ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวดีที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกดีใจอย่างล้นพ้นมากก็คือ Stranglehold เกมแอ็กชั่นล้างผลาญที่ได้ตัว John Woo เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างเกม แถมยังเป็นเรื่องราวที่สานต่อมาจากภาพยนตร์แอคชั่นสุดเดือดอย่าง “ทะลักจุดแตก” อีกด้วย และเพื่อเป็นการระลึกถึงเกมนี้หรือสำหรับคนที่อยากซื้อหามาเล่นอีกครั้ง เราจะพาคุณกลับไปรู้จักกับเกมเดินยิงที่ดุเดือดและสนุกสนานเกมนี้กันอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับแฟนหนัง โดยเฉพาะหนังฮ่องกง เชื่อว่าชื่อของนักแสดงหรือดาราที่เห็นกันบ่อยมากในยุค 90 คงหนีไม่พ้นโจวเหวินฟะ ดารานักบู๊มือทองที่ฝากผลงานเด่นไว้มากมาย เช่น คนตัดคน(God of Gambler -2532) โหดเลวดีทั้งสามภาค(Better Tomorrow – 2529- 2532) หรืออย่างใน Hollywood ก็มีผลงานเลื่องชื่ออีกเพียบ เช่นพยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก(Crouching Tiger Hidden Dragon– 2543) เป็นต้น
และหนึ่งในผู้กำกับคู่บุญที่โจวเหวินฟะร่วมงานด้วยมานานก็คือจอห์น วู ผู้กำกับไฟแรงที่สร้างสรรค์ผลงานหนังบู๊ระดับตำนานของฮ่องกงไว้มากมาย แม้ก่อนหน้านี้เขาจะประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์แนวตลกเบาสมองมาก่อน แต่ก็ได้การแนะนำจากยอดผู้กำกับอีกคนอย่าง ฉีเคอะให้เขามานั่งแท่นกำกับเรื่องโหดเลวดี ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงมาก และทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้กลายเป็นลายเซ็นและภาพจำของเขาจนกลายเป็นตำนานสืบมา
โจวเหวินฟะและจอห์น วู ต่างมีผลงานที่ทำร่วมกันอยู่ไม่น้อย แต่ที่สร้างชื่อจนกลายเป็นตำนานแห่งวงการภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญของฮ่องกงมากที่สุดก็คือ Hard Boiled (ทะลักจุดแตก – 2535) ด้วยฉากดวลปืนอันดุเดือด ยิงกระจาย แต่ที่ดู Contrast มาก ๆ ก็คือซีนที่ใส่เหล่านกพิราบเข้ามาในหนังของเขานี่แหละ(ซึ่งเขาเองก็ใส่ซีนที่มีนกพิราบบินว่อนนี้เข้ามาในหนังตั้งแต่เรื่องโหด เลว ดี แล้ว) ซึ่งแม้มันจะให้ความรู้สึกว่า ‘อะไรเนี่ย’ อยู่บ้าง แต่สมัยนั้นก็ต้องยอมรับในซีนที่เหล่าตัวเอกเดินออกมาโดยที่มีเหล่านกพิราบบินสวนออกมานั้นมันก็ดูเท่เสียเหลือเกิน
จากการได้เดินทางไปพิสูจน์ชื่อชั้นของตัวเองไกลถึง Hollywood ทำให้ทั้งสองยังคงร่วมงานกันอยู่เสมอ
และโปรเจกต์ใหม่ที่พวกเขาทำร่วมกันและเหนือกว่าที่หลายคนจะคิดถึงก็คือการพัฒนาเกมร่วมกัน โดยวางตัวเป็นเกมที่นำเสนอความเป็นภาพยนตร์บู๊แอคชั่นของ John Woo อย่างเข้มข้นเต็มเปี่ยม และเชื่อมโยงเรื่องราวจากภาพยนตร์เรื่องดังของเขาอย่าง Hard Boiled เข้าไปด้วย ทำให้มันกลายเป็นเกมที่ดึงความสนใจจากทั้งแฟนเกมและแฟนภาพยนตร์ได้ทันที
ซึ่งโปรเจกต์นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าทาง Midway ค่ายเกมใหญ่ในยุคนั้นพยายามสร้างเกมแอคชั่นที่สามารถขายชื่อแบรนด์ที่มีอยู่ในโลกมาก่อนได้ ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่คนในของ Midway มีเส้นสายและรู้จักกับจอห์น วูพอดี ทำให้พวกเขาได้ตัวผู้กำกับดังคนนี้มาร่วมพัฒนาเกม ให้กลายเป็นเกมที่มีความภาพยนตร์ของเขาอย่างเปี่ยมล้นแบบสุด ๆ และเพื่อสร้างผลงานให้กับบริษัทใหม่ที่เขาเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาอย่าง Tiger Hill Entertainment ก็ทำให้เขาตอบรับข้อเสนอนี้ทันที
Stranglehold เป็นเรื่องราวของ Tequila นายตำรวจเลือดร้อนผู้ที่ชอบยิงก่อน ถามที่หลัง ซึ่งชื่อของเขาก็มาจากเครื่องดื่มที่เขาชอบอย่าง Tequila Bomb นั่นเอง ซึ่งเขาจะต้องมาแก้ไขคดีฆาตกรรม การลักพาตัว และอื่น ๆ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายค้าอาวุธเถื่อน ที่เขาจะต้องปราบปรามพวกมันลงให้ได้
Stranglehold มีการเล่าเรื่องที่ตรงไปตรงมา สลับไปกับฉากบู๊จาก Gameplay สุดแสนเร้าใจ ซึ่งแม่เหล่าเกมเมอร์จะเคยเห็นมาก่อนแล้วจากเกมอย่าง Max Payne ทั้งสองภาค แต่ Stranglehold ก็มีการใส่ลูกเล่นอื่นที่น่าสนใจเข้ามาเสริมแบบไม่เหมือนใคร เช่นการยิงแบบไม่รีโหลด การเคลื่อนตัวไปตามแพลตฟอร์มเพื่อการยิงศัตรูจากรอบทิศทาง เช่นรถเข็นหรือราวบันได(แต่ประทานโทษ หลายครั้งนี่ไม่ได้เท่เลย ออกจะตลกด้วยซ้ำ ฮา)
เรียกว่าถึงจะไม่ได้มีความใหม่อะไรมากนัก แต่นี่ก็เป็นเกมที่มีความเป็นจอห์น วูอย่างเต็มเปี่ยมไม่ต้องสงสัย
เพราะด้วยการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม รวมไปถึงลายเซ็นเฉพาะตัวของเขาที่มีอยู่ทั่ว เช่นการเก็บสะสมนกพิราบเพื่อปลดล็อกความลับในเกม หรือเราจะได้เห็นเหล่านกพิราบบินว่อนในเกมมากมายเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่าเป็นเกมของจอห์น วู รวมกับการยิงต่อสู้ดวลปืนกับศัตรูอีกทั้งกองทัพ ทำให้เรารู้สึกมันสะใจกับเกมได้ไม่ต่างกับการรับชมภาพยนตร์ฮ่องกงเลยสักนิด และการแสดงของโจวเหวนฟะเองก็ทำออกมาได้ดี ซึ่งความสวยงามของเอนจิ้น Unreal 3 ยุคนั้นก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่พอตัว
ตัวเกมยังมีระบบเสริมความสามารถผู้เล่นเข้าไปอีกก็คือการเล็งยิงระยะไกล หรือโหมดพิเศษที่ยิงโจมตีได้รุนแรงขึ้น ซึ่งผู้เล่นต้องรู้จักการบริการการใช้พลังพิเศษนี้ให้ดีไม่ให้หมดไปก่อนเวลา ไม่อย่างงั้นอาจโดนรุมยิงจนตายและต้องไปเริ่มใหม่กันได้เลย และยิ่งผ่านไปฉากหลัง ๆ ความยากก็จะมากขึ้นไปด้วย
แม้จะทำออกมาได้ดีในหลายส่วน และได้รับคำชมในแง่ดีจากสื่อหลายเจ้า แต่ตัวเกมก็ยังมีปัญหาอยู่ในบางจุด เช่นรายละเอียดของฉากและงานศิลป์ที่ยังไม่จัดเต็มมากนัก ตัวเกมค่อนข้างสั้น และการเห็นคนฮ่องกงมาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่ง ๆ ก็ทำให้ตัวเกมดูด้อยคุณภาพลงไป และเราก้ไม่ได้เห็นผลงานเกมอื่น ๆ ของจอห์น วูอีกเลยนับตั้งแต่เกมนี้
แม้จะน่าเสียดายที่เราอาจไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานเกมชิ้นต่อไปของจอห์นวูอีกแล้ว แต่เราก็ไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีเกมแอคชั่นสุดดิบที่เขาเคยมีส่วนร่วมและพัฒนาด้วยตัวเอง เป็นเกมที่ความเป็นตัวของเขาอย่างเปี่ยมล้นแท้จริง ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นไม่ได้บ่อย ๆ ที่ผู้กำกับหนังจะสามารถสร้างเกมที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ แม้เราจะมีเกมอย่าง Sleeping Dogs ที่จำลองความเป็นหนังฮ่องกงมาได้สุด ๆ ก็ตาม แต่ก้เป็นรูปแบบหนึ่งที่ต่างไปจากสไตล์ของจอห์น วูอย่างสิ้นเชิง
และพวกเราก็หวังว่า สักวันหนึ่งจะมีโอกาสได้เห็นเกมแอคชั่นบู๊แหลก ที่สานต่อเจตนารมณ์ของผู้กำกับชั้นครูคนนี้ออกมาให้เห็นกันอีกในอนาคตข้างหน้าครับ