BY เดมติดเก๊ก
12 Feb 19 4:13 pm

ความรู้สึกหลังเล่น The Division 2 Private Beta

5 Views

หลังจากที่ Ubisoft เปิดตัว The Division ไปในปี 2016 เราทั้งหมดก็ได้ทำความรู้จักกับสหรัฐอเมริกาในรูปแบบใหม่ ในรูปแบบที่ล่มสลายเพราะโรคร้ายที่ไม่มีทางป้องกัน

The Division พาเราไปพบกับเหตุการณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Operation Dark Winter ปฏิบัติการก่อการร้ายอาวุธชีวภาพที่มีชื่อเสียง สหรัฐอเมริกาในเกมล่มสลายภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน เพียงเพราะโรคร้ายที่หาทางรักษาไม่ได้ เรารับบทเป็น Agent ของหน่วย Division ที่ก่อตั้งมาเพื่อกู้คืนทุกอย่างให้กลับมาเป็นปกติ แม้ว่ามันจะดูเป็นไปไม่ได้ก็ตามที

ตัวเกมประสบความสำเร็จในทุก ๆ แง่ แม้ว่าในช่วงแรกจะต้องเผชิญกับปัญหาบัค ปัญหาโปรแกรมช่วยเล่น และการอัพเดตที่ไม่ต่อเนื่อง แต่หลังจากที่เปลี่ยนนโยบาย The Division ก็กลับมาผงาดอีกครั้ง ในฐานะ 1 ในเกมที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้น ๆ ของ Ubisoft ในทศวรรษนี้

และในปี 2019 นี้ The Division 2 ภาคต่อที่หลายคนรอคอยมากที่สุด กำลังถูกทาง Ubisoft บ่มเพาะให้เข้มข้น แต่ก่อนที่จะเปิดให้เล่นจริงนั้น พวกเขาก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วมทดสอบด้วย และนี่คือความรู้สึกหลังเล่น The Division 2 Private Beta จากเรา

Presentation

The Division 2

“Welcome To DC You are New Sheriff”

ในด้านเนื้อเรื่อง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ Private Beta แต่ตอนเริ่มต้นมา ก็พอจับใจความเนื้อเรื่องได้ ว่าทิศทางของเกมจะไปในทางไหน เมืองทั้งเมืองเกิดหายนะ รัฐบาลไม่อยู่ กฏหมายจึงไม่มี  ตอนนี้มันกลายเป็นสนามเด็กเล่นของกลุ่มก่อการร้าย มันจึงกลับสู่ยุคคาวบอยอีกครั้ง และเราคือ นายอำเภอแห่งยุคสมัยใหม่

สำหรับภาคนี้ มีฟีเจอร์หลายอย่าง แต่ที่เด่น ๆ คือ

อย่างแรกต้องพูดถึงระบบเกราะ ในภาคนี้เรามีเกราะกับเค้าบ้างแล้ว ทำให้การเล่นของเรามันเล่นได้ต่อเนื่องขึ้น เพราะอย่างน้อยเราก็มีเกราะไว้ ก็อุ่นใจระดับนึง แต่ด้วยการมาของเกราะ ทำให้ระบบการฮีลจะถูกตัดออกไป เท่ากับว่าเราจะไม่มียารักษาเอง แต่แลกกับมีไอเทมเติมเกราะแทน ถ้าเลือดลด มันจะค่อย ๆ ฟื้นเอง ยิ่งเกราะเต็ม ก็จะฟื้นตัวเร็วขึ้น

ระบบ Skill แบ่งออกเป็น 3 แบบ สามารถอัพเกรดได้ที่ Qurtermaster

  • Active Skills เป็นสกิล Active กดใช้ มีให้เลือกถึง 8 Platform ให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น Pulse, Turrent,  Hive, Chem Laucher, Firefly, Seek Miner, Drone และ Shield โดยใช้ Skill Point ในการปลดล๊อค ซึ่งแต่ละ Platform ก็มีความสามารถยิบย่อยให้เลือกไปอีก ยกตัวอย่าง Drone ก็เลือกได้ว่า จะเป็น Drone ทิ้งระเบิด หรือ Drone ซ่อมเกราะเรา ใน Private Beta ปลดล๊อคให้เลือก 3 Platform เท่านั้น คือ Turrent, Seek Miner และ Drone
  • Perk เป็น Passive Skill หรือสกิลติดตัวเหมือนภาคแรก  ใช้ SHD Tech ในการอัพเกรด หาได้จากทำภารกิจ SHD Tech ต่าง ๆ Staff Roster จะเป็นการอัพเกรดฐานเพื่อปลดล๊อคของต่าง ๆ โดยการคุย NPC หาคนใหม่ ๆ เข้ามาจากการทำภารกิจหลัก เพื่อปลดล๊อคสิ่งต่าง ๆ จากเกม ไม่ว่าจะเป็น การคราฟต์ อัพเกรดสกิล และอื่น ๆ จากตัวเกมหลัก
  • ระบบ Specialization ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ เราจะมีอาวุธพิเศษมาใช้ ตามสายที่เราเลือก ไม่ว่าจะเป็น ปืนหน้าไม้ ปืนสไนเปอร์ หรือ ปืน Grenade launcher

ใน Beta พอเล่นจบด่านที่่กำหนดไว้ จะมีให้เล่น Content Endgame ตัวละครเทพ 3 สาย เราจะเลือกสายได้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่รายละเอียดจริง ๆ เกมเต็มคงจะให้เล่นมากกว่านี้

ระบบปืน ไอเท็ม Mod ปืนภาคนี้ ก็ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย  Mod ปืนไม่ได้เก็บเป็นเข่ง ๆ เหมือนภาคแรกแล้ว แค่เราคราฟต์มา ก็ใช้ได้ทุกปืน สะดวกสบายดี ส่วนปืนหรือชุดต่าง ๆ ที่เราไม่ใช้แล้ว สามารถไปบริจาค NPC ที่เปิดรับอยู่ แล้วถ้าเราบริจาคจุดที่ NPC กำหนดรับไว้ ก็จะปลดล๊อคได้รับ Blueprint อีกด้วย ในส่วนของระบบอื่น ๆ ก็เพิ่มชั่วโมงในการผลาญเวลาของเรามากขึ้น ทั้ง Upgrade A Settlement มันคือการอัพเกรดฐาน ให้ความรู้สึกมีกิจกรรมความเป็นเกม Open World มากขึ้น

Mission ตามทางหรือ Site Mission ก็มีหลายแบบ ที่เด่นๆ ตอนเล่นก็มี Defend Control Point ปกป้องเขตจนกว่าจะหมดเวลา และ Darkzone ที่เปิดให้เล่น 1 Zone ขอสารภาพว่าไม่ได้เหยียบเข้าไปเลย รวมทั้งในส่วน PvP ด้วย

Gameplay

The Division 2

ตัวเกมเป็น Cover Based Shooting ที่ค่อนข้างสนุก ให้อารมณ์ภาคแรกเต็ม ๆ และด้วยลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้รู้สึกถึงความเป็น Tactical Shooting ขึ้นไปอีก คุณต้องมีแผนมากขึ้น เพราะ A.I. ก็ฉลาดขึ้น มีการ โอบตีล้อม หรือโดนเรายิงกดก็หลบกำบังตลอดเวลา เกมเพลย์แบบเล่นคนเดียวกับเล่นหลายคนก็ต่างกันเข้าไปอีก ถ้าคุณเล่นคนเดียว ศัตรูจะฆ่าง่าย มีความท้าทายระดับหนึ่ง แต่พอไปเล่นกับปาร์ตี้ ศัตรูก็อึดขึ้น เก่งขึ้นหลายเท่า ทำให้ต้องพึ่งทีมมากขึ้น ให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การมาของ Skill ใหม่อย่าง Drone ทิ้งระเบิด เราสามารถสั่งการให้โจมตีศัตรูตัวไหนได้ แต่ข้อเสียคือถ้าเราไม่สั่ง มันจะไม่ทำอะไรเลย เช่นเดียวกับป้อมปืนสไนเปอร์ ศัตรูวิ่งผ่านป้อมปืนของเราง่ายดายถ้าเราไม่สั่งยิง ลูกเล่นส่วนนี้ยังเล่นไม่ได้เยอะเพราะ Beta บล๊อคไว้ ต้องรอตัวเกมจริงออกมาก่อน

ช่วง EndGame ที่เราจะได้เลือกตัวละครเทพ 1 ตัวมาเล่น ขอบอกเลยว่า โคตรมัน แน่นอนคุณเทพจริง แต่ศัตรูก็เทพตาม ยิงคุณไม่กี่ทีก็น็อคแล้ว แต่แลกกับอาวุธเราเทพ เราก็ยิงศัตรูแปปเดียวตายเหมือน มันเลยได้ฟีลแลกกันตัว ๆ ชิงความได้เปรียบ ใครพลาดก็ตาย ฉะนั้นเราต้องวางแผนก่อนบุกให้ดี ๆ มีเท่าไรใส่ให้หมด

Performance

The Division 2

เราใช้ PC ระดับกลางในการเล่น ดังนั้นจะไม่ขอพูดถึงเรื่องกราฟฟิก เพราะมันสวยระดับเกม AAA อยู่แล้ว

ปัญหาเกมจริง ๆ เริ่่มมีตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ที่ทั้งคิวแน่น รอนาน กว่าจะได้เล่นต้องใช้เวลาเข้าราว 2-3 นาที หากมองโลกในแง่ดี นี่คือ Private Beta เพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะรองรับคนได้มาก เปิดจริงเมื่อไหร่คงขยายความจุตามเห็นสมควร ปัญหาอื่น ๆ ก็มีบ้าง เช่นกระตุก ค้างโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่เป็นเกือบทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการ Matchmaking ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้สุ่มหาคนเจอบ้างไม่เจอบ้าง ที่น่าสนใจคือ Menu Screen ใหม่ที่ดูรกกว่าเดิม ทำให้ผู้เล่นใหม่อาจจะไม่ชอบเท่าไหร่นัก สิ่งเดียวที่เห็นแล้วไม่น่าให้อภัยเลยก็คงเป็นเรื่องด่านบัค ไม่สามารถผ่านไปได้ หากอยากผ่านก็ต้องโหลดเกมมาลงใหม่เท่านั้น

Verdict

ส่วนตัวแล้วมันคือการก้าวข้ามภาคแรกอย่างแท้จริง แต่ก้าวไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ ตัวเกมพัฒนาขี้นอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากปัญหาบางส่วนที่แฟนเกมเรียกร้องในภาคแรก Ubisoft นำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ในภาคนี้ ถือเป็นจุดที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น คือจุดบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และปัญหาทางเทคนิค เอาตรง ๆ ไม่แปลกใจหากมันจะมีอยู่ในช่วง Beta แต่เมื่อไหร่ที่คุณจะขายเกมนี้จริง ๆ รบกวนปรับปรุงมันด้วย

The Division 2 จะดีหรือไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ในท้ายที่สุด คุณก็ต้องเป็นคนตัดสินเอง เอาเป็นว่าถ้าคุณหลงรัก The Division ตั้งแต่แรกเห็น เรามั่นใจว่าคุณจะหลงรัก The Division 2 ไม่ต่างจากภาคแรกอย่างแน่นอน

demtidgeg

คนๆนึงที่อยากแชร์เรื่องราวข่าวสารวงการเกมเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ

Back to top