ถ้าจะพูดถึงรายชื่อวิดีโอเกมที่ดีที่สุดในปีนี้ “It Takes Two” จาก Hazelight Studios จะต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะงานประกาศรางวัลใด ๆ รวมถึง #THEBEST2021 ของพวกเรา GamingDose ก็ยังยกย่องให้เกมนี้เป็นที่สุดแห่งปี
ย้อนกลับไปเมื่อสัก 10-15 ปี เกมประเภทแพลตฟอร์มเมอร์สำหรับครอบครัว เป็นเกมที่มองเห็น มองหาได้ทั่วไปในตลาด แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ทลายข้อจำกัดต่าง ๆ ในสมัยก่อน ความเรียบง่ายที่เคยมีเลยถูกฝังกลบลงไปในหลุมที่ปักป้ายไว้ว่า “ไม่พัฒนา”
ในขณะที่ทุกคนสนุกอยู่กับเทคโนโลยี สนุกอยู่กับการพัฒนาไม่สิ้นสุด Hazelight Studios หวนกลับมาพูดถึงเหตุผลแรกที่ทำให้เราเล่นเกม นั่นคือ “ความสนุก” และใช้มันเป็นสารตั้งต้นเพื่อสร้างผลงานสุดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยแนวคิดที่สมบูรณ์แบบ และไอเดียที่ดี อย่าง It Takes Two ขึ้นมา
It Takes Two เป็นส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบของเกมยุคเก่า-ยุคใหม่อย่างแท้จริง เริ่มต้นด้วยเนื้อหาประเภทติดดินที่ “เข้าถึงใจ” ผู้เล่นทุกภาคส่วน ไม่มีการเพ้อฝัน ไม่มีดินแดนแฟนตาซีเกินความจริง มีเพียงเนื้อหาที่ล้อมกรอบด้วยคำว่า “ครอบครัว” หนึ่งในสถาบันหลักของคนทั่วโลก ทำให้ It Takes Two เข้าไปอยู่ในจิตใจของใครก็ได้โดยง่าย
“Josef Fares คืออัจฉริยะ” ถ้าจะกล่าวแบบนี้คงไม่ผิด เพราะ A Way Out และ Brothers: A Tale of Two Sons ก็พิสูจน์แล้วว่า คนคนนี้เข้าใจ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้วงการวิดีโอเกมได้ แม้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลยในแง่นวัตกรรม เขาแค่เปลี่ยนมุมมองโดยรวมเท่านั้น “It Takes Two” คือตัวอย่างที่ดีที่สุด แม้ลักษณะการเล่นของเกม จะไม่ได้พิสดารแปลกแยกจากเกมอื่น ๆ ในท้องตลาดช่วงหลายสิบปีมานี้ แต่มันคือมุมมอง “รูปแบบใหม่” ที่เราไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน
It Takes Two พาคุณสัมผัสประสบการณ์อย่างเป็นระบบระเบียบ นำคุณสนุกไปกับเกมการเล่นในแต่ละ Chapter ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นวิธีเล่นที่คุณพบเจอมาแล้วในตลอดชีวิตการเล่นเกมที่ผ่านมา แต่เป็นเพราะวิธีการนำเสนอ ที่คุณไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ทำให้คุณรู้สึกสนุก รู้สึก Refreshing ทุกครั้ง ในเวลาที่เกมมอบอะไรใหม่ ๆ ให้คุณ
แม้วิธีการนำเสนอ และภาพรวมของเกม จะเป็นส่วนหลักที่ทำให้ It Takes Two กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในปีนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่า มันยอดเยี่ยม มันล้ำค่ากว่าคุณภาพของตัวเกมมาก คือสารที่ตัวเกมต้องการจะสื่อออกมา
ในการเล่นเกมปรกติ การสื่อสารของผู้สร้างกับผู้เล่น อาจมาในรูปแบบของหลักปรัชญาในแง่ต่าง ๆ เพื่อมอบข้อคิดในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้เล่น แต่ It Takes Two มอบอะไรที่เรียบง่ายกว่านั้น และมันเป็นการสื่อสารทางตรง ที่คุณอาจคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
ทั้งเนื้อหา ทั้งเกมการเล่นของ It Takes Two สื่อถึงความสัมพันธ์อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะเกมการเล่น ที่บังคับให้มีผู้เล่นสองคน และจำเป็นต้องสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว ซึ่ง “การสื่อสาร” คือกุญแจสำคัญของ “ความสัมพันธ์” เห็นได้จากปัญหาในเกม ที่เกิดขึ้นจากการไม่สื่อสารซึ่งกันและกัน
และเมื่อเกม บังคับให้คุณต้อง “สื่อสาร” ถึงกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาอยากจะมอบให้ผู้เล่น คือการซ่อมแซมอะไรบางอย่าง ไม่ก็เริ่มต้นอะไรบางอย่าง จากการสื่อสารระหว่างคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น หรือช่วงเวลาทำความรู้จึกระหว่างกันที่มากขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นผลสืบเนื่องจากเกม และมันเกิดขึ้นเลยหลังเกมจบ ไม่ต้องรอตกผลึกเป็นปรัชญาเหมือนเกมอื่น ๆ
แม้ It Takes Two จะไม่ใช่เกมฟอร์มยักษ์ จะไม่ใช่เกมภาคต่อ จะไม่ใช่เกมโชว์ความดาร์คของชีวิตมนุษย์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนเทรนด์วิดีโอเกมสมัยนี้ แต่นี่อาจเป็นเกมแรกและเกมเดียว ที่มอบอะไรบางอย่างให้เรานำไปต่อยอดได้ในชีวิตจริง ถ้าคุณยังไม่เคยสัมผัส เราอยากให้ลอง เพราะนี่คือหนึ่งใน #THEBEST2021 ของพวกเรา GamingDose
