หากพูดถึงชื่อ Silent Hill ในทุกวันนี้ เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่ก็คงจะต้องนึกถึงสุดยอดซีรีส์เกมสยองขวัญขึ้นหิ้งระดับตำนาน ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความเข้นข้นด้านเนื้อเรื่อง ปมปริศนาที่ชวนขบคิด การนำเสนอที่แปลกแหวกแนว และความหลอนที่หยิบเอาความกลัวในด้านจิตวิทยามาเล่นกับคนที่ได้สัมผัส
และพอพูดถึงชื่อนี้ก็เชื่อได้ว่าทุก ๆ คนเฝ้าคอยอยากจะเห็นชื่อ Silent Hill กลับมาโลดแล่นสร้างสีสันภายในวงการเกมกันอีก
นับตั้งแต่โครงการ P.T ของ Hideo Kojima ถูกยกเลิกไป ส่วนค่าย Konami ก็ดูจะผลักตัวเองให้ห่างจากการพัฒนาเกมในระดับ AAA ออกไปทุกที ๆ
ในยุคสมัยที่หลายคนประกาศตัวว่าตัวเองเป็นแฟนเกมตระกูล Silent Hill แต่น้อยคนนักที่นะจะรู้ว่าต้นกำเนิดของเกมตระกูลนี้ เริ่มต้นจากการรวมตัวของเหล่าพนักงานที่มีปัญหาใต้สังกัด Konami
และเกม Silent Hill ก็ถือเป็น Project ของเหล่าพนักงาน “กบฎ” ที่ไม่มีใครชื่อว่าจะประสบความสำเร็จและจะกลายเป็นตำนานแบบในปัจจุบัน
กำเนิดทีม Silent การรวมตัวของเหล่าตัวปัญหาในบริษัท Konami
โครงการพัฒนาเกม Silent Hill เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Konami จ้องมองตั้งเป้าหมายไปยังตลาดเกมนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นตลาดใหญ่ของเกม Console ก็คือประเทศสหรัฐอเมริกา โครงการเกม Silent Hill เริ่มต้นขึ้นโดยมีเป้าหมายคือการตีตลาดเกมต่างประเทศ และเพื่อการนั้นตัวเกมจึงถูกตั้งเป้าให้มีบรรยากาศแบบ “Hollywood”
ทีม Silent คือชื่อที่ถูกใช้เรียกทีมพัฒนาที่ได้รับมอบหมายให้สร้างเกมตามเป้าหมายดังกล่าวขึ้นมา แต่ปัญหาและจุดเริ่มต้นของตำนานก็เกิดขึ้น เมื่อทาง Konami เริ่มต้นส่งทีมงานที่มีปัญหาและถูกประเมินว่า “ล้มเหลว” จากโครงการอื่น ๆ ในบริษัทให้มารวมตัวกันในทีม Silent
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือว่า ทีม Silent กลายเป็นสถานที่ซึ่งพนักงานที่ Konami เห็นว่าไร้ประสิทธิภาพถูกส่งมากองรวมกัน
จากโครงการไร้อนาคตสู่ตำนานเกมสยองขวัญ
ในช่วงแรกของการพัฒนา ขวัญและกำลังใจภายในทีม SIlent นั้นเรียกได้ว่าตกต่ำถีงขีดสุด ตัวทีมงานเองก็อยากจะลาออกจากบริษัทเพราะในผลงานเก่า ๆ ความฝัน ความคิดเห็น หรือไอเดียต่าง ๆ ที่พวกเขานำเสนอก็ไม่ถูกนำมาใช้ ความเข้ากันได้กับบริษัทก็แทบจะไม่มี
แม้แต่ในการสร้างเกม Silent Hill ตามที่ได้รับมอบหมายมา ตัวทีมงานเองก็ไร้ซึ่งไอเดียและไม่มีความแน่ใจว่าจะเดินหน้าในโครงการเกมนี้ยังไงดี
ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เหล่าผู้บริหารภายในของ Konami ก็เริ่มหมดความสนใจในตัวโครงการเกมชิ้นนี้ และสถานการณ์ดังกล่าวก็ยิ่งบีบคั้นให้ทีม SIlent รู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอกในบริษัท Konami ที่ทำงานตัวเอง
แต่ภายใต้มรสุมดังกล่าวก็บังเกิดข้อดีขึ้นมา เมื่อบริหารเริ่มไม่สนใจตัวโครงการชิ้นนี้ ผลที่ตามมาก็คือทีม Silent มีอิสระอย่างมากในการกำหนดทิศทางต่าง ๆ ของตัวเกมตามใจตนเอง
เมื่อเริ่มเล็งเห็นว่าผลงานชิ้นใหม่ใต้การควบคุมทุกอย่างภายในทีมของตนเองมีศักยภาพ ทีม Silent กลับตัดสินใจจะผลักดันผลงานเกมของตนเองในฐานะงานศิลปะชิ้นเอก เป็นวีดีโอเกมที่จะสร้างความกลัว “รูปแบบใหม่” ให้กับผู้เล่น
ทุ่มสุดตัวเพื่อสุดยอดผลงาน
ความพยายามในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ (รวมไปถึงความหัวขบถ) ของทีมงานสะท้อนออกมาได้ชัดเจนที่สุดผ่านเรื่องราวของ Takayoshi Sato ศิลปินผู้ออกแบบตัวละครของ Silent Hill
ในตอนนั้น Sato ถือว่าเป็นพนักงานน้องใหม่ ผลงานต่าง ๆ ที่เขาทำให้กับค่าย Konami จึงไม่ได้รับการมอบเครดิทให้อย่างเป็นทางการ และงานที่ Sato ได้รับมอบหมายก็มักจะเป็นงานเล็ก ๆ อย่างการออกแบบ Font หรือการปรับแก้กราฟิกเล็ก ๆ
Sato ใช้เวลาว่างที่มีศึกษาการปั้นโมเดล 3 มิติและกลายเป็นพนักงานไม่กี่คนใน Konami ที่มีความสามารถดังกล่าว ผลก็คือทีมงานอาวุโสหลายคนจำเป็นต้องมาขอร้องให้ Sato ช่วยเหลือในการทำงาน
ในที่สุด Sato ก็อาศัยความรู้ดังกล่าวเดินหน้าเข้าไปเจรจาข่มขู่ผู้บริหารของ Konami โดยยืนยันว่าเขาจะไม่ส่งมอบถ่ายทอดความรู้ในการสร้างโมเดล 3 มิติให้กับพนักงานคนอื่น หาก Konami ไม่ยอมมอบตำแหน่งหลักในการออกแบบตัวละคร 3 มิติให้กับเขาใน Project ใหม่ของบริษัท
สุดท้าย Sato จึงได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำหน้าที่ออกแบบตัวละครของเกม Silent Hill ภาคแรก ซึ่งการออกแบบของ Sato ก็แตกต่างจากการออกแบบตัวละครของคนอื่น ในขณะที่ตัวละครมักจะถูกออกแบบขึ้นมาโดยใช้ภาพวาด Sato อาศัยการออกแบบตัวละครในเกม Silent Hill โดยใช้โมเดล 3 มิติโดยตรง
และแม้ Sato จะเริ่มทำงานในโครงการ Silent Hill ไปได้สักพักแล้วแต่ทีมงาน Konami ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะพยายามส่งคนมาคุมการทำงานของ Sato อีกทีนึง สุดท้าย Sato จึงยื่นข้อเสนอว่าเขาจะเป็นคนทำวีดีโอเคลื่อนไหวทั้งหมดในเกม Silent Hill ด้วยตัวคนเดียว และนั่นทำให้ Konami ต้องยอมมอบความรับผิดชอบทั้งหมดให้ Sato เพียงผู้เดียว
หลังจากนั้น Sato ก็ใช้เวลา 2 ปีครึ่งทุ่มสุดตัวกับการสร้างเกม Silent Hill เขาย้ายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ใน Office ของ Konami กิน นอน ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบเต็ม ๆ และในการ Render วีดีโอของเกมนี้ Sato ก็ต้องรอใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัทหลังเวลาเลิกงาน
อ้างจากคำให้สัมภาษณ์ของ Sato ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า Silent Hill ใช้งบประมาณในการพัฒนา “น้อยกว่า” เกมดัง ๆ ในยุคเดียวกันอย่างมาก ในขณะที่ทีม Silent ตั้งเป้าหมายให้ผลงานชิ้นนี้ก้าวข้ามงานเกมชิ้นอื่น ๆ กลายเป็นเกมระดับตำนานมากกว่าจะเน้นสร้างเกมเพื่อมุ่งเป้าทำยอดขายเพียงอย่างเดียว
เบื้องหลังการออกแบบ
ตัวเกม Silent Hill ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะเป็นเกมที่เล่นกับความกลัวในจิตใจโดยอาศัยแง่มุมของความลึกลับและสร้างความสับสนให้กับผู้เล่น
ตัวเนื้อเรื่องถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะไม่มีการบอกหรือเฉลยข้อมูลให้กับผู้เล่นแบบตรง ๆ ในขณะที่เนื้อหาหรือเนื้อเรื่องบางจุดก็ขัดแย้งกันเองเพื่อทำให้ผู้เล่นสับสนขึ้นกว่าเดิม
คุณ Keiichiro Toyama ผู้กำกับของเกมเป็นคนเขียนเนื้อเรื่องหลัก โดยตัวคุณ Toyama เองไม่ได้เชี่ยวชาญหรือชื่นชอบหนังสยองขวัญมากนัก แต่ชื่นชอบเรื่องราวลึกลับอย่าง UFO และหนังของผู้กำกับชื่อดัง David Lynch ในตอนนั้นเองแม้แต่คุณ Toyama เองก็ไม่มีความมั่นใจและถึงกับตั้งข้อสงสัยว่าทำไม Konami ถึงมอบหมายตำแหน่งผู้กำกับให้กับเขา เพราะเขาไม่เคยผ่านงานกำกับเกมอื่น ๆ มาก่อนเลยแม้แต่เกมเดียว
ฝั่งคุณ Hiroyuki Owaku โปรแกรมเมอร์ของเกม นอกจากจะต้องเขียนโค้ดให้กับเกมแล้วเขายังรับหน้าที่พ่วงในการคิดคำปริศนาต่าง ๆ ภายในเกมอีกด้วย
และสุดท้ายคุณ Takayoshi Sato ผู้ออกแบบตัวละครก็ยังทำหน้าที่ปรับบทแก้ไขเนื้อเรื่องของตัวเกมให้มีความต่อเนื่องสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
การออกแบบเมือง Silent Hill นั้น อาศัยจินตนาการของทีมงานชาวญี่ปุ่นโดยตร โดยเป็นการพูดคุยกันภายในและอาศัยภาพจำของเมืองเล็ก ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาจากภาพยนตร์รวมไปถึงหนังสือต่าง ๆ
เสียงเพลงและเสียงประกอบในเกมก็เป็นอีกจุดที่ส่งให้ Silent Hill กลายเป็นเกมระดับตำนาน คุณ Akira Yamaoka เป็นผู้รับผิดชอบด้านเสียง โดยตัวเขาเองขอร้องเข้ามาร่วมงานในโครงการนี้หลังผู้รับผิดชอบคนเก่าลาออกไป คุณ Yamaoka ระบุว่าตัวเขาไม่ได้ดูฉากในเกมเลยระหว่างการแต่งเพลง และเพื่อให้เสียงในเกมนี้ต่างจากเกมอื่น ๆ มากที่สุดเขาก็เลือกใช้เสียงที่ให้ความรู้สึกเย็นและขึ้นสนิม
ซึ่งระหว่างการนำเสนอเสียงเสียงดนตรีให้ทีมงานคนอื่น ๆ ฟัง ผลก็คือเหล่าทีมงานต่างพากันคิดว่าเสียงที่ได้ยินเกิดจากข้อผิดพลาดหรือ Bug จนคุณ Yamaoka ต้องพยายามอธิบายให้ทีมงานที่เหลือฟังว่าเสียงทั้งหมดผ่านแนวคิดและการออกแบบมาแล้ว
เปิดตัวแบบยิ่งใหญ่
Silent Hill ถูกเปิดตัวสู่สายตาเกมเมอร์ครั้งแรกในงาน E3 ปี 1998 โดยมีการฉายฉาก Cut Scene และฉากภายในเกมบางส่วนให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับชม
ตัวเกมได้รับเสียงปรบมือและการตอบรับแบบล้นหลามจากผู้เข้าร่วมงาน กระแสตอบรับดังกล่าวส่งผลให้ Konami ตัดสินใจเริ่มเดิมพันกับผลงานเกมชิ้นนี้
มีการมอบงบสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับโครงการ Silent Hill พนักงานใหม่ถูกส่งเข้ามาประจำการ และการโฆษณาโปรโมตตัวเกมก็เริ่มมีงบมากขึ้น ตัวเกมถูกนำไปจัดแสดงโชว์ในงานเกม และเดโมของเกม Silent Hill ก็ถูกอัดแถมลงไปในแผ่นเกม Metal Gear Solid ในประเทศญี่ปุ่น
กำเนิดตำนานความสยองขวัญ
ตัวเกมออกวางจำหน่ายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ปี 1999 ในอเมริกา และวางจำหน่ายในวันที่ 4 มีนาคม ปีเดียวกันในประเทศญี่ปุ่น
ตัวเกมได้รับกระแสตอบรับอย่างสวยงามจากทั้งสื่อและเกมเมอร์ที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับตัวเกม ในด้านของเนื้องานนั้น Silent Hill ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงในแง่การนำเสนอความสยองขวัญในรูปแบบใหม่ การสร้างบรรยากาศสุดหลอนในแบบที่ไม่เหมือนใคร และแม้ตัวเกมจะมีความเหมือนกับ Resident Evil ซีรีส์ชื่อดังที่ประสบความสำเร็จมาก่อน แต่ระบบและการนำเสนอหลายอย่างของ Silent Hill ก็มีความแตกต่างและมอบความสนุกที่ไม่มีใน Resident Evil
สื่อและนักรีวิวหลายคนเห็นตรงกันว่า Silent Hill ใช้ข้อจำกัดของพลังเครื่อง PlayStation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้หมอกบังตาเพื่อลดระยะมองเห็น ภาพกราฟิก 3 มิติแบบเต็มรูปแบบที่แม้จะมีความละเอียดต่ำแต่ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความสยองขวัญของงานภาพโดยรวม
ความสำเร็จของ SIlent Hill ภาคแรกส่งผลให้เกมตระกูลนี้ถูกพัฒนาตามหลังมาแบบต่อเนื่อง กลายเป็นหนึ่งในเกมสยองขวัญที่โด่งดังที่สุดของวงการเกม
ขณะที่ตัวเกมภาคแรกก็ยิ่งถูกเชิดชูมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยนิตยสาร Time ในปี 2012 จัดให้ Silent Hill เป็นหนึ่งในเกมร้อยเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล
ตำนานที่ยังรอการสานต่อ
เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ชื่อของ SIlent Hill ก็ดูจะเลื่อนหายไปจากวงการเกมยุคใหม่ หลังโครงการล่าสุดอย่าง P.T ที่ Konami หวังจะร่วมมือกับ Hideo Kojima นำเกมตระกูลนี้กลับมาสานต่อถูกยกเลิกทิ้งไป นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อ Silent Hill ก็ปรากฎตัวเพียงแค่ในข่าวลือเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นการลือครั้งไหน แฟนเกมสยองขวัญก็มักจะตื่นเต้นกันทุกครั้งและเฝ้ารอให้ Silent Hill ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นสานต่อกันเสียที