เชื่อว่าหนึ่งในพฤติกรรม Toxic ที่หลายคนไม่ปลื้มเป็นอย่างมากก็คือการคุยโต อวดเบ่ง สารพัดสิ่งผ่านทางคำพูดหรือที่เราเรียกกันว่า Trash Talk เพราะนอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ยังเป็นชนวนเหตุสำคัญให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งในเกมหรือการแข่งขัน ESports ได้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งมันก็กลายเป็นยุทธวิธีที่คาดไม่ถึงของการแข่งขันได้เหมือนกัน
ผู้เขียนเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปบ้างเมื่อปีก่อนในหัวข้อการใช้จิตวิทยาในเกมต่อสู้ ซึ่งการใช้ Trash Talk นั้นก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ดังกล่าว ด้วยคำพูดปั่นประสาทหรือการแสดงอารมณ์จนคู่ต่อสุ้เสียสมาธิ หรือวงการกีฬาอย่างมวยสากลหรือการต่อสู้ก็มีการใช้วาทศิลป์ พูดยั่วยุและปั่นประสาทคู่แข่งจนขาดสมาธิ อย่างเช่น Conor McGreger หรือ Muhammad Ali นักสู้ในตำนานผู้เอาการ Trash Talk มาใช้ก่อนขึ้นชก และก็ได้ผลดีเสียด้วย
นอกจากจะใช้เป็นยุทธวิธีในการก่อกวนทีมฝ่ายตรงข้ามแล้ว Trash Talk ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระบายความตึงเครียดระหว่างการแข่งขันได้เป็นอย่างดี การได้ตะโกนหรือข่มด่าฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่ได้รับชัยชนะในเกมนั้น ๆ ไปแล้ว ถือเป็นการกระตุ้นตัวเองให้มีกำลังใจกลับมาสู้ต่อในเกมถัดไปได้ จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ผู้เล่นระดับโปรหลายคนต่างพูดกันว่า Trash Talk เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในเกมการแข่งขันระดับสูง ๆ หากจบลงในเกมแบบที่ไม่มีเรื่องหมางใจกัน จนไม่มีดราม่ายืดยาวตามมา
ซึ่งผู้เล่นบางคนนั้นก็ถึงกับบอกว่า Trash talk นั้นคือส่วนหนึ่งที่แยกจากวงการ ESports ไปไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
และในหลายครั้งมันก็เป็นสีสันให้ผู้ชมได้สนุกสนานกันไม่น้อย โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในด้านปากร้ายหรือด่าแขวะคนอื่นอย่างสนุกสนาน หรือมีคนที่ไม่พอใจอยากเอาคืนให้เจ็บแสบในเกม ก็กลายเป็นการดึงดูดผู้ชมให้มาสนใจการแข่งขันของสองคู่กรณีได้เลยว่าจะดุเด็ดเผ็ดมันแค่ไหน เพราะงานนี้ไม่ได้มีรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงศักดิ์ศรีของตนเองมาเดิมพันอีกด้วย
แต่แน่นอนว่าในวงการเกมที่เราอยู่เล่นกันทั่วไปในโลกออนไลน์นี้ไม่คิดกันหรอกว่านี่คือยุทธวิธีอะไรทั้งนั้น เพราะพวกที่ใช้คำพูดหรือพิมพ์ Trash Talk มาส่วนใหญ่นั้นมีแต่พวกเกรียนแทบจะทั้งนั้น ข้อความแต่ละอย่างนั้นก็เหมือนเป็นการแสดงวุฒิภาวะที่ค่อนข้างต่ำ เหมือนคิดอะไรได้หรือหมั่นไส้ใครก็พิมพ์เลย ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมแบบเล่นกันเป็นทีมที่บางครั้งคนที่พิมพ์หรือพูด Trash Talk ออกไมค์ดันกลายเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ที่สุดในทีมซะอย่างนั้น
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลายคนจึงไม่ชอบใจนักเวลาที่ทีมฝั่งตัวเองหรือฝั่งตรงข้ามใช้การ Trash Talk
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเล่นเกมแบบออนไลน์ จริงอยู่ที่ในวงการแข่งขันเกม ESports นั้นมักมองการ Trash Talk เป็นการระบายอารมณ์หรือยุทธวิธีอย่างหนึ่ง แต่ในการเล่นปกติที่มุ่งเน้นความสนุกสนานเป็นหลักนั้น เวลามีใคร Trash talk มาในเกมก็ถือเป็นมลภาวะหรือ Toxic ได้เลย จนทำให้ความสนุกในการเล่นที่ควรจะได้รับเหือดแห้งลงไปอย่างน่าเศร้า
ซึ่งวิธีการหลีกเลี่ยงนั้นก็มีหลายวิธี ตามที่เหล่านักเขียนทั้งหลายของเราเคยกล่าวเอาไว้แล้วในบทความเก่า ๆ หรือหากต้องปะทะคารมกับผู้เล่นอื่น ๆ ในสื่อ Social ที่มีการ Trash Talk เป็นเรื่องปกติ ก็ควรที่จะพิจารณาให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่ เชื่อเถอะว่าบางครั้งการไปทุ่มเถียงกับคนเหล่านี้ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยในระยะยาว(ผู้เขียนก็เคยเป็น ยิ่งตอนหนุ่ม ๆ นี่เถียงได้จนกว่าจะชนะแหละ) ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็อย่าเปลืองพลังงานไปใส่ใจจะดีกว่า
อย่างไรก็ดี เรื่องของการ Trash Talk นั้นคงอยู่คู่กับวงการเกมแบบ Competitive ไปอีกนาน เพราะถ้ารู้จักใช้ มันก็กลายเป็นสีสันให้ผู้ชม และยุทธวิธีชั้นดีให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิได้ แต่ในการเล่นทั่วไปนั้น ถ้าไม่อยากหัวร้อนหรือรำคาญใจ ก็อย่าลืมหาทางหลีกเลี่ยงเพื่อความสบายใจของเราจะดีที่สุด
เพราะยิ่งเราอารมณ์เสีย ก็จะยิ่งเข้าทางคนพวกนี้ จนเล่นเกมไม่สนุกไปเลยก็เป็นได้ครับ