก่อนออกไปลุย บางครั้งเราอาจจะต้องร่ายเวทบัฟให้พร้อม หรือบางครั้งเราก็อาจจะต้องพร้อมรับมือกับกำลังเสริมที่อาจโผล่มาจากทิศทางอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามตัวเกมก็มาพร้อมกับตัวช่วยหลายอย่างให้ผู้เล่นมีพลังพร้อมรับมือศัตรูทุกรูปแบบ และยิ่งเมื่อตัวละครเราพัฒนาพลังมีระดับเลเวลมากยิ่งขึ้น การต่อสู้ก็จะยิ่งลื่นไหล ไม่ค่อยเป็นปัญหาอีกต่อไป
ด้วยระบบหลักจาก Dungeons & Dragons ก็ทำให้ทุกระดับเลเวลที่เราได้รับมีความสำคัญ ทุกแต้มพลังมีคุณค่า ทุกคาถาที่เราเรียน ทุกความสามารถใหม่ ๆ ทุกอย่างมีประโยชน์ในเกมแม้อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป
น่าเสียดายที่ในช่วงหลัง ๆ ความตื่นเต้นในการเพิ่มระดับเลเวลอาจจะลดน้อยถอยลงเพราะเราได้เวทหรือท่าที่น่าตื่นเต้นมาแล้วในช่วงกลาง ๆ แต่ก็ทดแทนด้วย Item ต่าง ๆ ที่มีให้เราออกตามหามาเสริมพลังปลุกปั้นตัวละครให้แข็งแกร่งตามใจเรา
PERFORMANCE
ในแง่ของกราฟฟิกและเพลงประกอบ Baldur’s Gate 3 ถือว่ายอดเยี่ยมในทุกภาคส่วน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เกมที่มายกระดับเทคโนโลยีการแสดงผลด้วยแสงเงาหรือความสมจริง แต่ทีมงาน Larian ใช้การออกแบบศิลป์ที่ยอดเยี่ยมและการใช้สีที่น่าสนใจ ทำให้ทุกสถานที่ในเกมโดดเด่นมีเอกลักษณ์ชวนให้เราอยากออกไปผจญภัยและถูกดึงดูดให้เข้าไปในโลกของเกม ไม่ว่าจะเป็นชายป่า ริมทะเล ในดันเจี้ยนคุกลับสุดมืดมิด หรือแคมป์ที่พักของเหล่าตัวเอก ทุกมุมทุกส่วนนั้นถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ
คาถาในเกมสวยงามและชวนมองโดยเฉพาะคาถาในช่วงหลัง ๆ นั้นอลังการสมการรอคอยและการเก็บเลเวลมาก ๆ ตัวละคร NPC ทุกตัวถูกออกแบบมาอย่างดี มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ แม้แต่ศัตรูธรรมดาทั่ว ๆ ไปอย่างกอบลินก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจทุก ๆ ตัว
โดยรวมแล้ว Baldur’s Gate 3 ก็เล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่อง PC ระดับกลาง ๆ ซึ่งบนเครื่อง PlayStation 5 และ Xbox Series ที่จะตามมาภายหลังก็น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรในเรื่องของ Perfomance
ส่วนใครที่เล่นบน PC และมีเครื่องคอมตัวแรงก็สามารถเล่นได้แบบใส่สุด ก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยี DLSS ของ NVDIA ด้วย ที่ทำให้ผมเล่นเกมนี้แบบ Ultrawide ความละเอียด 5120 X 1440 ได้แบบลื่น ๆ เลย
แต่ถ้าจะมีบัคการแสดงผลที่ร้ายแรงที่สุดที่ผมเจอก็คือการเลือกใช้ Vulcan API ในการรันเกม น่าเสียดายมาก ๆ เพราะ Vulcan รันได้ Framerate เยอะกว่า DirectX 11 แต่ผมเจอกับอาการ Artifacts เป็นกรอบสีดำเล็ก ๆ กะพริบที่ขอบล่างของจอระหว่างฉากสนทนา จากการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าผู้เล่นจำนวนมากเจอกับปัญหาเดียวกัน
ย้อนกลับไปที่ตัวเกมหลัก แม้แต่ในตัวเลือกกราฟฟิกระดับต่ำ ภาพที่ได้ก็ยังถือว่าน่าประทับใจ อาจจะมีรายละเอียดในเรื่องความคมชัดที่ตกลงไปบ้างแต่โดยรวมแล้วนี่คือเกมที่ “สวย” ด้วยการออกแบบและการกำกับศิลป์ ถึงอย่างนั้นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็น่าประทับใจอยู่ดีเช่นรายละเอียดสิ่งของในฉาก ผ้า หรือ หนัง หรือเกราะเหล็กบนตัวละคร ก็สมจริงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามตัวเกมก็ถือได้ว่ามี “บัค” อยู่บ้างจำนวนไม่น้อย ก็ไม่น่าแปลกใจด้วยตัวเลือกที่หลากหลายและความใหญ่อันมหาศาลของเกม บัคที่ผมได้เจอส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องกับระบบ Summon ของพวกมนต์อสูรหรือวิญญาณที่เราเรียกมาช่วยสู้
กับอีกอันที่เห็นได้ชัดคือปัญหาในบทท้าย ๆ ของเกม ตัวเกมมีประสิทธิภาพในการแสดงผลที่ลดลงแบบชัดเจน คัทซีนกระตุก NPC เดินติดประตู และบัคเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั่วไปที่ส่วนใหญ่ก็หายไปเวลาโหลดเกมใหม่หรือกดพักผ่อน
ปัญหาอีกอย่างที่ผมขัดใจก็มีในเรื่องของมุมกล้อง โดยเฉพาะในฉากใต้ดินหรือในอาคารที่มีหลายชั้น การควบคุมมุมกล้องมีความติดขัดอยู่บ้างเล็กน้อย กับอีกอันก็คือการหยิบจับไอเทมในฉากบางครั้งไม่ตรงกับการกดบนจอ
โดยรวมแล้ว Baldur’s Gate 3 ก็มีประสบการณ์การเล่นโดยรวมที่ลื่นไหล ยิ่งถ้าเทียบกับเกม AAA หลายเกมในสมัยนี้ ต้องเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่ทีมงาน Larian สามารถเก็บงานได้ละเอียดขนาดนี้ในเกมที่มีขนาดใหญ่และรายละเอียดเต็มไปหมด
สรุป
ทีมงาน Larian ทำสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้อย่างการโค่นมังกรได้สำเร็จ พวกเขาสร้างสุดยอดผลงานที่แบกชื่อเสียงและความคาดหวังมหาศาลให้ออกมาเป็นผลงานที่เหนือล้ำขึ้นไปอีก
นี่คือผลงานเกมมีทุกอย่างที่คอเกม CRPG ต้องการ เรื่องราวที่เข้มข้น เพื่อนร่วมทีมที่สนใจ การผจญภัยที่เต็มไปด้วยสมบัติ ปริศนาให้คุณค้นพบ และอิสระแบบเต็มที่ในการทำสิ่งต่าง ๆ
Baldur’s Gate 3 คือการกลับมาที่สมศักดิ์ศรีชื่อ Baldur’s Gate นี่เป็นผลงานที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับคำว่าเกม “RPG” และจะถูกหยิบยกมาพูดถึงไปอีกนานแสนนาน และเราอาจจะไม่ได้เห็นผลงาน RPG ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ไปอีกนับสิบปี