Star Wars Jedi: Survivor คือผลงานเกมที่สานต่อเรื่องราวการผจญภัยของเจไดหนุ่ม “Cal Kestis” จาก Star Wars Jedi: Fallen Order โดยแม้ว่าประสิทธิภาพตัวเกมจะไม่น่าพึงพอใจนัก แต่ในด้านเนื้อเรื่อง ก็ถือว่าเป็นอีกภาคหนึ่งที่เข้มข้นน่าติดตามมากทีเดียว
และสำหรับใครที่อยากทราบ หรืออยากทวนเนื้อหาในภาค Survivor หลังเล่นจบกันอีกสักรอบหนึ่ง ก็มาดูสรุปเรื่องราว รวมถึงวิเคราะห์ฉากจบของเกมนี้ไปพร้อมกันได้เลย
แวะย้อนอ่านสรุปเนื้อเรื่องของเกมภาคแรก (Star Wars Jedi: Fallen Order) ได้ที่ :
https://www.gamingdose.com/feature/star-wars-jedi-fallen-order-story
เรื่องราว 5 ปีจากเหตุการณ์ในภาคแรก
- หลังจากที่ Cal, Cere, Greeze และ Merrin ได้มาพานพบกันในเกมภาคแรก ทั้ง 4 ก็แยกย้ายจากกันเพราะเป้าหมายชีวิตที่แตกต่าง
- ยาน Mantis อยู่ในการดูแลของ Cal เพื่อให้ Cal ใช้ปฏิบัติภารกิจสู้กับพวกจักรวรรดิ
- ปัจจุบัน Cal ทำงานร่วมกับ Saw Gerrera (ฝ่ายกบฏ) คอยขัดขวางและตัดกำลังพวกจักรวรรดิอยู่เรื่อย ๆ
- เหตุการณ์ในภาคนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Cal แทรกซึมเข้าไปที่ดาว Coruscant เพื่อเข้าถึงตัววุฒิสมาชิกคนหนึ่ง เพราะเขาคนนั้นมีข้อมูลสำคัญที่ใช้โต้กลับพวกจักรวรรดิได้
- การแทรกซึมครั้งนี้ Cal ได้ร่วมงานกับ “Bode Akuna” ยอดฝีมือผู้มีเจ็ทแพ็คติดตัวเป็นเอกลักษณ์ เขาเข้าร่วมฝ่ายกบฏเพราะอยากปกป้องลูกสาวที่ชื่อ “Kata”
- แม้ทุกอย่างจะไปได้สวย แต่ท้ายสุดเพื่อนในทีมของ Cal ก็ถูกฆ่าเกือบหมด เหลือเพียง Bode
- คู่ปรับเก่าของ Cal อย่าง Ninth Sister ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และลงมือสังหารวุฒิสมาชิกทิ้ง
- Cal เผชิญหน้ากับ Ninth Sister ซึ่ง Cal เอาชนะได้อีกครั้ง และลงมือสังหาร Ninth Sister
- Cal ขึ้นยาน Mantis หนีการไล่ตามของจักรวรรดิได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องแยกทางหนีกับ Bode และยาน Mantis ก็เสียหายจนต้องซ่อมแซมด่วน
- ระหว่างนี้ เขาส่งข้อมูลสำคัญที่ได้จากวุฒิสมาชิก ไปให้ทาง Saw โดยหวังว่ามันจะคุ้มกับการสูญเสีย
- Cal ตัดสินใจลงจอดที่ดาว Koboh เพราะดาวนี้มีสหายเก่าอย่าง “Greeze” อาศัยอยู่ ซึ่งรู้จักยาน Mantis ดีที่สุด
นำยาน Mantis มาซ่อมที่ดาว Koboh
- Cal นำยานลงจอดในสภาพทุลักทุเล ต่อมาเขาพบว่าดาวดวงนี้กำลังถูกรุกรานโดยพวกกลุ่มโจร Bedlam Raiders
- Cal เดินทางมาถึงร้านเหล้าที่ Greeze เป็นเจ้าของ ทันใดนั้นก็พบว่ามีคนกำลังถูกพวก Raiders รังแกอยู่ Cal จึงเข้าไปช่วยและปะทะกับพวกมัน
- ระหว่างนั้นเอง “Rayvis” หัวหน้าใหญ่ของพวก Raiders ก็ปรากฏตัว, Cal เตรียมตัวสู้เต็มที่ แต่ Rayvis ก็ยอมรามือ จากไปแต่โดยดี
- Cal พบกับ Greeze อีกครั้ง ทั้งคู่ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ และได้พูดคุยเปิดอกกัน
- สาเหตุที่แก๊งตัวเอกต้องแยกย้าย เป็นเพราะ Cal อยากสู้กับจักรวรรดิต่อตามอุดมการณ์ตัวเอง แต่ที่เหลือนั้นมีเป้าหมายแตกต่างกัน – Greeze อยากอยู่อย่างสงบ, Merrin ออกเดินทางทั่วกาแล็กซีเพื่อค้นหาตัวเอง ส่วน Cere มุ่งหน้ากับการฟื้นฟูนิกายเจไดต่อ
- Greeze เป็นห่วงอนาคตของ Cal และอยากให้ Cal หา “บ้าน” ของตัวเองให้พบ แต่ Cal ก็บอกว่ามันเป็นไปได้ยาก เพราะเขาอาศัยอยู่ที่ไหนนาน ๆ ก็มีแต่จะเป็นภัยกับที่นั่น (ถูกจักรวรรดิไล่ล่า)
- Greeze เปิดอุโมงค์ลับใต้ถุนร้าน ให้ Cal เข้าไปตามหาอะไหล่มาซ่อมยาน Mantis
- Cal เข้ามาสำรวจจนพบอะไหล่ แต่ทันใดนั้นก็พลัดตกมาเจอกับวิหารเจไดโบราณที่ด้านล่าง
ความหวังใหม่ของนิกายเจได
- Cal สำรวจวิหารโบราณจนพบกับ “Zee” หุ่นดรอยด์ที่หลับใหลมานานตั้งแต่ยุคที่เจไดยังรุ่งเรือง
- เขาใช้พลังสัมผัสกับ Zee เพื่อเข้าไปดูภาพในอดีต และพบว่ามีเจไดคนหนึ่งชื่อ “Santari Khri” มอบหมายภารกิจสุดท้ายให้ Zee ไปตามหา “กุญแจสู่ Tanalorr” ให้พบ
- แต่ Zee ก็มาติดอยู่ที่วิหารโบราณแห่งนี้เสียก่อน จน Cal ปลุกให้ตื่นขึ้นในอีกหลายร้อยปีให้หลัง
- ส่วน Tanalorr คือดาวเคราะห์ลับแลที่อยู่นอกเหนือสายตาพวกจักรวรรดิ และเป็นบ้านแห่งใหม่ของวิหารเจได ซึ่ง Cal เห็นว่ามันเป็นความหวังให้ฟื้นฟูนิกายเจไดกลับมาได้ และที่นั่นอาจจะเป็นที่พักพิงอันปลอดภัยสำหรับเขาด้วย
- Zee เชื่อมั่นในความเป็นเจไดของ Cal จึงฝากฝังให้ Cal ไปตามหา “กุญแจสู่ Tanalorr” ต่อให้สำเร็จ ซึ่งอยู่ใจกลางป่าของดาวดวงนี้
- Bode กลับมาพบกับ Cal ได้อีกครั้งที่ร้านเหล้า เพราะทั้งคู่มีเครื่องติดตามตำแหน่งกันอยู่
- Greeze กับ Bode อาสานำอะไหล่ไปซ่อมยาน Mantis ให้ และปล่อย Cal ไปลองตามหากุญแจสู่ Tanalorr
Dagan Gera เจไดจากอดีตกาล
- Cal เดินทางสู่ใจกลางป่า ฝ่าดงจักรวรรดิและ Raiders เข้ามาพบกับตู้ที่แช่แข็งเจไดปริศนาคนหนึ่งไว้
- Cal เห็นภาพในอดีตว่าเขาคือ “Dagan Gera” เจไดที่ค้นพบ Tanalorr ร่วมกันกับ Khri และตัดสินใจสร้างวิหารเจไดขึ้นที่นั่น
- ทว่าเวลาผ่านไป ก็มีความแตกแยกระหว่างฝั่งสภาเจไดกับฝั่ง Tanalorr และในวันที่วิหารถูกพวกโจรโจมตีอย่างหนัก สภาเจไดก็ตัดสินใจไม่ช่วยเหลืออีก พร้อมสั่งให้ทิ้ง Tanalorr หนีไป
- Cal ปลุก Dagan ให้ตื่นจากการหลับใหล ด้วยความดีใจที่ยังมีเจไดคนอื่นเหลือรอด แต่ไม่นานนัก Dagan ก็บอกว่าเขาโกรธแค้นพวกเจไดมากที่หักหลัง ไม่ยอมช่วยเหลือ Tanalorr พร้อมเปลี่ยนดาบ Lightsaber ตัวเองเป็นสีแดง แล้วเข้าโจมตี Cal
- ทั้งคู่สู้กันได้พักหนึ่ง พวก Rayvis (Bedlamb Raiders) ก็ขับยานมารับตัว Dagan หนีไป
- จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ Cal รู้ว่า “กุญแจสู่ Tanalorr” ก็คือตัว Dagan นั่นเอง และ Dagan กับ Rayvis ก็เป็นพวกเดียวกันมานานแล้ว ซึ่งเป้าหมายของพวก Rayvis ก็คือการช่วยเหลือ Dagan
- Cal กลับมาเล่าทุกอย่างให้ Greeze และ Bode ฟัง ซึ่ง Bode เองก็อยากพาลูกสาวของเขาไปอยู่ที่ Tanalorr ด้วย เพราะเชื่อว่าที่นั่น ครอบครัวเขาจะรอดพ้นจากพวกจักรวรรดิได้ตลอดไป
- Cal ตัดสินใจชวน Greeze และ Bode ออกผจญภัย เพื่อไล่ตามเบาะแสสู่ดาว Tanalorr
- และคนที่พอจะพึ่งพาข้อมูลได้มากที่สุด เท่าที่นึกออกตอนนี้ ก็คือ Cere
รวมตัวสหายเก่าที่ดาว Jedha
- ทั้งหมดเดินทางไปหา Cere ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่กับพวกนักบวชที่ Jedha, ดาวเคราะห์แห่งทะเลทราย
- ทว่าตอนนี้ พายุทรายกำลังจะมา และพวกจักรวรรดิก็ป้วนเปี้ยนอยู่ที่ Jedha ด้วย จึงต้องจอดยานไว้ห่าง ๆ แล้วพวก Cere จะส่งคนมารับ Cal แทน
- Cal เดินทางฝ่าดงจักรวรรดิมาเรื่อย ๆ จนพบว่าคนที่มารับ ก็คือ “Merrin” นั่นเอง
- Merrin เก่งกาจขึ้นจากการไปท่องมาทั่วทั้งกาแล็กซี รวมถึงกลับไปเรียนรู้เวทของพวก Nightsister เพิ่มเติมที่ดาวบ้านเกิดอย่าง Dathomir
- เมื่อ Cal เดินทางมาถึงฐานลับของ Cere ก็พบว่าคนที่มาต้อนรับนั้นคือ “Eno Cordova” แบบตัวเป็น ๆ เขาคืออาจารย์เจได, เจ้าของหุ่น BD-1 คนก่อน และเป็นผู้คอยชี้ทาง Cal มาตลอดในเกมภาคแรก
- ไม่นาน ยาน Mantis ก็ตามมาสมทบที่ฐาน ทำให้ Cal, Cere, Greeze และ Merrin ได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งหลังผ่านไป 5 ปี (พร้อมเพื่อนร่วมทางคนใหม่อย่าง Bode)
- Cere บอกว่าเธอรวบรวมตำราเกี่ยวกับนิกายเจไดเก็บไว้ที่นี่เหมือนเป็นห้องสมุด พร้อมติดต่อกับ “Hidden Path” เครือข่ายลับที่คอยช่วยเหลือเหล่าเจได, ผู้มี Force-sensitive รวมถึงคนที่เดือดร้อนจากการกวาดล้างของจักรวรรดิ
- ทั้งหมดหารือเรื่องวิธีไป Tanalorr โดยทราบเพียงว่าจะต้องฝ่า Abyss (เนบิวลาสุดอันตราย) ที่อยู่เหนือดาว Koboh เข้าไป และต้องแข่งกับเวลาเพราะ Dagan ก็ตามหาอยู่เหมือนกัน
- อาจารย์ Cordova พบ 2 เบาะแสเกี่ยวกับ Dagan ว่าเขามีที่พักแห่งหนึ่งในดาว Koboh และเมื่อก่อนเขาก็ชอบแวะไปที่ห้องแลปบนดวงจันทร์ของ Koboh ด้วย ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้น่าจะมีบางอย่างเชื่อมโยงกับ Tanalorr
- Cal, Greeze และ Bode จึงมุ่งหน้าไปตามนี้
ตามหาเบาะแสสู่ Tanalorr
- เมื่อเดินทางมายังที่พักของ Dagan บนดาว Koboh, Cal ก็พบอุปกรณ์โบราณบางอย่างซึ่ง Dagan เองก็อยากได้เหมือนกัน แต่มันถูกทำลายลงไปก่อนแล้ว
- Cal มาสำรวจห้องแลปที่อยู่บนดวงจันทร์ของ Koboh และพบกับอุปกรณ์แบบเดียวกัน
- Cal นำอุปกรณ์ทั้ง 2 กลับมาที่ดาว Jedha ให้ Cordova ช่วยตรวจสอบ แต่ระหว่างนั้นก็มีข่าวว่าจักรวรรดิเข้ามาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ วิหารโบราณของ Jedha และมีพรรคพวกคนหนึ่ง กำลังตกอยู่ในอันตราย
- คนนั้นคือ Armias ซึ่งมีข้อมูลติดต่อกับ Hidden Path อยู่ในมือ หากพวกจักรวรรดิได้ไป ก็จะทำให้ Hidden Path ตกอยู่ในอันตราย
- Cal กับ Merrin จึงรุดหน้าไปช่วยเหลือ Armias ในวิหารโบราณ ซึ่งกำลังถูกหุ่นจักรกลยักษ์ถล่มอย่างบ้าคลั่ง
- ทั้งสองตามหา Armias จนพบ และเขาก็ฝากข้อมูลติดต่อ Hidden Path ไว้กับ Cal แต่ไม่นาน Armias ก็ตายเพราะหุ่นยักษ์ตัวนั้น
- Cal กับ Merrin ฝ่าดงทหารจักรวรรดิออกมา และต่างฝ่ายก็เหมือนจะรู้ใจของตัวเองในที่สุด ทั้งคู่จูบกันก่อนเข้าไปลุยกับหุ่นจักรกลยักษ์ จนกำจัดมันลงได้
- เมื่อกลับมาที่ฐานลับ, อาจารย์ Cordova ก็เจอเบาะแสใหม่ ว่าหลังจาก Khri และ Dagan ค้นพบ Tanalorr ทั้งสองก็สร้างเข็มทิศเพื่อชี้ทางสู่ Tanalorr เอาไว้
- เวลาผ่านไป แม้สภาเจไดจะทอดทิ้ง Tanalorr ไปแล้ว แต่ Dagan ยังยึดติดและอยากกลับไปที่นั่นอยู่ เขาจึงสมคบกับพวก Rayvis (Raiders) ออกตามหาเข็มทิศ แต่ก็โดนทำลายทิ้งไปแล้ว 2 อัน ซึ่งทั้ง 2 ก็คือซากอุปกรณ์ที่ Cal เจอมาก่อนหน้านี้
- อาจารย์ Cordova บอกว่ายังมีเข็มทิศเหลืออยู่ 1 อัน และ Dagan กำลังออกตามหา
- Cal จึงมุ่งหน้าหาเข็มทิศอันนั้น โดยมี Merrin ติดตามไปด้วยคน
ไล่ตามพวก Raiders และ Dagan เพื่อแย่งชิง “เข็มทิศ”
- พอ Cal มาถึงดาว Koboh กลับพบว่า Zee โดน Raiders ลักพาตัวไป เพราะ Dagan อยากได้ตัวไปเค้นข้อมูลเรื่องเข็มทิศ
- Cal และ Bode จึงบุกตะลุยเข้าไปในฐานของพวก Raiders จนถึงตัว Zee แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับ Dagan อีกครั้งด้วย ก่อนที่ Dagan จะล่าถอยไป
- Dagan รู้เบาะแสของเข็มทิศอันสุดท้าย และส่ง Rayvis ไปตามหาที่ห้องแลปบนดวงจันทร์ก่อนแล้ว Cal จึงไล่ตาม Rayvis ไปที่นั่นต่อ
- Cal กลับมาสำรวจห้องแลป และพบความจริงในอดีตว่า Khri นั้นเคยเชื่อใจ Dagan มาก แต่หลังออกมาจาก Tanalorr แล้ว Dagan ก็เปลี่ยนไป เขามุ่งมั่นอยากกลับไป Tanalorr อีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
- Khri หยุดยั้ง Dagan ไว้ เธอตัดแขน Dagan ทิ้ง แล้วนำตัวเขาไปแช่แข็ง จนเวลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน (และ Cal ก็เป็นคนปลดปล่อย Dagan ออกมา)
- Cal เดินทางต่อจนพบกับ Rayvis แล้วเอาชนะมาได้ จึงได้รู้ว่าเขาบอกทางให้ Dagan ล่วงหน้าไปเอาเข็มทิศก่อนแล้วที่หอสังเกตการณ์ของดาว Koboh
- Cal ชวนให้ Rayvis กลับใจมาสู้เคียงข้างกัน แต่ Rayvis ปฏิเสธ ขอยอมตายเยี่ยงนักรบ, Cal จึงลงมือปลิดชีพเขา
- Cal และ Bode ไล่ตาม Dagan มาที่หอสังเกตการณ์ ฝ่าดง Raiders กับจักรวรรดิมาจนพบตัว Dagan ในที่สุด
- Dagan ได้เข็มทิศมาไว้ในมือแล้ว, Cal และ Bode เข้าต่อสู้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย จนเอาชนะได้และสังหาร Dagan ทิ้ง
- เข็มทิศอยู่ในสภาพเสียหายเล็กน้อย Cal จึงนำกลับไปที่ Jedha เพื่อให้อาจารย์ Cordova ช่วยซ่อม
- เป้าหมายของเขาหลังจากนี้ คือการไปที่ Tanalorr ฟื้นฟูนิกายเจได แล้วฝึกฝนเหล่าเจไดเพื่อรอโต้กลับจักรวรรดิเหมือนกับ Dagan แต่เขาจะไม่นอกลู่นอกทาง เข้าหาด้านมืดให้ซ้ำรอยกับที่ Dagan เคยทำไว้
สถานการณ์พลิกผัน ฐานลับของ Cere ถูกโจมตี
- พอนำเข็มทิศกลับมาที่ฐานลับใน Jedha, อาจารย์ Cordova ก็สามารถซ่อมแซมได้จนสำเร็จ
- ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีสายแจ้งว่าตอนนี้พวกเขาโดนจักรวรรดิบุกล้อมไว้หมดแล้ว
- ความจริงปรากฏ, คนที่เผยที่ซ่อนแห่งนี้คือ Bode นั่นเอง เขาสังหารอาจารย์ Cordova ทิ้ง แล้วชิงเข็มทิศหนีออกไป
- Cal ไล่ตาม Bode จนทัน ซึ่ง Bode บอกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝั่งจักรวรรดิแล้ว แต่เลือกจะหักหลังทุกฝ่ายเพื่อหนีไปอยู่ Tanalorr กับลูกสาว
- Cal พบความจริงว่า Bode เองก็เคยเป็นเจไดมาก่อน เขาหยิบดาบ Lightsaber ของ Dagan ขึ้นมาและเข้าปะทะกับ Cal
- Cal พลาดท่าโดน Bode ผลักตกเหว และ Bode ก็หนีไปได้พร้อมเข็มทิศ
- ตัดมาที่ฝั่ง Cere, เธอหยิบ Lightsaber ขึ้นมาต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาให้คนอื่น ๆ หนี
- Cere ฝ่ากองเพลิงเข้าไปเอาข้อมูลติดต่อของ Hidden Path แล้วส่งให้ BD-1 หนีไปที่ยาน Mantis
- ทันใดนั้นเอง “Darth Vader” ก็เดินทางมาถึง, Cere จึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกเป็นครั้งที่ 2
- ทั้งคู่ดวลดาบกันอย่างสูสี, Cere เกือบจะปิดฉาก Vader ลงได้ แต่ท้ายสุดก็ถูก Vader สังหาร
- Cal ตามมาถึง แต่ก็ช่วย Cere ไว้ไม่ทันการ ส่วน Vader นั้นหลบหนีไปในสภาพทุลักทุเล
- ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวก Cal สูญเสียอาจารย์เจไดไปถึง 2 คน คือ Cordova และ Cere
- ด้วยการเสียสละของ Cere ทำให้พวกนักบวชหนีไปได้เยอะ, ข้อมูล Hidden Path ไม่ตกอยู่ในมือจักรวรรดิ แต่ตำราเจไดของ Cere นั้นเหลือรอดออกมาได้เพียงไม่กี่เล่ม
- Cal ทั้งเศร้าโศกและรู้สึกผิดที่จับไม่ได้เลยว่า Bode เป็นสายลับของจักรวรรดิ แต่ Greeze ก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง คนผิดในเหตุการณ์นี้คือ Bode เพียงผู้เดียวเท่านั้น
- Cal นึกได้ว่า Bode มีเครื่องติดตามอยู่ จึงตรวจสอบและพบว่า Bode อยู่ที่ดาว Nova Garon ซึ่งเขาน่าจะไปรับตัวลูกสาว ทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปที่นั่น
ไล่ตาม Bode สู่ฐานของจักรวรรดิ
- ที่ดาว Nova Garon มีฐานของพวก ISB (หน่วยความมั่นคงของจักรวรรดิ) ซึ่ง Cal ก็ฝ่าฟันมาจนพบกับ “Denvik” หัวหน้าของ ISB
- Cal รู้ความจริงว่า Denvik เป็นคนส่ง Bode มาแทรกซึมอยู่กับพวก Cal เองตั้งแต่ต้น โดยมีเป้าหมายคือตามหาตัว Cere ซึ่งท้ายสุดก็ทำสำเร็จ
- Cal จัดการ Denvik จนสลบ แล้วบุกต่อจนพบกับ Bode และ Kata (ลูกสาว) ที่ห้องพักของเขา
- เพราะอยู่ต่อหน้าเด็ก, Cal และ Bode เลยยังไม่ได้บวกกัน Bode เล่าความหลังว่าเขาได้ทักษะการซ่อนตัวจากตอนเป็นหน่วยลับ จนหลบรอดการกวาดล้างมาได้
- ทว่าท้ายสุด Bode ก็เลิกหนีและเข้าร่วมกับจักรวรรดิ โดยเขาจะยอมเป็นเครื่องมือของ Denvik แลกกับการให้ Denvik ช่วยปกปิดตัวตน (ว่าเป็นเจได) และปกป้องลูกสาว
- ตอนนี้ Bode ขอพอกันทีกับจักรวรรดิ และอยากหนีไปอยู่อย่างสงบที่ Tanalorr เขาจึงหลอก Cal ให้มาจัดการพวก Denvik ที่นี่ ซึ่งระหว่างที่กำลังเล่าความหลังอยู่ สองพ่อลูกก็ชิงจังหวะหนีไปพร้อมเข็มทิศ
- Cal ไล่ตาม Bode พร้อมฝ่าทหารจักรวรรดิออกไป และด้วยความโกรธแค้นต่อ Bode เขาจึงเริ่มใช้พลังด้านมืดเป็นครั้งแรก
- Cal เกือบฆ่า Denvik ด้วยพลังด้านมืด แต่ Merrin ก็เข้ามาเตือนสติเขาไว้ได้ทันการ
- สรุปแล้ว Cal กลับยานมามือเปล่า ไม่ได้ทั้งตัว Bode และเข็มทิศ
- อย่างไรก็ตาม Cal นำบันทึกของ Khri ที่เก็บได้จากห้อง Bode มาเปิด และพบว่ายังมีวิธีสำรองในการเดินทางไป Tanalorr อยู่ นั่นคือการใช้เครื่องยิงเลเซอร์ทั้ง 3 ซึ่งติดตั้งบนดาว Koboh และดวงจันทร์ เล็งยิงไปที่ปากทางเข้า Abyss ให้ถูกตำแหน่ง
- ทั้งหมดมุ่งหน้าตามแผนนี้ แม้มีความเสี่ยงสูงมากแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
การตัดสินครั้งสุดท้ายที่ Tanalorr
- Cal ไปที่หอควบคุมบนดาว Koboh และบังคับลำแสงให้เปิดทางสู่ Tanalorr
- Cal, Merrin และ Greeze เดินทางฝ่า Abyss มาจนถึง Tanalorr ได้แบบฉิวเฉียด ก่อนเส้นทางจะปิดลง
- Cal กับ Merrin เดินทางมาจนถึงวิหารเจไดที่อยู่ใน Tanalorr และได้พบกับ Kata ก่อน ซึ่ง Cal ก็ขอร้องให้ Kata พาไปพบกับพ่อของเธอ
- เมื่อพบตัว Bode, ทั้ง Cal และ Merrin ขอให้เขายอมจำนน เพราะไม่อยากให้คนเป็นลูกสาวอย่าง Kata ต้องมีแผลใจ (หาก Bode ตาย) แต่ไม่เป็นผล ทั้งสองจึงต้องเข้าปะทะกับ Bode
- Bode เป็นต่อกว่า Cal มาก ทำให้ Cal เข้าหาพลังด้านมืด และนำมาใช้ต่อสู้อีกครั้ง
- ท้ายที่สุด Kata ขอให้ Bode ยอมแพ้ แต่เขามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังแล้ว, Cal จึงจำเป็นต้องลงมือสังหาร Bode ด้วยปืนบลาสเตอร์ที่เขาเป็นคนมอบให้ Cal เอง
- Merrin มาคุยเปิดอกกับ Kata, ขอให้ Kata แบกรับความเจ็บปวดนี้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเธอ อย่าได้ลืมมัน ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าเป็นการลืมคุณพ่อคนที่เธอรักไปด้วย
- ทั้งหมดทำพิธีศพให้เจไดและอดีตเจไดพร้อมกันถึง 3 คน คือ Cere, Cordova และ Bode
- Cal ยืนอาลัยแด่ Cere จนถึงเช้า เขาปฏิญาณตนว่าจะสานต่อสิ่งที่ Cere เคยทำไว้ แต่เขากลัวกับอนาคต และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมมากพอ
- หลังจบเรื่องราวทั้งหมด – Cal, Merrin และ Greeze มีภารกิจหลายอย่างต้องทำ ทั้งเรื่องการดูแล/ติดต่อกับ Hidden Path, ตามหาเหล่านักบวชที่เหลือรอดจากการโจมตีบน Jedha รวมถึงการสร้างร้านเหล้าแห่งใหม่ขึ้นที่ Tanalorr
- Kata ขอร่วมทางไปกับพวก Cal ด้วยอีกคน เป็นอันว่าปิดฉากเกม Star Wars Jedi: Survivor ลงแต่เพียงเท่านี้
วิเคราะห์ฉากจบ
หากเทียบกับภาค Fallen Order แล้ว ในส่วนของภาค Survivor จะค่อนข้างทิ้งปมไว้เยอะกว่ามากทีเดียว ซึ่งทำให้สามารถคิดต่อไปได้หลายประเด็น ดังนี้
แนวโน้มของเกมภาคต่อไป
ทำเกมมาแล้วสองภาค จะมีภาคสามต่อให้ครบสมบูรณ์เป็นไตรภาคก็คงไม่ผิดแปลกอะไร ซึ่งด้วยความที่ภาค Survivor ค่อนข้างจะ “จบตามแบบฉบับ Star Wars” คือปิดไปหนึ่งภารกิจ แต่ยังมีภารกิจอันยิ่งใหญ่รออยู่เบื้องหน้า (ฟื้นฟูนิกายเจไดที่ Tanalorr) รวมถึงมีการวางตัวละครใหม่อย่าง Kata รอไว้แล้วด้วย ก็ทำให้มีโอกาสสูงทีเดียวที่เราจะได้เห็น Star Wars Jedi ภาค 3 กันในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในอุตสาหกรรมวิดีโอเกมนั้น จะดูแค่เพียงเนื้อเรื่องอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะยอดขาย และเสียงตอบรับในด้านเกมเพลย์กับประสิทธิภาพเองก็สำคัญ และภาค Survivor ก็ถือว่าน่าเป็นห่วงมากทีเดียวในเรื่องของประสิทธิภาพ จึงต้องรอดูว่า EA จะมองกับเรื่องนี้อย่างไร และจะให้ไฟเขียวกับทีมงาน Respawn ได้ทำภาค 3 ต่อหรือไม่
Cal จะไม่เหมือนเดิม
เจไดทุกคนล้วนต้องถูกทดสอบจากพลังด้านมืด และ Cal เองก็ได้เข้าไปสัมผัสมันแล้วถึงสองครั้ง ซึ่งในฉากสุดท้ายหลังจากที่ Bode ตาย เขาก็หยิบ Lightsaber สีแดงขึ้นมาเปิดส่องสว่าง ราวกับเป็น Foreshadow ว่าหลังจากนี้ Cal จะเข้าหาพลังด้านมืดมากขึ้น เหมือนอย่างที่ Dagan Gera เคยออกนอกลู่นอกทางมาแล้ว
และหากนับในด้านเกมเพลย์ด้วย ก็มี 2 ส่วนที่บอกใบ้กับผู้เล่นถึงเรื่องนี้
- คือการอัปเกรดท่าไม้ตายด้วยพลังด้านมืดจนแข็งแกร่งขึ้นมาก ราวกับบอกเป็นนัย ๆ ว่า “ใช้พลังด้านมืดสิ แล้วจะฆ่าพวกมันได้ง่ายเลย”
- ในฉากสุดท้าย ตัวเกมบอกให้ผู้เล่น “เข้าหาด้านมืด” แล้วโกงความตาย ลุกขึ้นมาสู้ต่อ
อนาคตของ Cal กับ Merrin
ใครที่เคยชิปคู่ Cal กับ Merrin ไว้ในเกมภาคแรก พอมาภาคนี้เรือก็ติดปีกบินเข้าเส้นชัยไปแล้วแบบไม่ต้องสงสัย เพราะชัดเจนว่าทั้งสองรักใคร่กัน ซึ่งแม้ว่าจะผิดจากขนบของเจได เนื่องจากเจไดถูกห้ามไม่ให้มีความรัก แต่ Cal ก็บอกว่านิกายเจไดเก่านั้นล่มสลายไปนานแล้ว ฉะนั้นก็คงไม่มีอะไรมาห้ามไม่ให้ Cal ทำตามหัวใจตัวเอง
แต่ใช่ว่าข้อห้ามนั้นจะไร้ที่มาที่ไป เพราะในอดีตก็เคยมีเจไดที่แพ้ภัยจากความรักมาแล้ว (เด่นสุดก็หนีไม่พ้น Anakin Skywalker) จึงไม่แน่ว่าความรักของ Cal และ Merrin อาจกลายเป็นชนวนไปสู่ปัญหาในภายหลังได้เหมือนกัน
เจไดคนสุดท้าย ?
ตอนนี้ Cal ไม่เหลือเจไดที่รู้จักอีกแล้ว แต่แน่นอนว่าในกาแล็กซีก็ยังมีคนอื่นรออยู่อีก จึงมีความเป็นไปได้ที่เกมภาค 3 จะมีตัวละครเจไดคนใหม่ที่มากับเครือข่าย Hidden Path หรือถ้าเอาแบบเซอร์วิสสุด ๆ เราอาจได้เห็นตำนานอย่าง Obi-Wan มาปรากฏตัวในภาค 3 เลยก็เป็นได้ (แต่คงต้องลุ้นกันเหนื่อย) เพราะเหตุการณ์ของเกมภาคนี้ ก็เกิดขึ้นในปีเดียวกันกับซีรีส์ Obi-Wan Kenobi พอดี (9 BBY)
อาจเชื่อมโยงกับ Star Wars: Episode IV – A New Hope
สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว จะเห็นว่าเรื่องราวของเกมภาคนี้ เกิดขึ้นก่อนยุทธการยาวินใน Star Wars: Episode IV เพียงแค่ 9 ปีเท่านั้น จึงถือว่าใกล้มาก ๆ และเป็นไปได้ที่เกมภาค 3 จะเชื่อมโยงไปหาภาพยนตร์ดังกล่าว เพราะอย่าลืมว่าเกมซีรีส์ Star Wars Jedi เองก็ถือเป็น Canon ด้วย (ถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องในจักรวาล Star Wars)
ดังนั้น เราจึงอาจจะได้เจอกับตัวละครที่เกี่ยวข้องกับหนังภาค 4 หรือไม่แน่ว่าพวก Cal อาจมีส่วนช่วยตัดกำลังเหล่าจักรวรรดิในอนาคตก็เป็นได้เช่นกัน เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับภาพยนตร์ Rogue One: A Star Wars Story
งานนี้ก็ต้องรอดูว่าถ้ามีเกมภาค 3 เกิดขึ้นจริง ๆ , ทาง EA กับ Respawn จะกล้านำ Star Wars Jedi ไปเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องหลักมากน้อยเพียงใด หรือจะเน้นให้เกมนี้มีความจบสมบูรณ์ในตัว และปล่อยให้ Cal, พรรคพวก รวมถึงนิกายเจไดสาขา Tanalorr ต้องเลือนหายไปอย่างลับ ๆ ในมุมหนึ่งของกาแล็กซี ไม่มีโอกาสเป็นที่รับรู้โดย Obi-Wan, Solo, องค์หญิง Leia หรือตัวละครเด่นคนอื่นจากภาพยนตร์
Kata อนาคตของนิกายเจได ?
ลูกสาวของ Bode คนนี้ดูเข้มแข็งกว่าวัยมาก เธอเข้าใจสถานการณ์ และไม่ได้โกรธแค้นที่ Cal ฆ่าพ่อของเธอ (อย่างน้อยก็เท่าที่แสดงออก) ดังนั้นหากมีเกมภาค 3 เกิดขึ้น ก็มีแนวโน้มสูงว่า Kata จะกลายมาเป็นลูกบุญธรรมของ Cal และ Merrin รวมถึงเข้ารับการฝึกเจได จนเป็นศิษย์เอกของ Cal ในภายหลัง เพราะตัว Kata เองก็อาจจะเข้าถึง Force ได้เหมือนกับพ่อเช่นกัน
นอกจากนี้ ในฉากสุดท้ายก่อนเครดิตขึ้น ก็มีสิ่งที่น่าจะเป็นดวงจิตของ Cere (หรือที่เรียกว่า Force Ghost) มาบอกให้ Cal “ชี้นำเธอ (Kata) ข้ามผ่านความมืดมิดไป” ด้วย เสริมความเป็นไปได้ขึ้นอีกว่า Kata จะกลายเป็นเจไดในอนาคต แต่ก็น่าสังเกตว่า Force Ghost ของเกมนี้ กลับไม่ได้มีออร่าสีฟ้า ๆ เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นกันในภาพยนตร์
และหากลองเดาไปให้ไกลอีกหน่อย ก็ไม่แน่ว่า Kata คนนี้จะกลายเสี้ยนหนามของ Cal ในอนาคต โดยอาจจะมีคนใดคนหนึ่งที่หันหน้าเข้าสู่ด้านมืด (ซึ่งน่าจะเป็น Cal) และศิษย์-อาจารย์ต้องมาดวลตัดสินกันในฉากสุดท้าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลแห่งความถูกต้อง หรืออยากจะล้างแค้นให้พ่อของเธอก็ตามที
ทั้งหมดนี้ก็ต้องย้ำว่าเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์คาดเดาเท่านั้น และด้วยธรรมชาติความเป็นวิดีโอเกม จึงทำให้เราต้องรอกันไปอีกนานทีเดียว กว่าจะได้รู้ว่า EA (หรือทาง Lucasfilm Games) จะตัดสินใจทำเกมภาค 3 ต่อจริง ๆ หรือไม่