สำหรับผู้เขียนแล้ว เกมแนว Racing หรือแข่งรถก็เป็นอีกแนวหนึ่งที่โปรดปราน แม้จะไม่ได้เล่นเป็นกิจลักษณะหรือเป็นประจำเหมือนกับใครหลาย ๆ คน แต่เรียกว่าถ้ามีโอกาสเล่นก็จะไล่เล่นแบบยาว ๆ เลย ซึ่งเกมที่เล่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกมที่ได้รับความนิยมเช่น Need For Speed หรือเกมอาร์เคดอย่าง Initial D หรือ Wangan Midnight Maximum Tune แต่มีเกมหนึ่งที่เรียกว่าชอบมาก ๆ และประทับใจมาจนทุกวันนี้แบบหาอะไรมาแทนไม่ได้ ก็คือเกม Test Drive Unlimited นั่นเองครับ
ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ชื่อของ Test Drive ก็ถือเป็นเกมแข่งรถที่มีชื่อชั้นอยู่ในวงการมาอย่างยาวนานมากเกมหนึ่ง ทั้งแข่งรถแบบธรรมดาทั่วไป หรือขับแบบบดขยี้ชนกันกระจายในภาค Eve of Destruction เป็นต้น แต่ในปี 2006 พวกเขาก็ลองทำสิ่งใหม่ที่น่าสนใจ คือการนำระบบ Open World มาใส่ในเกมแข่งรถ และใช้สถานที่จริง ๆ บนโลกมาสร้างเป็นแผนที่ในเกมแบบละเอียดสุด ๆ และเพิ่มหลายอย่างเข้าไปในเกมแบบไม่จำกัด และใช้ชื่อภาคว่า Unlimited เพื่อสื่อถึงความเป็นไปได้ในเกมที่ไม่มีการถูกกำจัดกรอบเอาไว้นั่นเอง
Test Drive Unlimited พัฒนาโดย Eden Games ทีมพัฒนาจากฝรั่งเศสที่เคยมีผลงานเกมแข่งรถมาแล้วมากมายในชื่อ V-Rally รวมไปถึงเคยมีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมอย่าง Need for Speed: Porsche Unleashed มาแล้ว จึงทำให้ชื่อชั้นของพวกเขาดูโอเคมาก ๆ สำหรับการพัฒนาเกมนี้ และพวกเขาก็ทำได้ดีทีเดียว
สำหรับในเกม Test Drive Unlimited เราจะได้รับบทเป็นนักแข่งรถที่เดินทางมาสู่เกาะ O’ahu ในฮาวาย ออกเดินทางแข่งรถหลากหลายแบบเพื่อเก็บเงินซื้อบ้าน รถใหม่ ๆ และแข่งขันเพื่อเลื่อนขั้นไปยังระดับที่สูงกว่า โดยตัวเกมจะเปิดอิสระให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจเดินทางรอบเกาะในพื้นที่กว่า 1,000 ไมล์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งบรรยากาศของเกมนั้นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเสมือนกับเราได้ขับรถและเดินทางในเกาะ O’ahu อยู่จริง ๆ มีร้านค้าแบบต่าง ๆ ทั้งเสื้อผ้า อสังหาริมทรัพย์ และอีกมากมายให้ผู้เล่นได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ รวมไปถึงรูปแบบการแข่งขันที่มีหลากหลายมากมายเช่นแข่งรถแบบปกติ Time Attack หรือไปให้ถึงจุดหมายในเวลาที่กำหนด เรียกว่าจะมาแข่งหรือมาเที่ยวก็ทำได้ทั้งนั้น
ส่วนระบบการเล่นการขับของเกมนั้นจะมีแบ่งเป็นสองแบบสำหรับ PC คือสไตล์แบบอาร์เคดที่เลือกได้ว่าจะเล่นเป็นเกียร์แบบอัตโนมัติหรือแบบเกียร์กระปุก หรือเอาขับแบบสมจริงที่ละเอียดถึงขั้นสามารถใส่ว่าจะเหยียบคลัทช์เองเลยระหว่างเปลี่ยนเกียร์หรือเปล่าได้ด้วย ซึ่งถ้าใครมีจอยพวงมาลัยก็สามารถปรับแต่งได้เต็มที่เพื่อการขับรถแบบสมจริงได้เลย (แต่สำหรับผู้เขียนที่ใช้จอยเล่น ก็จะเลือกปรับแบบสไตล์อาร์เคดที่เล่นได้ง่ายกว่า)
สำหรับรถที่มีให้เลือกในเกมก็ถือว่ามหาศาลมาก ๆ ในเกมยุคนั้น แต่จะเน้นไปที่รถจากฝั่งตะวันตกอย่าง Ferrari, Maserati, Pontiac, Dodge หรือแบรนด์ดังอื่น ๆ แต่ก็มีแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Nissan หลุดมาแซม ๆ บ้าง ซึ่งก็ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามีจำนวนมากไม่น้อยหน้าเกมอื่น ๆ และยังมีรถมอเตอร์ไซด์ให้ได้ขับกันในเกมด้วย ซึ่งมิติการขับจะแตกต่างจากรถยนต์โดยสิ้นเชิงและขับได้มันมาก ๆ ผู้เขียนจำได้ว่าหลังจากที่ได้ใบขับขี่มอเตอร์ไซด์มาแล้วก็ไม่ได้กลับไปขับรถอีกเลย(ฮา)
และอีกอย่างหนึ่งที่เกมนำเสนอก็คือระบบการเล่นแบบออนไลน์ที่ยังไม่แพร่หลายมากนักในสมัยนั้น แต่ทาง Eden Games ก็เริ่มทดลองใช้กับเกมนี้ โดยเราจะเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์แบบไร้รอยต่อ ได้พบปะกับผู้เล่นอื่น ๆ ในแบบ Real time เจอหน้ากันก็ท้ากันแข่งรถได้เลยทันที หรือจะเข้าไปลุยในสนามที่เกมมีให้มากมายทั่วเกาะก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งน่าเสียดายที่ในบ้านเรานั้นหาคนเล่นในโหมดออนไลน์ด้วยค่อนข้างยากมาก จนทำให้โหมดนี้ร้างอย่างน่าเศร้า ต้องกลับไปเล่นโหมด Single เหมือนเดิมอย่างน่าเสียดาย
Test Drive Unlimited ถือเป็นเกมแข่งรถอีกหนึ่งเกมที่ประสบความสำเร็จมากในปีนั้น และมีภาคต่อออกมาอีกหนึ่งภาค ที่คราวนี้เราจะได้ไปสนุกกันในเกาะ Ibiza ของประเทศสเปน แต่น่าเสียกายที่ตัวเกมประสบปัญหามากมายทั้ง Bug ต่าง ๆ ระบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อไม่ได้ และอีกสารพัดอย่างจนทำให้แฟน ๆ ต่างผิดหวังกับเกมภาคนี้อย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ในส่วนอื่น ๆ ของเกมก็ทำได้ดีและยังมีเอกลักษณ์ในการขับรถกินลมชมวิวที่เพลิดเพลินเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกมประสบความสำเร็จได้ แม้ในทุกวันนี้จะยังมีผู้เล่นในโหมดออนไลน์ของเกมอยู่บ้างก็ตาม
แม้ในเวลานี้เราอาจจะคาดหวังภาคต่อของเกมได้ยากสักหน่อย แต่เราก็ยังมีเกมขับรถในสไตล์โลกเปิดกว้างที่พัฒนามาจนถึงขีดสุดอย่าง Forza Horizon 4 มาให้เราได้เล่นกันอยู่ในตอนนี้ ซึ่งตัวเกมก็ถือว่ามีความฉูดฉาดและถึงใจมากกว่า แต่สำหรับคนที่คิดถึงความสบาย ๆ ขับรถกินลมชมวิวแบบเพลิน ๆ เบื่อก็กระโดดเข้าสนามแข่งมาซื้อของใหม่ ๆ ให้ตัวเอง ก็ต้องคิดถึงเกม Test Drive Unlimited แบบผู้เขียนกันอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เราก็ได้แต่คาดหวังว่าจะมีเกมไหนที่ให้ความรู้สึกแบบนี้กลับมาอีกครั้งหรือไม่ในอนาคตครับ
