ในบรรดาแนวเกมทั้งหลาย เกมสยองขวัญสั่นประสาทเป็นแนวฮอตฮิตติดอันดับที่โกยทั้งเงินทั้งกล่อง(รางวัล)ไปมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะซีรีส์ดังค้างฟ้าอย่าง Resident Evil และ Silent Hill จากสตูดิโอแดนอาทิตย์อุทัยทั้งคู่
‘ความกลัว’ ชนิดขนหัวลุกระคนตึงเครียดในเกมสยองขวัญขั้นเทพนั้น ยุคแรกเริ่มอย่าง Silent Hill ภาคแรกๆ อาศัยการสร้าง ‘บรรยากาศ’ และ ‘เนื้อเรื่องเร้นลับ’ ชวนขนหัวลุก บรรยากาศทั้งกราฟิก มุมกล้อง ดนตรีประกอบ รวมกันสร้างความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงที่เราไม่รู้ว่าอะไรรออยู่ตรงมุมห้องหรืออีกด้านของประตู แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกมสยองขวัญที่สร้างความกลัวจากบรรยากาศและเนื้อเรื่องเป็นหลักดูจะหลีกทางมากขึ้นเรื่อยๆ ให้กับเกมสยองขวัญที่เน้น ‘ผีตุ้งแช่’ (ปีศาจพุ่งออกมาจากไหนไม่รู้ให้เราตกใจ) การออกแบบปีศาจที่ดูน่าขยะแขยงสยดสยอง และแอ็กชั่นตื่นเต้นเร้าใจ มากกว่าจะเน้นเนื้อเรื่องและบรรยากาศ
ดังนั้น การมาถึงของ The Medium เกมจาก Blooper Team สตูดิโออินดี้จากคราคาว เมืองหลวงเก่าของโปแลนด์ จึงเปรียบเสมือนลมพัดผ่านหน้าจอ ชวนให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ของ Silent Hill ภาคแรกๆ แต่ยกระดับกราฟิก เทคนิคการถ่ายทำ รวมถึงนำเสนอกลไกใหม่ๆ ที่ใช้ในการแก้ปริศนาและรักษาบรรยากาศ
The Medium ให้เราเล่นเป็น แมรีแอน เด็กกำพร้าที่เติบโตในร้านจัดงานศพแห่งหนึ่งในโปแลนด์ ทศวรรษ 1990 หลังจากที่ประเทศเปลี่ยนผ่านจากระบอบคอมมิวนิสต์ไม่นาน เธอมีสัมผัสพิเศษเหมือนร่างทรง (ชื่อเกมนี้แปลว่า ‘ร่างทรง’) ไม่เพียงแต่มองเห็นวิญญาณของคนตายเท่านั้น แต่ยังมองเห็น ‘โลกจิตวิญญาณ’ ของคนตายที่ดำรงอยู่คู่ขนานกับโลกของคนเป็นด้วย ความสามารถพิเศษของแมรีแอนช่วยให้ดวงวิญญาณเดินทางเข้าสู่สุขคติ ซึ่งนั่นแปลว่าก่อนอื่นเธอต้องรู้จัก “ชื่อจริง” ของวิญญาณสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
เกมเปิดฉากในคืนที่เรา (แมรีแอน) ต้องแต่งตัวศพของพ่อเลี้ยงที่อุปถัมภ์เราแต่เล็ก สติสตังเราไม่ค่อยอยู่กับเนื้อตัวเพราะฝันร้ายแทบทุกคืน ในฝันเราเห็นผู้ชายปริศนายกปืนขึ้นมายิงเด็กหญิงปริศนาริมทะเลสาบ คืนนี้เราได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากชายชื่อ ธอมัส ที่พูดสั้นๆ ว่า เขารู้ดีว่าเรามีสัมผัสที่หก มีคำตอบทั้งเรื่องความฝันและต้นตอของความสามารถในฐานะร่างทรง แต่เราต้องเดินทางไปเจอเขาที่ “นิวา” เร่งเร้าให้เรารีบมาเพราะ “เวลากำลังจะหมดลงแล้ว” จากนั้นสายก็ตัดไปดื้อๆ
เมื่อเราไปถึงก็พบว่า นิวา คือชื่อของรีสอร์ตสำหรับแรงงานสมัยสงครามเย็น สมัยที่โปแลนด์ยังเป็นคอมมิวนิสต์ แต่วันนี้เป็นเพียงซากปรักหักพัง มันถูกรัฐบาลสั่งปิดถาวรหลังจากที่เกิดการฆาตกรรมหมู่ขึ้นที่นี่ ธอมัสไม่อยู่เจอเรา แต่สิ่งที่มาทักทายเรากลับเป็นวิญญาณของเด็กผู้หญิงชื่อ ‘ความเศร้า’ (Sadness) ที่ยังวนเวียนอยู่ที่นี่ และมีความทรงจำแหว่งวิ่นเกี่ยวกับยามที่เธอยังหายใจ เธอบอกกับเราว่าเธออาจจะรู้จักธอมัส และคิดว่าจะพาเราไปพบกับเขาได้ แต่เราคุยได้ไม่นานความเศร้าก็หายตัวไป เราพบว่าตัวเองตกเป็นเป้าของปีศาจฝันร้ายที่โผล่มาจากโลกวิญญาณ กระหายอยากกลืนกินตัวเราเพื่อดูดซับพลังพิเศษ
The Medium ถ่ายทอดเรื่องราวจากสายตาบุคคลที่สาม รูปแบบเป็นเกมผจญภัยแก้ปริศนามากกว่าเกมแอ๊กชั่น เพราะฉากแอ๊กชั่นอย่างเช่นการกลั้นหายใจและค่อยๆ ย่องหลบปีศาจหรือวิ่งหนีนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่สำรวจซอกหลืบของรีสอร์ตนิวา เก็บของมีประโยชน์เอาไว้แก้ปริศนาง่ายๆ เช่น เก็บคีมในโลกจริงไปตัดโซ่เหล็กคล้องประตู เก็บหน้ากากในโลกวิญญาณเอาไปปลดปล่อยวิญญาณเป็นอิสระ เป็นต้น ระหว่างทางเราจะได้เผชิญหน้ากับเรื่องราวลึกลับดำมืดที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตแห่งนี้ เรื่องราวที่เกี่ยวพันกับตัวเราและธอมัสชนิดที่เราเองก็คาดไม่ถึง ความสามารถพิเศษสองอย่างของเราคือการ ‘อ่าน’ ความทรงจำในอดีตที่ฝังอยู่ในสิ่งของต่างๆ และการปะติดปะต่อเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ในอดีตจากโลกวิญญาณ ความทรงจำและเหตุการณ์เหล่านี้เป็นกลวิธีหลักของเกมในการขยับเส้นเรื่องไปข้างหน้า
ปริศนาแนวเกมผจญภัยใน The Medium ไม่มีอะไรยากเย็น แถมพลังอย่างหนึ่งของเราคือการ ‘เพ่ง’ ให้มองเห็นปุ่มที่ซ่อนไว้หรือสิ่งของที่สำรวจอย่างใกล้ชิดได้ ทำให้การเล่นเกมนี้ค่อนข้างราบรื่นไม่ติดขัด ปริศนาที่ยากกว่าการใช้ข้าวของคือเวลาที่ต้องใช้ระบบ “แบ่งจอ” ในเกม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในเกม หลายครั้งที่เราหรือแมรีแอนมองเห็นโลกจิตวิญญาณ จอเกมก็จะแบ่งครึ่งเป็นสองส่วนทันที บางครั้งก็ ซ้าย-ขวา บางคราวก็บน-ล่าง ฉากเดียวกันในโลกวิญญาณจะเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมสั่นประสาท กองหัวกะโหลกและกระดูกระเกะระกะ กองหินร่างคนไร้วิญญาณ หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกแออัดแน่นกำแพง ไร้ซึ่งสิ่งเคลื่อนไหวใดๆ ยกเว้นปีศาจและฝูงมอธหรือผีเสื้อกลางคืน
เราสามารถ ‘ถอดจิต’ ไปควบคุมเฉพาะอวตารของเราในโลกวิญญาณชั่วคราว ซึ่งการทำแบบนี้ก็จำเป็นต่อการแก้ปริศนาในเกม เช่น บางจุดเราไปต่อไม่ได้ในโลกจริง แต่เดินต่อได้ในโลกวิญญาณ ต้องถอดจิตเดินหาทางปลดล็อกให้โลกจริง หรือบางทีในโลกจริงเราจะเจอว่าลิฟต์/ประตู/แผงควบคุมไม่มีไฟฟ้า ทำให้ใช้การไม่ได้ ต้องถอดจิตเดินหาจุดพลังวิญญาณเพื่อ ‘ดูด’ พลังนั้นกลับมายิงชาร์จกล่องสัญญาณ เพื่อให้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ในโลกจริง
จุดหนึ่งที่ The Medium ทำได้ดีมากคือ การดึงดูดผู้เล่นให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลกในเกมได้เต็มที่โดยไม่มี UI ใดๆ มาขัดจังหวะหรือทำลายบรรยากาศ ยกตัวอย่างเช่น ระดับ ‘พลัง’ ของเราในโลกวิญญาณ (ใช้ชาร์จกล่องสัญญาณ สร้างบาเรียป้องกันฝูงม็อธ และปล่อยพลังใส่หน้าปีศาจเพื่อเอาตัวรอดยามคับขัน) แสดงเป็นแถบริ้วบนแขนอวตารในโลกวิญญาณ แถบริ้วนี้จะเรืองแสงเมื่อใดที่เรามีพลังเต็มเปี่ยม เมื่อพลังหมดแถบนี้ก็จะหมดแสงลง นอกจากนี้ เวลาที่เราถอดจิตออกจากร่าง ควบคุมอวตารในโลกวิญญาณเต็มจอ ร่างอวตารของเราจะค่อยๆ เลือนหายไปเพราะถอดจิตจากกายหยาบไม่ได้นาน เมื่อร่างอวตารเราเลือนรางลงมากๆ จนเกือบจะหายไปแล้ว เมื่อนั้นก็เป็นสัญญาณให้เรารีบดึงจิตกลับสู่กายหยาบก่อนที่จะขาดลมหายใจ ต้องโหลดเซฟ (เซฟในเกมทำเองไม่ได้ เกมเซฟอัตโนมัติให้) มาเริ่มต้นใหม่
“มุมกล้องคงที่” (fixed camera) ที่อาจดูล้าหลังในช่วงแรก (เพราะเกมสยองขวัญทั่วไปสมัยนี้มุมกล้องวิ่งตามคนเล่นแล้ว) กลับกลายเป็นกลไกสำคัญของเกม ตั้งแต่การจำกัดมุมมองของเราจะได้โฟกัสเฉพาะส่วนที่สำคัญในห้อง ไปจนถึงการจัดวางมุมกล้องเพื่อค่อยๆ ทำให้ขนลุก สร้างความหวาดผวาอกสั่นขวัญแขวน เช่น เมื่อเราค่อยๆ เดินไปที่ประตู จะเห็นมือปีศาจขนาดยักษ์โบกรอบตัวบ้านอยู่ในแบ็คกราวน์ด์
ปีศาจในเกมนี้มีไม่กี่ตัว แต่มีความหลากหลายและเรื่องราวน่าค้นหา เราฆ่าปีศาจแต่ละตัวตรงๆ ไม่ได้เพราะไม่มีอาวุธ ต้องย่องเบาหรือวิ่งหนีเกือบทั้งเกม จนกว่าจะค้นพบวิธีรับมือแบบอื่น ปีศาจตัวหลักชื่อ เดอะ มอว์ (The Maw) พิเศษกว่าตัวอื่นตรงที่สามารถออกจากโลกวิญญาณมาอาละวาดในโลกจริงได้ ร่างของมันในโลกจริงจะตาบอดแต่ก็ล่องหน ดังนั้นจึงต้องตามแกะรอยเราจากเสียง ลักษณะพิเศษนี้ของ เดอะ มอว์ ทำให้เกิดซีนที่น่าระทึกที่สุดในเกม เมื่อเราต้องใช้พลัง ‘เพ่ง’ มองหาร่องรอยของปีศาจ สลับกับการกลั้นหายใจและย่องผ่านไปให้ได้ และบางคราวเราก็ต้องใส่ตีนผี วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเวลาที่มันทะยานมาจากข้างหลัง เดอะ มอว์ ทำให้เราไม่รู้สึกปลอดภัยอีกเลยทันทีที่เราพบเจอ เพราะมันอาจโผล่มาได้ทุกเมื่อทั้งในโลกจริงและโลกวิญญาณ
เนื้อเรื่องใน The Medium เป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้างบรรยากาศสยองขวัญน่าพรั่นพรึง เมื่อเบื้องหลังของฆาตกรรมหมู่ในรีสอร์ต นีวา ถูกคลี่คลายออกมาช้าๆ ระหว่างทาง และเบื้องหลังของตัวเราเองก็ดำมืดไม่แพ้กัน บางช่วงเราจะไม่ได้ควบคุม แมรีแอน แต่เปลี่ยนไปควบคุมผู้ชายลึกลับที่มีสัมผัสพิเศษอีกคน ในฉากอดีตสมัยที่แมรีแอนยังเล็ก แต่เรื่องราวของเขาก็เกิดในรีสอร์ตแห่งนี้เช่นกัน และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแมรีแอน รวมถึงการคลายปริศนาเรื่องฝันร้ายของร่างทรง ก็เป็นสิ่งที่เกมเก็บงำไว้ค่อนข้างดีจนถึงช่วงท้ายในเกม จุดที่ปริศนาทุกอย่างได้รับการคลี่คลาย แต่ฉากสุดท้ายก็ทิ้งเงื่อนงำให้คิดว่า น่าจะมีภาคสองตามมาในไม่ช้า
ใครก็ตามที่ชื่นชอบความสยองขวัญแบบ Silent Hill น่าจะชอบ The Medium ด้วยเหตุผลเดียวกัน และที่เป็นโบนัสพิเศษคือ ดนตรีประกอบที่หลอนได้อย่างถูกจังหวะและเพลงเพราะจับใจในเกมนั้นถูกประพันธ์โดยทีมเดียวกันกับทีมดนตรีของ Silent Hill เกมแรก นำโดย อากิระ ยามาโอกะ
‘ความจริง’ ทางจิตวิญญาณ ความเลวร้ายในจิตใจมนุษย์ จะน่ากลัวกว่าผีตุ้งแช่และจินตนาการได้อย่างไร The Medium ก็เป็นเกมสยองขวัญสมัยใหม่ที่นำเอาบรรยากาศและมุมกล้องคลาสสิก มาอัพเดทด้วยกราฟิกและระบบเกมใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจตลอดเวลา 8-10 ชั่วโมงที่คนเล่นจะจมหายเข้าไปในเกม