BY Zreast
14 Jul 21 7:43 pm

รวมข้อมูลน่าสนใจของ Starfield ผลงานที่จะเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของ Bethesda

95 Views

เผยโฉมกันไปแล้วอย่างเป็นทางการ สำหรับ Starfield, เกม RPG ฟอร์มยักษ์ลำดับถัดไปของ Bethesda Game Studios ที่เตรียมจะวางจำหน่ายในปลายปี 2022 เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าเกมเมอร์ที่ได้ชมในงาน E3 2021 ที่ผ่านมาเป็นอย่างดี การันตีด้วยตัวเลขบน YouTube ที่ขณะนี้วิดีโอเปิดตัวทะลุไปเกิน 15 ล้านวิวแล้ว

Starfield น่าสนใจอย่างไร ? เหตุใดจึงเป็นผลงานที่จะมา “เปิดประตูสู่ยุคใหม่” ของ Bethesda ? วันนี้เราก็รวบรวมข้อมูลเท่าที่ถูกเปิดเผยมาไว้ให้แล้วเรียบร้อย

เกม IP ใหม่ ครั้งแรกในรอบ 25 ปีของ Bethesda Game Studios

นับเป็นหนึ่งก้าวที่สำคัญทีเดียวของ Bethesda เพราะตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นช่วงเวลาสำหรับการทำเกมภาคต่อ หรือเกมที่อยู่ในแฟรนไชส์เดิมทั้งสิ้น เช่น The Elder Scrolls หรือ Fallout เป็นต้น

แต่สำหรับ Starfield แล้ว นี่คือเป็นผลงานออริจินัลใหม่เอี่ยมตัวล่าสุด ดังนั้นจึงไม่ต้องบอกว่าแฟน ๆ จะให้ความคาดหวังกันมากเพียงใด นับตั้งแต่ที่มีข่าวเปิดตัวออกมาครั้งแรกในงาน E3 เมื่อปี 2018

ปัจจุบันเกมเมอร์ยังไม่ได้เห็น Gameplay ที่ชัดเจนมาก แต่สำหรับภาพลักษณ์ของ Starfield ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเกม AAA บล็อกบัสเตอร์ตัวใหม่อย่างแท้จริง และหากว่าฝั่งของ PlayStation มีเกมอย่าง Horizon Forbidden West หรือภาคต่อของ God of War อยู่ในมือ นี่ก็คือเกมชูโรงจากทาง Xbox ที่จะปล่อยออกมาในอนาคตที่กำลังจะถึง

Starfield ถูกพัฒนามาหลายปีแล้ว

Todd Howard ผู้กำกับคู่ขวัญของ Bethesda ก็ยังคงมารับหน้าที่กำกับให้เกมนี้ โดยเขาเปิดเผยออกมาตั้งแต่ปี 2018 ว่าตัวโปรเจกต์พร้อมให้เล่นทดสอบกันภายในแล้ว จึงหมายความว่าตัวเกมถูกพัฒนามาก่อนหน้านั้นอีกหลายปีทีเดียว

ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อดังอย่าง The Guardian, Howard ก็เผยว่า

“พวกเราพูดถึงเกมนี้มาได้เป็นทศวรรษแล้ว เราเริ่มต้นจับเอาสิ่งต่าง ๆ มารวมไว้ด้วยกันตั้งแต่เมื่อ 5-6 ปีก่อน และก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่เราทำ Fallout 4 เสร็จเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็คงพัฒนามาได้ 2 ปีครึ่ง ไม่ก็ 3 ปีได้”

ซึ่ง Howard ให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2018 จึงหมายความว่าเราสามารถกะประมาณคร่าว ๆ ได้ว่าตัวเกมอาจใช้เวลาสร้างมากสุดถึง 7 ปีทีเดียว ก่อนจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2022

เกม RPG โลกเปิด ที่ “ฮาร์ดคอร์” กว่าทั้งหมดที่เคยทำมา

Bethesda Game Studios ขึ้นชื่อในเรื่องการทำเกม RPG ออกมาแบบอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และ Howard ก็พูดถึง Starfield เพิ่มเติมไว้กับทางสื่อ The Telegraph ว่าเกมนี้จะมีความฮาร์ดคอร์มากกว่าทุกครั้งที่ทีมงานเคยทำมา

“เรากลับไปทำในสิ่งที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว นั่นคือการที่ผู้เล่นจะสามารถนำเสนอตัวละครของตนออกมาได้อย่างที่ต้องการ”

Howard พูดถึงระบบที่สามารถเลือกเบื้องหลังความเป็นมาของตัวผู้เล่นได้จากหน้าสร้างตัวละคร ในลักษณะที่คล้ายกับ Life Path ของ Cyberpunk 2077 ซึ่งก็น่าสนใจว่าเกมนี้จะเลือกได้อิสระกว่าหรือไม่

นอกจากนี้ Starfield ก็จะสามารถปรับมุมมองได้ทั้งแบบ First-person และ Third-person เช่นกัน เหมือนกับ The Elder Scrolls และ Fallout ก่อนหน้านี้ จึงคาดว่าตัวเกม Gameplay จะยังคงมีมิติที่หลากหลาย และเพราะว่าเมื่อผู้เล่นมีอิสระมาก ตัวเกมก็จะต้องมีความท้าทายมากขึ้นตามไปด้วย

เหมือน Skyrim ที่ย้ายไปอยู่บนอวกาศ, เหมือนเล่นเป็น Han Solo ในแฟรนไชส์ Star Wars

ปัจจุบันเรายังคงไม่ทราบแน่ชัดว่า Starfield จะมีเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่ Todd Howard คนดีคนเดิม ก็เปิดเผยกับทาง The Washington Post เพื่อเรียกน้ำย่อยแฟน ๆ กันก่อนว่า

“มันจะเหมือนกับ NASA ที่มาเจอกับ Indiana Jones แล้วก็เจอกับ League of Extraordinary Gentlemen เลย”

Howard กล่าวต่อ

“มันจะมีกลุ่มผู้คนอยู่หลายฝ่าย โดยที่จะมีกลุ่มหลัก ๆ ให้คุณได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วย ให้อารมณ์เดียวกับ Skyrim เลย ซึ่งคุณจะสามารถเลือกเส้นทางอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็นได้” 

Bethesda มีความต้องการสร้างเกมแนวนิยายวิทยาศาสตร์มานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ยังทำไม่ได้นั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์กับเทคโนโลยียังไม่เอื้ออำนวย แต่ตอนนี้ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป และพวกเขาก็พร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์เหล่านั้นออกมาแล้ว

Ashley Cheng กรรมการผู้จัดการของ Bethesda เผยว่าสำหรับเขาแล้ว Starfield มันคือ “Han Solo Simulator” ที่เราจะได้ขับยานอวกาศสำรวจแกแล็คซี และทำกิจกรรมสนุก ๆ เหมือนอย่างที่ Star Wars มี นอกจากนั้นก็ยังมีคู่หูที่เป็นหุ่นยนต์คอยร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้แล้ว ทีมงานก็จะนำเสนอตัวเกมออกมาในสไตล์ของตัวเองเป็นหลัก และการเปรียบเทียบกับผลงานดัง ๆ เหล่านี้ ก็คาดว่าเป็นเพียงการอ้างอิงเพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

Creation Engine 2 กุญแจสำคัญที่จะเปิดประตูสู่ยุคใหม่

Bethesda ยืนยันแล้วว่า Starfield จะเป็นเกมแรกที่ได้ใช้ Creation Engine 2 ซึ่งเป็น Engine ตัวใหม่ล่าสุด ที่จะเป็นขุมพลังให้กับเกม Next-gen หลังจากนี้ของทีมงานต่อไป แน่นอนว่ารวมถึง The Elder Scrolls VI ด้วย

ตัว Engine จะไม่ได้เพียงแค่ยกระดับกราฟิกขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงประสิทธิภาพของ CPU มาใช้ให้เต็มที่ รวมถึงถ่ายโอนข้อมูลได้ดีกว่าที่เคยเป็น และจุดนี้เองที่ถือว่าเป็นการยกเพดานให้สูงขึ้น ทำให้สามารถจะตอบสนองความทะเยอทะยานของ Bethesda ได้อย่างที่พวกเขาอยากจะทำ

ก่อนหน้านี้ Keith Beltramini ทีมงานฝ่าย Lighting Artist ก็ยังออกมาเผยด้วย ว่าวิดีโอตัวอย่างล่าสุดของ Starfield ที่ดูน่าตื่นตาตัวนี้ ล้วนถูกเรนเดอร์มาจาก Creation Engine 2 ทั้งสิ้น โดยไม่ใช้เครื่องมือเทคนิคพิเศษด้านภาพยนตร์มาช่วยเลยแต่อย่างใด

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือนี่ถือเป็นตัวอย่างเกมแบบ In-engine ที่ถูกถ่ายทำขึ้นมาแบบ Real-time ไม่ได้มีการเรนเดอร์รอไว้ก่อนเลยแล้วค่อยนำมาเปิดทีหลัง

ด้วยเหตุนี้ จึงหมายความว่านี่คือภาพที่ Creation Engine 2 สามารถรังสรรค์ขึ้นมาได้จริง ๆ และก็ถือเป็นหน้าที่ของทาง Bethesda แล้ว ที่จะขัดเกลาให้ตัวเกมออกมาเป็นอย่างที่ได้เห็นในตัวอย่าง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากฮาร์ดแวร์ในยุคปัจจุบันที่ก้าวล้ำไปมาก ก็ต้องบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ที่จะรีดเร้นประสิทธิภาพของ Engine ออกมาใช้ให้ได้อย่างเต็มที่

นอกเหนือจากนี้ ทาง Bethesda ก็เผยว่าตัว Engine จะต้องเป็นมิตรสำหรับเหล่านักพัฒนา Mod อีกด้วย เพื่อให้ยังคงจุดขายของเกมในค่าย แบบเดียวกันกับที่ The Elder Scrolls (โดยเฉพาะ Skyrim) และ Fallout เป็นมาแล้ว จึงน่าสนใจไม่น้อยว่าเมื่อ Starfield ได้ออกวางจำหน่ายไป เราจะได้เห็นชุมชนชาว Mod ของเกมนี้สามารถเติบโตขึ้นไปได้มากเพียงใด

อาจมีระบบขับยานสู้รบกันด้วย

หากสังเกตจากภาพด้านบน ซึ่งปรากฏอยู่ในตัวอย่างของเกม จะพบว่าในแผงคอนโซลของยานอวกาศนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

  •  “WPNS” ที่อาจหมายถึงอาวุธติดยาน ซึ่งด้านล่างจะมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน
  • อาวุธรายการสุดท้ายใช้คำย่อว่า “MISS” ซึ่งอาจหมายถึงมิซไซล์ และข้าง ๆ มีคำว่า HOT ที่อาจบ่งบอกว่าอาวุธนั้น ๆ พร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว
  • ด้านล่าง จะพบกับคำว่า SHLD ที่อาจหมายถึงโล่ของยาน ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ขับจะต้องคอยจัดสรรพลังงานให้ดีกว่าจะนำไปใช้กับอาวุธหรือโล่เป็นหลัก

สิ่งเหล่านี้ล้วนบอกใบ้ให้เราคาดหวังว่าตัวเกมจะเปิดให้สามารถสู้รับกันได้กลางอวกาศ ยกเว้นเสียแต่ว่าที่เห็นอยู่นี้จะเป็นเพียงสิ่งประกอบฉากเท่านั้น ไม่ได้ถูกนำมาใช้จริง ซึ่งต้องรอการยืนยันจากทางทีมงานอีกครั้งหนึ่ง

Todd Howard เคยไปดูงานที่ SpaceX เพื่อเก็บข้อมูลมาใช้กับ Starfield

ในระหว่างงาน E3 ปี 2019 คุณ Todd Howard เคยได้ขึ้นเวทีร่วมกับ Elon Musk, ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการเทคโนโลยี และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท SpaceX มาแล้ว โดย Howard ก็เปิดเผยบนเวทีว่าครั้งหนึ่งเขาได้ไปเยี่ยมบริษัทนี้ เพื่อศึกษาดูงานอย่างใกล้ชิดและหาแรงบันดาลใจมาใช้กับ Starfield

เรายังไม่ทราบว่าตัวเกมจะได้แรงบันดาลใจตรงส่วนใดบ้าง แต่ทั้งนี้ Howard ก็พูดถึงฮีเลียม-3 เอาไว้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงสำหรับนิวเคลียร์ฟิวชัน และเป็นไปได้ว่าไอโซโทปตัวนี้จะถูกนำมาใช้กับยานอวกาศภายในเกม หรือใช้กับสิ่งอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาให้ชม

ทางด้านของยานอวกาศที่ปรากฏอยู่ในเกม ก็เป็นดีไซน์ที่ผสานไว้ทั้งความล้ำอนาคต และยังคงมีภาพลักษณ์ของเทคโนโลยีอวกาศในยุคปัจจุบันอยู่ด้วย ซึ่งส่วนนี้ก็ค่อนข้างจะตอบรับกับแนวทางของ SpaceX ที่ยานอวกาศชื่อดังอย่าง Crew Dragon เองก็ดูจะฉีกขนบไปพอสมควร โดยตัวแผงควบคุมจะเป็นแบบทัชสกรีนล้วน ล้ำยุคกว่ายานในตัวอย่างของ Starfield เสียอีก ที่ยังคงมีปุ่มกดปรากฏให้เห็นอยู่

ภายในห้องนักบินของยาน Crew Dragon

ทั้งนี้ก็น่าลุ้นอยู่เหมือนกัน ว่าหากทุกอย่างเป็นไปได้สวย เราอาจจะได้เห็นการจับมือกันระหว่าง SpaceX กับ Starfield แบบเป็นเรื่องเป็นราวก็ได้ และหากว่ามันเกิดขึ้นจริง ก็คงจะน่าสนใจไม่น้อยว่าทั้งสองบริษัทจะหยิบเอาส่วนใดออกมาทำให้เกมเมอร์ได้ตื่นตาตื่นใจกับ “ยุคใหม่” ที่กำลังจะมาถึงได้บ้าง

หนทางยังอีกยาวไกล เพราะวางจำหน่าย 11 พฤศจิกายน ปี 2022

Starfield จะพร้อมวางจำหน่ายปลายปีหน้า โดยจะลงให้กับ Xbox Series X|S และ PC เท่านั้น ซึ่ง Howard ระบุว่านี่จะทำให้พวกเขาสามารถโฟกัสกับการพัฒนาตัวเกม และออกมาเป็นผลงานที่สมบูรณ์ที่สุดอย่างที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวดีสำหรับชาว Xbox Game Pass อีกด้วย เพราะตัวเกมจะมาลงให้บริการนี้ตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายกันเลย พร้อมให้เข้าไปสำรวจอวกาศกันแบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นบน PC หรือ Xbox Series X|S ก็ตาม

Concept Art

ปิดท้ายด้วยภาพ Concept Art ของตัวเกม เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จากหลากหลายดวงดาว

 

SHARE

Satthathan Chanchartree

ฟ่าง - Content Writer

Back to top