ปี 2007 ถือเป็นปีที่วงการเกมมีสุดยอดผลงานระดับตำนานออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bioshock, Mass Effect, Assassin’s Creed, Call of Duty 4: Modern Warfare, Portal, God of War 2 เรียกได้ว่าปีนั้นเป็นปีที่เกมเมอร์มีผลงานให้สนุกครบทุกแนวและเชื่อได้ว่าสุดยอดเกมในใจของเกมเมอร์หลาย ๆ คนก็วางจำหน่ายกันในปีนี้
และในปีนี้เองโลกก็มีอีกหนึ่งสุดยอดผลงานเกมถูกปล่อยออกมา เป็นเกมวางแผนการรบเชิงกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมทุกภาคส่วน ทั้งเนื้อเรื่อง ภาพกราฟิก ระบบการเล่น และการนำเสนอ ผลงานดังกล่าวก็คือเกมที่มีชื่อว่า World in Conflict นั่นเอง
World in Conflict เป็นผลงานการพัฒนาของทีมงาน Massive Entertainment ใต้สังกัดของ Vivendi Games ถ้าคุ้นชื่อของทีมพัฒนานี้ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะ Massive Entertainment ถูกขายให้ค่าย Ubisoft ในปี 2008 และหลังจากนั้นก็พัฒนาผลงานเกมดังหลายเกมใต้สังกัด Ubisoft เช่น Tom Clancy’s The Division ทั้งสองภาคและกำลังมีผลงานใหม่อย่างเกม Star Wars และเกม Avatar: Frontiers of Pandora
เนื้อหาของเกม World in Conflict เล่าถึงโลกของเราในปี 1989 ที่สงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตไม่ได้จบสิ้นลง สหภาพโซเวียตที่จนตรอกในด้านเศรษฐกิจตัดสินใจบุกโจมตีประเทศสมาชิก NATO ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องส่งกองกำลังไปตรึงตามแนวชายแดนเพื่อคานอำนาจ
แต่การกระทำดังกล่าวส่งผลให้แนวรับของสหรัฐอเมริกาขาดกำลังพลและโซเวียตก็ตัดสินใจบุกโจมตีแผ่นดินแม่ของอเมริกานำไปสู่สงครามกลางบ้านเมืองอเมริกาซึ่งเป็นธีมหลักของเกม World in Conflict
ผลงานเกมที่ถึงจะหยิบเอามาเล่นในทุกวันนี้ก็ยังไม่ตกยุค
ตัวเกมยังคงยอดเยี่ยมด้วยระบบที่ถูกออกแบบมาอย่างดี การบังคับควบคุมกองกำลังขนาดเล็ก การควบคุมมุมกล้อง ทุกอย่างเป็นไปอย่างลื่นไหลจนพูดจริง ๆ แล้วเกมวางแผนการรบสมัยนี้หลายเกมก็ยังทำได้ไม่ดีขนาดนี้
นอกจากระบบการเล่นหลักของเกมจะสนุกเร้าใจแล้ว ส่วนที่เป็นตัวเอกชูโรงของเกม World in Conflict ก็คือเรื่องของการนำเสนอ ภาพกราฟิกการแสดงผลในเกมนั้นนำเสนอความตื่นเต้นของฉากการสู้รบออกมาได้เร้าใจ เอฟเฟกต์การระเบิด จรวจจู่โจม ระเบิดเพลิง ทุกอย่างทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และที่ประทับใจใครหลายคนมากที่สุดก็น่าจะเป็นการแสดงผลของ Nuke หรือ อาวุธนิวเคลียร์ ที่ถูกจัดให้เป็นเอฟเฟกต์การระเบิดของ Nuke ที่ยอดเยี่ยมเอามาก ๆ ติดอันดับต้น ๆ ในโลกวิดีโอเกมกันเลย (สวยจัดจนต่อให้เราเป็นฝ่ายโดน Nuke ลงกลางหัว เราก็ยังสามารถชื่นชมความงามของกองทัพเราที่โดนทำลายได้แบบชิว ๆ)
และสำหรับคนที่ปกติไม่ชื่นชอบเกมวางแผนการรบ กลัวความซับซ้อน ไม่ชอบเรียนรู้สายเทคโนโลยี World in Conflict ก็เป็นเกมที่เข้าถึงได้ง่าย สนุกได้แบบรวดเร็ว ไม่ต้องการการเรียนรู้ศึกษาที่ซับซ้อน เน้นความสนุกในผู้เล่นทุกระดับ
นอกจากความยอดเยี่ยมในฉากหน้าแล้ว World in Conflict ยังเหนือล้ำในแง่ของการนำเสนอเนื้อเรื่องอีกด้วย ภารกิจต่าง ๆ ในเกมอัดแน่นไปด้วยความเข้มข้น ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวชวนให้จดจำและเอาใจช่วย แม้แต่ในฝั่งตัวร้ายของเกมอย่างโซเวียต ตัวเกมก็ไม่ได้นำเสนอให้ฝ่ายตัวละครโซเวียตเป็นตัวร้ายแบบโฉดชั่วไร้เหตุผล
แต่จุดที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักในความสนุกของ World in Conflict น่าจะเป็นการนำเสนอภาพการรบในเมือง ตัวเกมยกเอาฉากสงคราม การสู้รบด้วย Unit กองกำลังทหารมากมายหลายแบบเข้ามาใส่ในฉากหลังที่เป็นแผ่นดินประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างลงตัว
ปัจจุบัน World in Conflict ยังมีการวางจำหน่ายให้เล่นและถึงโหมด Multiplayer ของตัวเกมจะหาคนเล่นแทบไม่ได้แล้ว ( Ubisoft ปิด Server Official ไปแต่มีการปล่อย Source Code ให้แฟน ๆ นำไปเปิด Server กันเองซึ่งแฟน ๆ ก็เคยมีความพยายามชุบชีวิตตัวเกมนัดแนะกลับมาเล่นกันเองบ้าง) แต่การสัมผัสเกมนี้ในโหมด Singleplayer ก็ยังมอบความสนุกได้เป็นอย่างดี หรือจะสร้าง Server แล้วลงไปสู้กับ Bot ก็ยังสนุกใช้ได้ไม่แพ้กัน
ถึงจะผ่านมาแล้วกว่า 15 ปี หลัง World in Conflict ออกวางจำหน่ายครั้งแรก แต่จนถึงทุกวันนี้นี่ก็ยังเป็นสุดยอดผลงานเกม RTS ที่ยากจะหาใครมาเทียบและเชื่อได้ว่าเกมเมอร์คอนี้หลายคนก็เฝ้ารออยากเห็นความสนุกของเกม RTS รูปแบบนี้ถูกปัดฝุ่นกลับมาพัฒนาใหม่กันอีกสักครั้ง