หลังจากคราวก่อนที่ผู้เขียนได้เล่าถึงสาเหตุที่นำไปสู่การล่มสลายของค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง SNK ไปในช่วงปี 2001 ที่มาจากการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดและถูกคู่แข่งเอาชนะไปอย่างง่ายดาย แม้แต่ตลาดเกมมือถือที่พวกเขามีความมั่นใจก็ประสบความล้มเหลวในช่วงปีหลัง จนทำให้บริษัทตกอยู่สภาวะล้มละลายและหายไปในที่สุด
แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถกลับมาได้ ด้วยความพยายามเฮือกสุดท้ายของผู้ก่อตั้งบริษัท นั้นก็คือคุณ Eikichi Kawasaki นั้นเอง
สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านบทความนี้ สามารถติดตามอ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ของค่าย SNK ได้ด้านล่างนี้ครับ
SNK ผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีเกมอาร์เคดในยุค ’90
20 ปี The King of Fighters ’98 เกมที่นำพา SNK ไปสู่จุดสูงสุด
SNK กับย่างก้าวที่ผิดพลาดในวงการเกม
ขอเล่าย้อนกลับไปเล็กน้อย ในช่วงช่วงที่ทาง Aruze บริษัทผู้ผลิตตู้เกมปาจิงโกะได้เข้ามาอุ้มกิจการของทาง SNK ในช่วงปี 1999 พวกเขาก็ได้สิทธิ์ในการใช้ตัวละครจากเกมของ SNK มาใช้กับตู้สลอตแมชชีนและตู้ปาจิงโกะของพวกเขาด้วย และด้วยสาเหตุหลายอย่าง ทำให้คุณ Eikichi ตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมา พร้อมกับผู้บริหารอีกหลายคนไปตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า Playmore ในวันที่ 1 สิงหาคม 2001 และหลังจากนั้นไม่นานในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน SNK ก็ประกาศล้มละลาย
ผลจากการล้มละลายครั้งนี้ทำให้ทาง SNK จำเป็นต้องขายลิขสิทธิ์ของเกมต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้หนี้ อดีตพนักงานส่วนใหญ่ของ SNK ก็ได้ไปเข้าร่วมกับ BrezzaSoft ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทหนึ่งที่คุณ Eikichi Kawazaki ก่อตั้งขึ้นมา ส่วนลิขสิทธิ์เกมดัง ๆ อย่าง The King of Fighters ก็ไปอยู่กับ Eolith จากเกาหลีใต้ในช่วงปี 2001 – 2002 Mega Enterprise ที่ได้ Metal Slug และ Noise Factory ที่สร้างเกม Beat em up ยอดนิยมในอดีตอย่าง Sengoku 3
ซึ่งถึงแม้ตัวเกม The King of Fighters จะถูกซื้อสิทธิ์ไปแล้วจากทาง Eolith แต่ Aruze ก็ยังคงออกตู้ปาจิงโกะและสลอตแมชชีนตัวใหม่ที่ใช้ตัวละครจากเกม The King of Fighters อยู่เหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้สร้างความเจ็บช้ำให้กับคุณ Eikichi อย่างมาก ซึ่งเขาก็รอวันที่ล้างแค้นอยู่อย่างเงียบ ๆ และหลังจากที่ทาง Eolith และ Playmore ประสบความสำเร็จกับ The King of Fighters 2002 ที่เรียกศรัทธาให้กับแฟนเกมต่อสู้ให้หันมาสนใจเกมภาคใหม่นี้กันได้แล้ว ทาง Playmore จึงได้ซื้อลิขสิทธิ์ชื่อ The King of Fighters มาเป็นของตนเองอย่างสมบรูณ์
และแน่นอนว่าทางคุณ Eikichi เองก็ไม่รอช้า ทำการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ว่าทาง Aruze นำตัวละครที่ทาง Playmore ถือสิทธิ์อยู่ไปใช้ในเกมของตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งตัวละครจาก KOF และ Metal Slug นั้นในเวลานี้ได้ถูก Playmore ซื้อลิขสิทธิ์ไว้หมดแล้ว เป็นผลให้ทางศาลมีคำสั่งให้ทาง Aruze ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทาง Playmore เป็นจำนวนเงิน 6,200 ล้านเยน และในปี 2004 คดีก็มาถึงที่สิ้นสุด โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายืน ให้ทาง Aruze ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทาง Playmore ที่ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น
และด้วยความพยายามของทาง Playmore ทำให้ SNK สามารถกลับมาเปิดในประเทศอเมริกาได้อีกครั้งหนึ่ง และทาง Playmore ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น SNK Playmore เพื่อที่จะสื่อว่าพวกเขากลับเข้ามามาสู่วงการเกมแล้ว
ซึ่งหลังจากการกลับมาในครั้งนี้ SNK Playmore ก็มีเกมใหม่มาให้เหล่าเกมเมอร์เล่นกันอย่างมากมายในช่วงปี 2000 ปลาย ๆ และล้วนเป็นเกมต่อสู้และแอคชั่นคุณภาพดีแทบทั้งสิ้น เช่น The King of Fighters XI บนบอร์ด Naomi, Neogeo Battle Coliseum เกมต่อสู้รวมดาวจากค่าย SNK และพันธมิตรในยุคเก่า รวมไปถึง Samurai Showdown และ Metal Slug ภาคใหม่ที่ลงให้กับเครื่องคอนโซลหลายเครื่องด้วย และที่โดดเด่นก็คือการนำ The King of Fighters มาพัฒนาเป็นเกมแบบสามมิติในชื่อ The King of Fighters Maximum Impact ที่ได้รับความนิยมและมีแฟนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจในซีรีส์นี้กันอย่างมากมาย
แต่แล้วพวกเขาก็เกิดอาการสะดุดอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาประกาศเปิดตัว The King of Fighters XII ที่ทางทีมงานประกาศว่าจะเป็นการทำระบบเกมใหม่และกราฟฟิกใหม่ที่วาดด้วยมืออย่างสวยงาม ซึ่งในตัวอย่างแรกที่ออกมา มันก็เป็นเกมที่มีกราฟฟิกแบบสองมิติที่สวยมากจริง ๆ และมีการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลละเอียดอ่อน แต่เนื่องจากใช้เวลาในการพัฒนาที่นานจนเกินไป และระบบการเล่นที่ไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าเดิม ทำให้หลายอย่างสะดุดลง
โดยในเวลานั้นธุรกิจของทาง SNK Playmore นอกจากการสร้างเกมแล้วยังมีธุรกิจตู้ปาจิงโกะด้วย ซึ่งก็มีรายได้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ก็ไม่ได้หวือหวามากนักเพราะมีค่ายอื่นที่แข่งขันอยู่มากนั้นเอง จนถึงจุดหนึ่ง แฟนเกมหลายคนก็แอบคิดว่า SNK จะกลับไปทำธุรกิจตู้ปาจิงโกะอย่างเดียว และทึ้งการพัฒนาเกมไปเลย
แต่เคราะห์ยังดีที่พวกเขายังสามารถฟื้นกลับคืนมาได้ หลังจากเสร็จสิ้นการพัฒนาเกม The King of Fighters XIII ที่เป็นภาคปรับปรุงใหม่ เพิ่มตัวละครและพัฒนาระบบการเล่นจนสมบรูณ์มากขึ้น ตัวเกมก็โลดแล่นอยู่ในระบบอาร์เคดอยู่นยาน จนมีโอกาสได้วางจำหน่ายบนเครื่องคอนโซลทั่วโลก โดยมีทาง Atlus ช่วยเหลือ ทำให้เป็นอีกหนึ่งภาคที่มีแฟน ๆ ชื่นชอบและนำมาใช้แข่งขันในงานแข่งใหญ่ ๆ อย่าง EVO หรืองานอื่น ๆ อยู่เสมอ แต่หลังจาก KOF XIII เราก็ไม่เห็นข่าวคราวใหม่จากค่ายนี้เลยนอกจากเกมมือถืออย่าง Metal Slug Defense และเกมอื่น ๆ ทีดีบ้างแป้กบ้างมาให้เห็นประปราย
แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เงียบหายไปนาน บริษัทจากประเทศจีนอย่าง Leyou Technologies Holding ได้เข้าร่วมลงทุนให้กับทาง SNK Playmore เพื่อพัฒนาเกมใหม่บนมือถือและเข้าซื้อหุ้นในชื่อของคุณ Eikichi Kawasaki ไปเป็นจำนวน 81.25% หรือประมาณ 63.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทางบรษัทมีสิทธิ์ในชื่อของ SNK Playmore มากที่สุด แต่พวกเขาก็ยังคงให้อิสระแก่การพัฒนาเกมอย่างเต็มที่ แต่เน้นไปที่เกมบนมือถือและภาพยนตร์อนิเมชั่นอย่าง The King of Fighters Destiny ที่ได้รับความสนใจจากแฟนเกมโดยเฉพาะในประเทศจีน
และในวันที่ 25 เมษายน 2016 SNK Playmore ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะกลับไปใช้ชื่อ SNK เหมือนอย่างเช่นสมัยก่อน พร้อมกับเปลี่ยนโลโก้ให้กลับเป็นแบบเดิมและใช้สโลแกน The Future is Now ที่ทางค่ายใช้ในอดีต กลับมาเป็น SNK ที่เรารู้จักและรักใคร่เหมือนในอดีต พร้อมกับยืนยันว่าจะทุ่มเทให้กับการพัฒนาเกมอย่างเต็มที่อีกด้วย
ปัจจุบันนี้แม้คุณ Eikichi Kawasaki จะเกษียณไปแล้ว แต่ทีมงานเลือดใหม่หลายคนก็ยังคงตั้งอกตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ออกมา ซึ่งพวกเขาก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นกันแล้วถึงความพยายามของพวกเขาในเกมอย่าง The King of Fighters XIV ที่ได้ร่วมทุนกับทาง Sony พัฒนาออกมาทั้งบนระบบ PS4, Steam และอาร์เคด แฟน ๆ ต่างให้การสนับสนุนอย่างล้นหลาม รวมไปถึงยังเปิดตัวเกม Samurai Shodown ภาคใหม่ที่เรียกเสียงกรี๊ดให้กับแฟนบอยอย่างผู้เขียนและเกมเมอร์ทั่วโลกอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าอนาคตของ SNK ตอนนี้ดูสดใสและกำลังก้าวเดินไปอย่างสวยงามมั่นคง แม้อาจจะดูเล็กลงมาจากเดิมเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน แต่ด้วยอายุอานามนานถึง 40 ปี ก็คงทำให้เราเชื่อได้ว่าจะได้เห็นสิ่งที่ดีตามมาอีกมากมายในอนาคต
และสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อมั่นก็คือ พวกเขาจะไม่พลาดซ้ำสอง และจะก้าวเดินไปอย่างช้า ๆ และมั่นคง บทเรียนที่พวกเขาได้รับจากความผิดพลาดในอดีต และความช่วยเหลือจากพันธมิตรอีกหลายเจ้า ทำให้เราเชื่อได้ว่า SNK จะไปได้สวยอีกครั้งในวงการเกม เป็นก้าวเล็ก ๆ ที่มั่นคง สร้างความทรงจำที่ดีให้กับแฟนเกมและผู้เขียนต่อไปในอนาคตครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : The history of SNK – Gamespot.com
SNK – SNK Wikia.com