ชาวไทยอาจไม่รู้จักชื่อ Takeshi Kitano เท่าไหร่นัก แต่หากบอกว่าเป็นนักแสดงครูสุดโฉดในเรื่อง Battle Royale หรือผู้สวมบทเป็นตัวละครหลักในเกม Yakuza 6 นาม Toru Hirose ผู้อ่านหลายคนจะเข้าใจทันทีว่าเขาเป็นดาราญี่ปุ่นระดับโลกที่หลายคนต้องยกย่องในเรื่องของการแสดงและมีผลงานกำกับภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
แต่รู้หาไม่ว่าเขาก็ฝากผลงานเกมในตำนานอย่าง Takeshi’s Challenge ที่ถูกยกย่องว่าเป็นเกมที่ล้ำก่อนใคร โดยทั้ง ๆ ที่เขาไม่เข้าใจวิธีการสร้างเกมแม้แต่นิดเดียว แล้วเกมนี้มีความดีอย่างไร บทความนี้มาให้คำตอบกันครับ
Takeshi Kitano ผู้นั้นคือใคร ?
ก่อนที่จะเข้าประเด็นหลักของบทความนี้ เราต้องทำความเข้าใจกับบุคคลที่มีชื่อว่า Takeshi Kitano ฉบับย่อซะก่อน
Takeshi Kitano เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และดารานักแสดง (ภายใต้ชื่อ Beat Takeshi) เขาโด่งดังในฐานะเป็นนักแสดงสัญชาติญี่ปุ่นไม่กี่คนที่มีส่วนร่วมในวงการ Hollywood และเป็นอดีตนักแสดงตลกกับพิธีกรรายการวาไรตี้ชื่อดัง Takeshi’s Castle
แต่ไม่มีสิ่งไหนน่าจดจำเท่ากับผลงานกำกับภาพยนตร์ที่มีลายเซ็นของตัวเอง ด้วยเนื้อหาของหนังส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับยากูซ่า ตลกร้าย ดาร์ก รุนแรง และชวนจิตตกเกือบทุกเรื่อง ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ในอดีตที่เป็นนักแสดงตลกอย่างสิ้นเชิง (แนะนำเรื่อง Sonatine ครับ ของเขาดีจริง)

Takeshi Kitano ในเรื่อง Battle Royale
Takeshi Kitano เป็นคนที่มีความสามารถ มีตัวตนของตัวเอง และผ่านมรสุมชีวิตมากมาย เขาเป็นทั้งนักแสดง นักเขียนบท ผู้กำกับ ตัดต่อหนัง นักร้อง และแน่นอนว่าเขาเคยเป็นผู้สร้างวิดีโอเกมอีกด้วย แต่มีเพียงแค่ผลงานชิ้นเดียวเท่านั้น นั่นคือเกม Takeshi’s Challenge
ทำไมเกมนี้จึงถือกำเนิดขึ้น ?
คำถามที่ผู้อ่านหลายคนอาจสงสัยเป็นอย่างแรก คือ “ ทำไมจู่ ๆ นักแสดงตลกถึงหันมาทำวิดีโอเกม ? ”
และหากอ้างอิงบทความของ Kotaku จากบทสัมภาษณ์ของคุณ Takeshi บนนิตยสารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งเขียนว่า เขาไม่ชอบเทคโนโลยีแบบเข้าไส้ เขาเกลียดทั้งอีเมล, โทรศัพท์มือถือ, แม้กระทั่งวิดีโอเกมกับเกมเมอร์ (ใช่ คุณผู้อ่านนั่นแหละ!) ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาอยากสร้างเกมของตัวเองแน่ ๆ
น่าเสียดายที่สาเหตุแรงจูงใจในการสร้างเกมยังคงเป็นปริศนา แหล่งข้อมูลเผยเพียงว่าเขาอาจสร้างเกมขึ้นมาเพื่อล้อเลียนเกมเมอร์โดยเฉพาะ และตอนแรกเกมนี้มีชื่อว่า Takeshi’s Castle (รายการโทรทัศน์วาไรตี้ของเขาเอง) แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเกมเป็น Takeshi’s Challenge ภายหลัง ซึ่งพัฒนาโดยทีมงาน Taito Corporation ลงบนเครื่อง Nintendo Famicom เท่านั้น
เกมนี้พิเศษยังไง ?
เกม Takeshi’s Challenge เป็นเกมแนวผจญภัย Platformer โดยคุณจะได้รับบทเป็นพนักงานกินเงินเดือนชื่อ Takeshi Kitano ที่ออกเดินทางไปยังเกาะร้างเพื่อตามหาขุมสมบัติลึกลับที่ถูกซ่อนไว้อยู่
ผู้อ่านอาจจะคิดว่าพล็อตเนื้อเรื่องเกมนี้ทำไมมันช่างสั้นกับเรียบง่ายขนาดนี้ แต่ใช่แล้ว… Story ของเกมมีเพียงเท่านี้จริง ๆ
ตอนนั้นมีข่าวลือว่าในขณะที่คุณ Takeshi กำลังคิดพล็อตเกม เขาต้องกำลังนั่งเมาแน่ ๆ แต่คุณ Kitano ก็ออกมาเผยว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้ถูกคิดค้นขึ้นเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงจากการนั่งพูดคุยกับผู้พัฒนาเกมในร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัท
แต่นั่นไม่ใช่จุดขายหลักของเกมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องความอิสรเสรีในการลาดตระเวนทั่วแผนที่และผู้เล่นจะสามารถทำอะไรก็ได้ต่างหาก
เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่ Takeshi Kitano (เรา) ถูกบอสใหญ่ต่อว่าแบบยกใหญ่และให้เงินโบนัสเราเพียงน้อยนิด ต่อมาผู้เล่นจะสามารถเลือกมีปฏิสัมพันธ์กับบอสได้ดังนี้ คือ ยื่นใบลาออก, ขอลาป่วย, ขอลาพักร้อน หรือต่อยผู้จัดการซะ
ซึ่งแน่นอนว่าเกมเมอร์สามารถเลือกที่จะเปิดศึกกับหัวหน้าและผู้รักษาความปลอดภัยด้วยการซัดกันให้เละกันไปข้างหนึ่ง
เมื่อผู้เล่นออกตระเวนสู่แผนที่ข้างนอก คุณจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะแวะที่ไหน, เอาเงินซื้ออะไร, ทำกิจกรรมเช่นเล่นปาจิงโกะ ร้องคาราโอเกะ ฝึกเล่นดนตรี ดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำจนเงินหมดตัว หรือแม้กระทั่งหาเรื่องต่อยกับใคร
แต่สิ่งที่ผู้เขียนช็อกมากที่สุด คือรู้สึกว่าเกมนี้ให้อิสระมากจนเกินไป หากเกมเมอร์กลับมาที่บ้านของตนเพื่อพบกับภรรยากับเด็กอีกสองคน ผู้เล่นสามารถเลือกคำสั่งว่าจะขออาหาร, เตรียมห้องอาบน้ำ, นอน, ออกเดินทาง และขอหย่ากับภรรยา
หากเกมเมอร์เลือกหย่ากับภรรยา ก็จะมีตัวเลือกเพิ่มอีกสองทาง คือให้เงินค่าเลี้ยงดูหรือต่อยเธอ จากนั้นผู้เล่นจะต้องต่อสู้กับภรรยาจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปข้างหนึ่ง และหากกำจัดภรรยาเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถต่อยเด็กที่เหลือให้ล้มตายเช่นกัน …
เกมเมอร์หลายคนอาจรู้สึกไม่สบายใจกับตัวเกมที่เปิดกว้างเกินไปจนสามารถกระทำประทุษร้ายแก่ภรรยากับเด็กของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าระบบดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่ผู้เล่นสามารถทำอะไรก็ได้บนโลกวิดีโอเกม
หากบอกว่า GTA เป็นสุดยอดเกมเปิดโลกกว้างยุคแรกงั้นเรอะ! ผมการันตีบอกเลยว่า Takeshi’s Challenge เป็นผู้นำที่มาก่อนกาล
อีกจุดหนึ่งที่เกมนี้สามารถสร้างนวัตกรรมให้กับวิดีโอเกม คือเนื้อหาทะลุกำแพงที่สี่กับ Secret ทรงพลัง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เล่นเข้าหน้าใส่รหัสเพื่อดำเนินเนื้อหาต่อ เกมเมอร์สามารถจะเลือกคำสั่งต่อยผู้รักษาความปลอดภัยในเกม โดยมีผลลัพธ์ตามมาคือเกมจะจบลง พร้อมโชว์ฉาก Game Over ในตำนานที่ผู้เล่นอยู่ในโลงศพปราศจากผู้มาเยี่ยมไว้อาลัยคุณ
Secret ที่โดดเด่นก็มีเช่น หากผู้เล่นไม่อยากออกตะลุยทั่วเกมและต้องการวาร์ปไปตอนจบทันที ผู้เล่นต้องต่อยอากาศจำนวน 20,000 ครั้ง หรือเมื่อผู้เล่นตาย เกมเมอร์สามารถกดปุ่ม A+B พร้อมกันหลายครั้งเพื่อสั่งให้เกิดใหม่โดยไม่จำเป็นต้องเข้าหน้าใส่รหัสให้เสียเวลา
หรือตอนจบของเกมนี้ เมื่อขึ้นประโยคจบเกมว่า “เยี่ยมไปเลย!” (Amazing!) ให้ผู้เล่นรอประมาณ 5 นาที ตัวเกมจะส่งข้อความเชิงดูถูกเกมเมอร์ว่า “คุณเอาจริงเอาจังกับการเอาชนะเกมห่วย ๆ อย่างเกมนี้เนี่ยนะ? เสียดายเวลาชีวิตว่ะ อย่าจริงจังกับเกมให้มากนัก”
แม้ไม่ได้มีเนื้อหาที่เยอะมากนัก แต่สำหรับเกมกลางยุค 80’ ถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากและเชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยปฏิวัติวงการเกมในอนาคตแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ไอเดียสุดล้ำของคุณ Takeshi ไม่ตรงตามเป้าหมายที่เขาคาดไว้ (หรือไม่คาดหวังตั้งแต่แรกแล้วซะด้วยซ้ำ) เพราะเกม Takeshi’s Challenge ถูกยกย่องจากนิตยสาร Famitsu ว่าเป็นเกมระดับ Kusoge ซึ่งฉายาดังกล่าวทรงพลังเทียบเท่ากับตำแหน่ง “เกมห่วยที่สุดตลอดกาล” สำหรับฝั่งประเทศญี่ปุ่น
ถึงแม้เกมจะมีนวัตกรรมเรื่องการมอบความอิสระเสรีแก่เกมเมอร์และมีเนื้อหาทะลุกำแพงที่สี่ แต่นอกเหนือนั้นถือว่าประสบความล้มเหลวเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพกราฟิกแย่, เกมเพลย์ไม่ชัดเจน, โครงสร้างเนื้อเรื่องเหมือนทำขึ้นมาแบบลวก ๆ และตัวเกมมีระดับความยากที่เป็นไปไม่ได้จนขึ้นแท่นเป็นตำนาน “เกมยากที่สุดตลอดกาล” อีกด้วย
เนื่องจากเกมทั้งแย่ ทั้งยากแบบไร้สาระ ทำให้เนื้อหาของเกมที่เป็นส่วนของนวัตกรรมถูกโดนกลบด้วยกระแสรีวิวที่ย่ำแย่ไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงอย่างนั้น กระแสเกมมันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว เพราะเกมนี้สามารถทำยอดขายทั้งหมดประมาณ 800,000 ชุด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลย และหลังจากนั้น คุณ Takeshi Kitano เริ่มหันมาเอาดีด้านการแสดงและกำกับภาพยนตร์จนกลายเป็นบุคคลสำคัญแห่งวงการภาพยนตร์และสื่อจนถึงทุกวันนี้
เกมล้ำเกินจนเข้าใจยาก
ก็น่าเสียดายเหมือนกัน เพราะคุณ Kitano ออกมาเผยแนวทางการสร้างเกม Takeshi’s Challenge ว่าอยากจัดเต็มมากกว่านี้ แต่เนื่องจากประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์เครื่อง Famicom มีจำกัด และเนื้อหาดั้งเดิมมีความรุนแรงเกินไป ไอเดียทั้งหมดจึงโดนดรอปเพื่อสร้างเกมให้ทุกคนเข้าถึงได้
และในงาน Tokyo Game Show 2007 เกม Takeshi’s Challenge ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดเกม Retro ต่างจากช่วงปี 1985 ที่เกมโดนวิจารณ์ในแง่ลบแบบไม่มีชิ้นดี
ไม่แน่ ถ้าหากเกมนี้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น คุณ Takeshi Kitano อาจเริ่มสนใจทำผลงานวิดีโอเกมมากขึ้นและกลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลแห่งวงการเกมที่เทียบเท่ากับคุณ Hideo Kojima ก็เป็นได้ แต่สำหรับตอนนี้ ผู้เขียนคงคิดได้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นครับ