BY StolenHeart
30 Aug 19 4:14 pm

Ride to Hell: Retribution ตำนานเกมดิ่งนรกแบบม้วนเดียวจบ

49 Views

เมื่อไม่กี่วันก่อน เชื่อว่าทุกคนน่าจะเห็นการกลับมาของเกมห่วยระดับตำนานอย่าง Big Rigs: Over the Road Racing ที่ทางทีมพัฒนากล้านำกลับมาขายใหม่อีกครั้ง แปะชื่อหรูหราว่า Remastered แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย แถม Bug ของเดิมยังยกขบวนกลับมาครบถ้วน ซึ่งการประกาศนี้ก็ทำให้แอบนึกถึงเกมหนึ่งที่เลวร้ายไม่แพ้กัน จนคนที่เคยเล่นอยากลืมมันไปให้พ้น ๆ นั่นก็คือ Ride to Hell: Retribution เกมนี้นั่นเอง

อันที่จริงแล้วตัวผู้เขียนเองก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาส อยากเล่นเกมนี้ตั้งแต่ตอนที่ประกาศเปิดตัวออกมา รู้เพียงแค่ว่าตัวเกมมีความเล่นใหญ่ในระดับหนึ่ง โดยต้องการเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นแบบซีรีส์ Sons of Anarchy ที่ผู้คนชื่นชอบ แถมยังวางโครงการจะพัฒนาต่อถึงสามภาคอีกด้วย

แต่อาจจะเนื่องจากเพราะมีดวงที่สมพงศ์กันอย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะในสมัยที่นิตยสาร Future Gamer ยังวางจำหน่ายอยู่นั้น ผู้เขียนได้รับหน้าที่ให้รีวิวเกมนี้ ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องหามาเล่นอย่างเสียไม่ได้

และก็พบว่านี่คือเกมที่เลวร้ายที่สุดเกมหนึ่งที่เคยได้สัมผัสมาเลย

เนื้อเรื่องของ Ride to Hell เกี่ยวกับ Jake Conway อดีตทหารผ่านศึกเวียดนามที่ปลดประจำการ กลับบ้านมาอยู่กับน้องชายและอดีตชาวแก๊งที่เขาสนิทสนมด้วย แต่กลับมาไม่ทันไรก็โดนคู่อริเข้ามาหาเรื่อง แล้วฆ่าน้องชายตัวเองต่อหน้าต่อตา และเรื่องราวการแก้แค้นของ Conway ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ความเลวร้ายของเกมเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่คุณเปิดเกมมาเลย กับฉาก Intro โชว์ Gameplay ที่ดูงุนงงและสับสนในตัวเอง กับฉาก Turret Section ตัดฉาก Slow Motion พร่ำเพรื่อ ฉากต่อสู้แบบ Quick time Event กดแบบไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ และการขับรถมอเตอร์ไซต์บนถนนที่เต็มไปด้วยอุปสรรคอย่างคาดไม่ถึง เรียกว่าแค่ First impression ก็ไม่ประทับใจอย่างแรงแล้ว

และความเลวร้ายก็ยังดำเนินไปไม่หยุดหย่อน นอกจากการดำเนินเนื้อเรื่องที่น่าเบื่อ ไม่สมเหตุสมผล แถมเสียงพากย์เองก็ยังไม่ไหวจะเคลียร์ ทั้งไร้อารมณ์ อ่านไม่ตรงบท เสียงโดดแถมก้องไปมาจนจับใจความไม่ได้ และฉาก Cutscene ที่เหมือนเอาเด็กฝึกงานที่ไม่เคยตัดต่อวิดีโอมาทำ เลวร้ายทั้งภาพและเสียงจนแทบถอดใจปิดเกมเล่นเสียเดี๋ยวนั้น

ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ Gameplay ที่แทบจะหาข้อดีไม่เจอ

ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้มือเปล่าที่กดแค่สองปุ่มก็ชนะศัตรูได้ มุมกล้องที่บังทุกอย่างจนมองไม่เห็นทั้งศัตรูหรือเป้าหมาย การยิงอาวุธปืนที่แสนจะลำบากในระยะประชิด แถมยังไร้ความท้าทายโดยสิ้นเชิง สลับกับการขับมอเตอร์ไซด์ที่มีอุปสรรคแบบเดียวกันไปทั้งเกม ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกันแล้วเราก็จะได้เกมที่น่าเบื่อเป็นเส้นตรง เล่นเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกสนุกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หรือแค่เนื้อเรื่องกับ Gameplay ยังพังไม่พอ ตัวแกมโดยรวมก็ด้อยคุณภาพเต็มไปด้วยตรรกะพิลึก ๆ มากมาย เช่นเหล่าหญิงสาวที่พร้อมจะมีอะไรกับเราทันทีเมื่อทำให้เธอพอใจ เช่นไปยิงกบาลเจ้าหนี้แล้วมีอะไรกันในห้องที่เราเพิ่งเด็ดหัวมันไป(วอท!?) รั้วไฟฟ้าที่ล้อมรอบสถานที่ต่าง ๆ แบบมิดชิด และเหล่าตัวเอกที่มีความคิดพังไม่ต่างจากศัตรูในเกม แถมด้วย Bug อีกมหาศาลเหมือนทำเกมไม่เสร็จหรือไม่ก็งบหมดระหว่างทำ ทั้ง ๆ ที่ตัวเกมใช้เวลาในการพัฒนาไปถึงห้าปีเต็ม เรียกว่าพังหมดจนหยดสุดท้ายจริง ๆ

ด้วยความวินาศในระดับวันสิ้นโลก ทำให้ผู้เล่นทุกคนต่างโหวตให้ Ride to Hell: Retribution เป็นเกมที่ได้คะแนนต่ำติดดินแห่งเว็บไซต์ Metacritic โดยได้ไปเพียง 16 คะแนนเท่านั้น(คะแนนรวมจากผู้ใช้คือ 1.3 คะแนน) และถูกถอดออกจากหน้าร้านค้าใน Steam ไปแล้วเรียบร้อย รวมไปถึงเป็นเกมที่ทีมพัฒนาอย่าง Eutechnyx ยังต้องถอดออกไปจากหน้าเว็บไซต์ของตนเอง และผู้จัดจำหน่ายอย่าง Deep Silver ปฏิเสธที่จะพูดถึง เรียกว่าเป็นเกมที่อยากจะลืมไปให้พ้น ๆ จากความทรงจำกันเลย

อย่างไรเสีย ก็มีผู้เล่นบางส่วนที่มองว่า Ride to Hell นั้นเป็นเกมที่แม้จะพังพินาศ แต่ก็มีอะไรที่ชวนตลกและขำขันไปกับมันได้อยู่ ทั้งบรรดา Bug สานพัดที่ชวนให้ขำแบบขื่นคอ กับเสียงพากย์ที่ชวนให้เราคิดว่าชีวิตเราไม่ได้เลวร้ายขนาดสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้ แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยมาก ๆ เท่านั้น แม้แต่ผู้เขียนเองที่คลุกคลีกับเกมห่วยมานาน ก็ยังขอแนะนำให้ทุกคนหลีกหนีจากเกมนี้ไปให้ไกลแสนไกล อย่ามายุ่งเกี่ยวกับมันอีก

ส่วนสำหรับใครที่อยากหาเกมนี้มาเล่น ก็คงยากเต็มที เพราะถูกถอดออกจากหน้าร้านค้าใน Steam ไปนานมากแล้ว

รวมไปถึงมันยังเป็นเกมในเครื่องคอนโซลยุคก่อนที่หายากอย่างมาก ส่วนผู้เขียนเองนั้นก็ขอแนะนำว่าหนีไปให้ไกลจากมันเสียจะดีกว่า อย่าไปยุ่งกับมันเลยครับ

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top