หากพูดถึงเกมที่ไปไม่ถึงฝันของค่าย Square Enix เกมเมอร์อาจสามารถยกตัวอย่างได้ตั้งแต่ Marvel’s Avengers และ Outriders ที่ล่าสุดมีรายงานยังไม่สามารถกำไรได้ หรือเกม Left Alive ภาค Spin-Off ของ Front Mission ที่มีกระแสตอบรับล้มเหลวอย่างเป็นท่า
แน่นอน The Quiet Man ก็ถือเป็นหนึ่งในเกมล้มเหลวจาก Square Enix ที่มีข้อเสียเยอะจนแทบหาข้อดีไม่เจอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกมดังกล่าวเคยมีกระแสเปิดตัวที่น่าสนใจ เพราะสไตล์กับแนวคิดของเกมนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร
The Quiet Man หนึ่งในเกมมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครในปี 2018
The Quiet Man คือเกมแอ็กชัน Beat’em Up ของค่าย Human Head Studios (ผู้สร้าง Defiance, Rune) และจัดจำหน่ายโดย Square Enix ซึ่งเกมดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกในงาน E3 2018 แล้วสร้างกระแสเป็นที่น่าสนใจ ด้วยตัวละครเอกเป็นผู้พิการทางการได้ยิน แต่มีความสามารถในการต่อสู้ และตัวเกมเน้นการเล่าเนื้อเรื่องผสมผสานระหว่างฉากคัตซีนในเกม และคัตซีนแบบ Live-Action คุณภาพสูง ราวกำลังรับชมภาพยนตร์ซีรีส์
แม้ The Quiet Man เป็นเกมที่มีแนวคิดน่าสนใจ ดูดีมีสไตล์ แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าว กลับส่งผลเสียทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเกมยอดแย่ประจำปี 2018 และถูกลืมอย่างรวดเร็ว
เกมแอ็กชันที่พิการทั้งตัวละครเอก และผู้เล่น
ก่อนที่จะเข้าเรื่องว่าทำไม The Quet Man เป็นเกมที่ล้มเหลว เราต้องเข้าใจรายละเอียดของเกมเบื้องต้นซะก่อน
ในเกมนี้ ผู้เล่นรับบทเป็น Dane ชายหนุ่มผู้พิการทางเสียง ต้องต่อสู้กับเหล่ามาเฟียกับแก๊งสเตอร์ เพื่อตามล่าบุคคลปริศนา “Plague Doctor” ที่ลักพาตัวสาวนักร้องที่เขาแอบชื่นชอบมานาน และไขปริศนาว่า Plague Doctor คือใคร ทำไมต้องลักพาตัวสาวที่เหมือนกำลังมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
จุดเด่นของเกม The Quiet Man คือการเล่าเรื่องโดยใช้ฉากคัตซีนระหว่าง Live-Action และคัตซีนภายในเกม คล้ายกับ Quantum Break ของค่าย Remedy Entertainment ซึ่งเป็นวิธีเล่าเรื่องที่ใช้ในเกมค่อนข้างน้อย และต้นทุนค่อนข้างสูง
ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ จะคล้ายกับเกม Beat’em Up หลายเกม คือผู้เล่นสามารถใส่ท่าโจมตีเบา โจมตีหนัก แล้วผสมผสานกลายเป็นท่าคอมโบของตัวเอง รวมถึงสามารถตั้งการ์ดป้องกัน และหลบหลีกตามสไตล์เกมแอ็กชัน โดยทีมพัฒนากล่าวว่าท่าต่อสู้ได้ออกแบบโดย Tetsuro Koke ซึ่งเป็นผู้กำกับท่าต่อสู้ให้กับเกมตระกูล Yakuza
และสุดท้าย The Quiet Man จะใช้แนวคิดที่ว่า เนื่องจากตัวละครเอกเป็น “ใบ้” ฉะนั้นเกมเมอร์จะได้รับประสบการณ์การเล่นเกมแบบ “ไร้เสียง” ทำให้โลกของ Dane จึงมีแต่เสียงอู้อี้ โดยผู้เล่นต้องตีความเนื้อเรื่องจากการสังเกตด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าไอเดียการเล่นเกมแบบ “ไร้เสียง” กลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ The Quiet Man กลายเป็นเกมที่ล้มเหลวในทันที เพราะสื่อเกมหลายแห่ง ผู้เล่นหลายคน และแม้กระทั่งตัวผมเองที่เล่นได้ 1 ชั่วโมงก็ Refund เกมอย่างรวดเร็ว วิจารณ์เกมว่าไม่สามารถเข้าใจเนื้อเรื่อง และไม่รู้สึกอินไปกับเกมได้
เนื่องจากตัวละครที่เราเล่นเป็นใบ้ ทำให้เกมเมอร์จะไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าสิ่งรอบตัวเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่าคนอื่นพูดอะไรกับเรา และสังเกตว่าเนื้อหามันก็ไม่สมเหตุสมผล ตั้งแต่คนอื่นพูดกับผู้เล่น ทั้ง ๆ ที่ตัวละครเป็นใบ้ตั้งแต่แรกแล้ว รวมถึงการเล่าเรื่องก็ขาดการนำเสนอในเชิงสัญลักษณ์ หรือไม่มีความชัดเจน ทำให้ประสบการณ์การเล่น The Quiet Man จึงเต็มไปด้วยความสับสน
แม้ทีมพัฒนาพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว (หรือมีความตั้งใจอยากจะปล่อยอัปเดต หลังเกมออกวางจำหน่ายอยู่แล้ว) ด้วยการออกเนื้อหา Patch ใหม่ที่เรียกว่า “Answered” ที่ตัวเกมจะปลดล็อกบทสนทนา ปลดล็อกเสียง และซับไตเติล แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจะต้องเล่นเกมให้จบ 1 รอบก่อน ถึงเข้าถึงเนื้อหา Answered ได้
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การเล่าเรื่อง และแนวคิด “ไร้เสียง” ซึ่งให้ผลลัพธ์ออกมาแย่เพียงอย่างเดียว แต่ระบบเกมเพลย์ กับดีไซน์ด่านก็ถือว่ามีปัญหาเช่นกัน
เนื่องจากเกมนี้มีท่าต่อสู้กับท่าคอมโบน้อย ทำให้ตลอดทั้งการเล่นเกม ผู้เล่นสามารถเอาชนะศัตรูได้ง่าย ๆ จากการกดปุ่มย้ำ ๆ หลายรอบ รวมถึงแอนิเมชันการเคลื่อนไหวตัวละคร รวมถึงอารมณ์สีหน้าของตัวละครที่แข็งทื่อ ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวเกมยังขัดเกลามาไม่ดีมากพอ
แม้ The Quiet Man มีแนวคิดน่าสนใจ และก็ต้องยอมรับว่าฉากคัตซีน Live-Action ออกแบบมาดูดีใช้ได้เลย แต่สุดท้าย องค์ประกอบทั้งสองอย่างยังไม่สามารถเซฟ The Quiet Man ได้ ทำให้เกมดังกล่าว กลายเป็นหนึ่งในเกมยอดแย่ประจำปี 2018 และ Human Head Studios ต้องปิดตัวลงในปี 2019
เอาจริง ๆ ส่วนตัวก็แอบเสียดายเหมือนกันที่ The Quiet Man ไม่ใช่เกมที่ผมวาดฝันตั้งแต่แรก เพราะไอเดียของเกมดูมีความน่าสนใจ ดูมีสไตล์ และเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็หวังว่าจะมีทีมพัฒนาเกมกล้านำไอเดีย เอาตัวละครใบ้ที่มักมีภาพลักษณ์อ่อนแอ มานำเสนอใหม่กลายเป็นคนแกร่ง แม้ร่างกายพิการแต่ใจก็สู้ มาสร้างเป็นเกมใหม่ที่ดีกว่า The Quiet Man หลายเท่า