Final Fantasy เป็นซีรีส์ที่อยู่มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1987 นับเป็นเวลากว่า 36 ปีที่ซีรีส์นี้โลดแล่นอยู่ในวงการเกม มีการเปลี่ยนแนวเกมตั้งแต่ RPG, MMORPG หรือ Strategy จนไปถึงเกมแนว Action ตามสมัยนิยม แต่ถึงแม้มันจะเปลี่ยนตัวเองขนาดไหน แฟน ๆ เดนตายก็ยังเทใจให้ ราวกับมีมนต์เสน่ห์อะไรบางอย่าง
ล่าสุด Square Enix ได้นำเอา 6 ภาคแรก ยุคที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มารีมาสเตอร์ใหม่อีกครั้ง ในรูปแบบของกราฟิกพิกเซลคุณภาพสูง การนำตำนานกลับมาปัดฝุ่นใหม่ในครั้งนี้จะเวิร์คหรือไม่ ไปพิสูจน์กันได้ในรีวิว FINAL FANTASY Pixel Remaster จาก GamingDose
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของ Final Fantasy ทั้ง 6 ภาคจะตั้งอยู่ในลักษะเดียวกัน คือมีภัยพิบัติระดับโลก ระดับจักรวาลอะไรก็ว่าไป แล้วก็ต้องมีผู้กล้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการกอบกู้โลก ซึ่งมันเป็นสูตรสำเร็จที่ใช้กันแทบจะทุกเกม สิ่งที่น่าจะต้องโฟกัสคือเรื่องราวระหว่างนั้น
ภาคแรกจะให้อารมณ์การผจญภัยแบบสูตรสำเร็จ คือไม่ได้มีอะไรพลิกผัน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันคือการวางรากฐานให้ภาคอื่น ๆ นำไปใช้ในภายหลัง ภาคสองเริ่มมีเนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นภาคสี่และห้า ก็สร้างอิมแพคให้ผู้เล่นได้ ผ่านเนื้อเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไรเลยนอกจากบทพูดที่ตราตรึงใจ
ภาคที่หกถือว่าเป็นจุดสูงสุดของเกมชุดนี้ เพราะเป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องลึกล้ำที่สุด ชวนให้คิด ชวนให้ดำดิ่งอยู่กับมัน และเป็นภาคที่ผู้เขียนชื่นชอบที่สุดในซีรีส์ทั้งหมดด้วย
โดยรวมเนื้อหาของ Pixel Remaster ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชันเดิม เพราะมันเป็นของเดิมนี่แหละ บทสนทนาทุกอย่างยังอยู่ครบ “แต่” มีบางส่วนที่ถูกปรับให้เข้ากับสถานการณ์ในโลกทุกวันนี้มากขึ้น ฉะนั้นพวกมุขเรื่องเกี่ยวกับเพศ หรือซีนทะลึ่งเล็ก ๆ ในเกมจะถูกตัดออกเกือบทั้งหมด และถ้าใครเล่นภาค 6 การทำความเคารพของทหารก็จะเปลี่ยนไปด้วย เพื่อไม่ให้ถูกเข้าใจว่าสนับสนุนนาซี
อย่างที่บอก แม้ว่าจะเป็นการรีเมครีมาสเตอร์ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของทั้ง 6 ภาคนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เนื้อหาที่มีด้อยลงไป ในแง่ของเนื้อเรื่อง ถ้าใครไม่เคยสัมผัสทุกภาคในเกมชุดนี้ เราแนะนำให้คุณลองสัมผัสมันดู แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมชื่อของ Final Fantasy ยังเป็นตำนานที่ขายได้มาจนถึงทุกวันนี้
การนำเสนอ
สิ่งที่ภาคนี้พยายามคงไว้ให้ได้มากที่สุดคือ “ความรู้สึกแบบเก่า” ที่เราเคยจำได้ในเวอร์ชันอื่น ๆ ฉะนั้นมันจะไม่มีการปรับปรุงด้านกราฟิกอย่างมีนัยสำคัญเหมือนเวอร์ชัน 3D หรือเวอร์ชันที่ไม่ใช่พิกเซล กล่าวคือมันจะคล้าย ๆ กับเวอร์ชันเดิม แต่มีการปรับปรุงบางส่วน ส่วนมากจะเป็นความละเอียด รวมถึงเรื่อง UI และ UX มากกว่า
ที่ผู้เขียนชอบเลยคือ Setting ที่ทำได้ละเอียดหลากหลาย อย่างเช่นการปรับฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เวอร์ชันต้นฉบับไม่มี ไฮไลท์ในส่วนนี้เลยคือ “คุณสามารถปรับภาพ และเสียงเป็นเวอร์ชันคลาสสิกได้” กล่าวคือถ้าคุณไม่ชอบภาพยุคใหม่ (ซึ่งมันปรับมานิดเดียว แบบนิดเดียวจริง ๆ ) คุณก็สามารถกดปุ่มเพื่อรีเทิร์นให้ภาพมันกลับไปเป็นเวอร์ชันก่อนหน้านั้นได้ด้วย ซึ่งนั่นก็รวมถึงเสียง ถ้าใครอยากได้เสียงแบบ 8bit-16bit เดิม ๆ ก็สามารถเปลี่ยนกลับไปได้ทันทีเช่นกัน โดยที่ยังคง UX/UI ที่ใช้ง่ายตามแบบฉบับของเกมยุคใหม่อยู่
อีกหนึ่งสิ่งที่คนเล่นเกมยุคใหม่น่าจะชอบ คือเราเลือกปรับ Setting ในส่วนของบาลานซ์ได้ด้วยตัวเอง ปรับได้ตั้งแต่การปิดหรือเปิดการเจอมอนสเตอร์ ปรับ exp gill และ ap ให้ตัวคูณมากขึ้น หรือตัวคูณน้อยลงได้ ถ้าคุณไม่ใช่สายฟาร์ม (ซึ่ง FF ภาคเก่า ๆ มันต้องฟาร์มอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาค 3 และ 5) คุณสามารถปรับให้ตัวคูณสูงขึ้นได้เพื่อลดเวลาการเล่น และถ้าใครเป็นแฟน FF ที่อยากเพลิดเพลินกับการเก็บค่าต่าง ๆ คุณก็สามารถลดจำนวนตัวคูณลงได้เช่นกัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือตัวเกมมีภาษาไทยสมบูรณ์ 100% ตั้งแต่ภาค 1-6 แม้จะไม่ใช่เวอร์ชันแรกของ Final Fantasy ที่มีภาษาไทย แต่จากที่ลองเล่นมา ก็พอจะบอกได้ว่าเวอร์ชันนี้สมบูรณ์ที่สุด โดยเฉพาะภาค 6 ที่เวอร์ชัน Android ช่วงหลัง ๆ แทบจะกูเกิลแปลภาษามาทั้งชุด เวอร์ชันนี้เขาแปลให้ลื่นไหลเหมือนมนุษย์แล้ว ใครที่กลัวจะไม่อิน ไม่เข้าใจกับเนื้อเรื่องก็เปิดภาษาไทยเล่นได้เลย
เกมการเล่น
เกมเพลย์ของ Final Fantasy แต่ละภาคไม่ได้มีความเหมือนกัน 100% ขนาดนั้นในเวอร์ชันปกติ เรียกได้ว่ามีการพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ เพิ่มนั่นเพิ่มนี่ทีละนิด บางอันเวิร์คบางอันไม่เวิร์ค อันไหนใช้ได้มันก็จะโผล่มาในภาคต่อไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณเล่นภาค 6 ก่อน แล้วย้อนกลับไปเล่นภาค 1 มันจะไม่มีระบบอำนวยความสะดวกที่ภาคใหม่ ๆ มี คุณก็จะเล่นลำบากขึ้นไปอีก จนพาลเลิกเล่นเลยก็มี
ใน Pixel Remaster เขาก็เลยแก้ไขเรื่องพวกนี้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ด้วยการใส่ฟังก์ชันใหม่ ๆ ที่ภาคใหม่ที่สุดมี (6) ไปให้ภาคเก่าด้วย ฉะนั้นคุณจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างภาคเท่าไหร่ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเขาพยายามปรับให้มัน “กระทบตัวเกมน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ฉะนั้นถ้าคุณอยากได้ความรู้สึกเดิม ๆ ที่ไม่มีการปรุงแต่ง คุณก็ยังได้รับมันอยู่อย่างแน่นอน
ในฉากนอกการต่อสู้ คุณมีมีมินิแมพแล้ว เพราะฉะนั้นบอกลาการหลงทางไปได้เลย คุณมีฟังก์ชัน Quick Save ทำให้ไม่จำเป็นต้องควานหาทางออกจากดันเจี้ยนเพราะจะเข้าห้องน้ำ คุณเดินได้ 8 ทิศ ฉะนั้นควบคุมตัวละครผ่านอนาล็อกได้เลยโดยไม่ปวดนิ้ว และที่สำคัญคือ “คุณข้ามคัตซีนได้แล้ว” ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมานั่งรับรู้เรื่องราวซ้ำเป็นรอบที่ร้อยกว่า ในเมื่อคุณเล่นมันจบแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ในฉากต่อสู้ สิ่งที่สำคัญเลยคือ ในภาคแรก ๆ คุณจะพลาดการโจมตีบ่อยมาก เพราะการโจมตีศัตรูเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา แล้วมันตาย การโจมตีครั้งต่อไปที่เล็งหามันจะ Miss โดยอัตโนมัติ ในภาคนี้เขาแก้ให้มันไปตีตัวใหม่แล้ว หรือจะเป็นฟังก์ชันการปรับแถวหน้า แถวหลังที่มีในทุกภาคแล้ว คุณยังมี Auto Battle ทำให้ไม่จำเป็นต้องมานั่งใส่คำสั่งทุกครั้งเวลาฟาร์ม ลดระยะเวลาการเล่นไปได้ (แต่ระวังหลับ) และสุดท้ายกับการยกเลิกเงื่อนไขไร้สาระ เช่น การกดชุดคำสั่งท่า Blitzes ของตัวละครในภาค 6 ทำให้เกมเพลย์ดูไหลลื่น และเล่นง่ายมากขึ้น
สรุป
โดยรวม FINAL FANTASY Pixel Remaster ถือเป็นการนำเกมเวอร์ชันเก่ามา Remaster ในรูปแบบที่เสียความเป็นตัวเองน้อยที่สุด ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งใดจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาแค่ “อำนวยความสะดวก” ให้เกมมันเหมาะสมกับยุคนี้มากขึ้น ถ้าคุณเป็นผู้เล่นเก่าที่ชื่นชอบใน Final Fantasy อยู่แล้ว คุณจะหลงรักเวอร์ชันนี้อย่างมาก หรือถ้าหากคุณไม่เคยเล่น Final Fantasy มาก่อน นี่จะเป็นประสบการณ์ที่ดี และใกล้เคียงเวอร์ชันต้นฉบับมากที่สุดเท่าที่คุณจะหามาเล่นได้