ถ้าพูดถึงชื่อทีมงาน Visceral Games เชื่อได้ว่าผลงานที่หลายคนรู้จักและชื่นชอบกันมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นสุดยอดซีรีส์เกมสยองขวัญอย่าง Dead Space
แม้สุดท้ายแล้วทีม Visceral Games จะถูกยุบและซีรีส์ Dead Space จะสิ้นสุดลงในภาคที่สาม (แถมฉบับ Remake ก็มีชะตากรรมที่ยังไม่แน่นอน)
แต่ย้อนเวลากลับไปยังอดีต ครั้งหนึ่งทีมงาน Visceral Games เคยพัฒนาผลงานเกมแอกชั่นอีกหนึ่งชิ้น เป็นผลงานที่พัฒนาจนเกือบจะแล้วเสร็จ แต่ถูก EA สั่งยกเลิกจนเป็นหนึ่งในตำนานที่ถูกลืม
ผลงานชิ้นนั้นมีชื่อว่า The Ripper โดยความล้ำของเกมอยู่ตรงที่ผู้เล่นจะได้สวมบทเป็น Jack the Ripper ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังในประวัติศาสตร์ โดยทีมงานตั้งใจจำลองเส้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ใช้ข้อมูลจากสถานที่เกิดเหตุและเหยื่อตัวจริง แต่ใส่ความเป็นแฟนตาซีเข้าไปและสลับเส้นเรื่องว่าแท้จริงแล้ว Jack คือนักล่าปีศาจและเหยื่อที่ถูกสังหารจริง ๆ แล้วเป็นแวมไพร์
ตัวเกมจะเป็นเกมแอกชั่นที่ผู้เล่นใช้อาวุธระยะประชิดและอาวุธปืนในการเข้าต่อสู้กับศัตรู
ในแง่ของการนำเสนอ ทีมงาน Visceral Games ตั้งใจเล่นกับประเด็นอาการป่วยทางจิตของ Jack แบบเต็มรูปแบบ การเล่าเรื่องภายในเกมที่ทำให้ Jack มีอาการป่วยทางจิตและมองเห็นภาพหลอนภายในฉาก
แม้จะถูกออกแบบมาให้เป็นเกม Singleplayer เต็มรูปแบบ แต่สุดท้าย The Ripper ก็ถูกพัฒนาโหมด Multiplayer ใส่เพิ่มเข้าไปด้วยหลังทีมผู้บริหารใน EA สั่งการลงมาโดยตรง
ถึงทีมงานจะปวดหัวกันมากกับการต้องใส่โหมด Multiplayer เข้าไปในเกม แต่สุดท้ายตัวโหมดดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาสำเร็จ โดยตัวโหมดนำเสนอการต่อสู้ของตัวละคร 3 ฝ่าย ฝั่ง Freemasons นักล่าแวมไพร์ผู้ใช้อาวุธไฟฟ้าจากการพัฒนาของ Nikola Tesla
ฝั่ง Peelers กองกำลังตำรวจของอังกฤษที่มีความสามารถทางกายภาพสูง และใช้อาวุธทั่วไปอย่างปืนและระเบิด และสุดท้ายก็คือเหล่าแวมไพร์ที่มีความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายก็จะมี Class ของตัวละครที่แตกต่างกันออกไปให้ผู้เล่นได้เลือกใช้งาน
ตัวเกมนั้นประสบปัญหาหลายส่วนระหว่างการพัฒนา ทั้งการถูกยัดโหมด Multiplayer เข้ามากลางทาง การถูกบังคับให้เปลี่ยนเอนจิ้นระหว่างการสร้าง โดยแรกเริ่มนั้น The Ripper ถูกพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่จากเกม Dead Space แต่ทีมงานก็ถูกบีบให้เปลี่ยนไปใช้เอนจิ้น Frostbite ซึ่งเป็นเอนจิ้นลูกรักของ EA ในตอนนั้น
นอกจากนั้นทีมพัฒนาหลายคนก็ถูกโยกย้ายไปทำงานที่มีความสำคัญกว่าสำหรับทีมเช่น Dead Space 2 และ Dante Inferno
ในที่สุดโครงการเกมที่เริ่มต้นด้วยงบการพัฒนา 25 ล้านเหรียญ (เท่า ๆ กับ Dead Space ภาคแรก) ก็ถูกสั่งลงดาบประหารชีวิต เมื่อ EA กดเครื่องคิดเลขออกมาแล้วเห็นว่าตัวเกมไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำเงินได้มากตามที่ต้องการ
The Ripper ถูกยุติการพัฒนาไป ตัวโหมด Multiplayer ของเกมถูกรื้อไปทำเป็นผลงานเกมใหม่ภายใต้ชื่อ Blood Dust แต่สุดท้าย Blood Dust ก็ไปไม่รอดอีกเช่นกัน หลังทีมงานพยายามพัฒนา Blood Dust ไปถึง 95% แล้ว
ในช่วงเวลาเดียวกันผลงานเกมอีกเกมของทีม Visceral ภายใต้ชื่อการพัฒนาว่า Purgatorio ซึ่งเป็นภาคต่อของเกม Dante Inferno ก็ถูกสั่งยกเลิกไปอีกเช่นกัน
โลกเกือบได้เห็นผลงานเกมสุดล้ำอีกหนึ่งชิ้นจาก Visceral Games แต่สุดท้ายเรื่องราวก็ไม่เป็นไปอย่างที่เหล่านักพัฒนาคาดหวัง
The Ripper จึงหลงเหลือแต่เพียงตำนานผ่านการบอกเล่าของเหล่าอดีตทีมพัฒนาใต้สังกัด Visceral ที่ออกมาบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราได้รื้อค้นมาเล่าสู่กันฟัง
