เกม RPG หรือ Role Playing Game เป็นหนึ่งในแนวเกมที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับเกมเมอร์มายาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ ซึ่งแน่นอนว่าเกมแนวดังกล่าวได้มีวิวัฒนาการไปตามยุคสมัย จนตอนนี้มีการแบ่งเป็นเกม RPG แบบคลาสสิก และ RPG สมัยใหม่จากคอมูนิตี้อย่างไม่เป็นทางการ
ถึงอย่างนั้น แม้ทั้งสองเกมจะเป็นเกมแนวเดียวกัน แต่ความสนุกที่ได้รับมาไม่เหมือนกัน แล้วทั้งสองเกมมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราจะมาพูดถึงนี้กัน
RPG Classic
หรือจะเรียกว่า Traditional RPG หรือ Old-School RPG ก็ได้ เป็นชื่อเรียกสำหรับเกม RPG ที่ยังคงใช้ระบบคลาสสิกในสมัย NES หรือ PlayStation นำมาต่อยอดใช้จนถึงทุกวันนี้
Classic RPG ส่วนใหญ่ใช้ระบบการต่อสู้แบบผลัดเทิร์น ที่ผู้เล่นสามารถเลือกคำสั่งระหว่างโจมตีศัตรู, ใช้สกิล, เลือกใช้ไอเทม, เปลี่ยนสมาชิกปาร์ตี้, ป้องกัน และวิ่งหนีจากสนามรบ โดยแต่ละเทิร์น ทีมทั้งสองฝั่งจะมีการสลับเลือกคำสั่งเหมือนเล่นหมากรุก ทำให้การเล่นเกม RPG แบบผลัดเทิร์น เน้นการวางแผน การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่สนามรบ การอ่านใจฝ่ายศัตรู และ “โชค” ซึ่งทำให้การเล่นเกมแต่ละรอบ มีความรู้สึกลุ้นระทึกกับดำเนินไปเกมอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ระบบเกมเพลย์แบบผลัดเทิร์นจะเน้นการวางแผนเป็นหลัก ซึ่งมีวิธีการเล่นเข้าใจง่ายเพียงแค่กดคำสั่งอย่างเดียว แต่เกมแนวดังกล่าวก็อาจมีความยากท้าทาย ด้วยระบบทำโทษผู้เล่นที่ค่อนข้างใจร้ายพอสมควร อย่างเช่น ระบบ Leader ที่หากตัวละครตำแหน่งหัวหน้าตาย ก็เท่ากับแพ้โดยทันที หรือหากขึ้นฉาก Game Over ตัวเกมบังคับต้องกลับไปที่หน้าเมนูใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ เกม RPG คลาสสิกไม่ค่อยมีระบบ Checkpoint, Auto Save หรือจุดเซฟระหว่างตะลุยดันเจียน (ยกเว้นช่วงใกล้ถึงฉากบอสไฟท์ มักมีการแจกไอเทมพลังชีวิต และมีจุดให้เซฟเกมล่วงหน้าเสมอ) ส่งผลให้การตะลุยดันเจียนจะค่อนข้างลากยาว ฉะนั้นหากมีความจำเป็นต้องทำธุระออกนอกบ้าน และต้องปิดเกมอย่างกะทันหันระหว่างตะลุยดันเจียน เท่ากับว่าคุณอาจต้องเริ่มเล่นใหม่จากเซฟล่าสุดเท่านั้น
ปัจจุบัน ยังมีแฟรนไชส์เกม RPG หลายเกมที่ใช้ระบบ RPG แบบคลาสสิก เช่นตระกูล Dragon Quest, Shin Megami Tensei, Darkest Dungeon และ Wasteland ซึ่งเกมทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเกม RPG ที่มีกระแสรีวิวยอดเยี่ยมจากสื่อเกมและผู้เล่นหลายคนก็จริง แต่ถึงอย่างนั้น เกมดังกล่าวยังจัดว่าเป็นหมวดหมู่เกมที่มีผู้เล่นค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม (Niche Game) หากเทียบกับเกม Action RPG หรือเกมแนวอื่นบนท้องตลาด
หากอ้างอิงจากความคิดเห็นของสื่อเกม Destructoid สาเหตุที่เกมเมอร์บางคนชื่นชอบระบบการต่อสู้แบบผลัดเทิร์นมากกว่าเกมแอ็กชัน RPG เพราะผู้เล่นได้สนุกสนานกับการจำลองการรบ การวางแผนก่อนสู้บอส และการ Grinding เพื่อให้ตัวละครเก่งขึ้น รวมถึงเกมเมอร์บางกลุ่มไม่ชื่นชอบการกดปุ่มรัว ๆ และความท้าทายแบบเกมแอ็กชันที่ต้องอาศัยการฝึกฝนเยอะ
Modern RPG
เกม RPG แบบทันสมัยหรือสมัยใหม่ คือเกม RPG ที่มีการดัดแปลงระบบเกมเพลย์และฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้คล้อยไปตามเกมยุคสมัยปัจจุบัน เนื่องจากผู้เล่นยุคนี้มีไลฟ์สไตล์การเล่นเกมแตกต่างจากอดีต และมีพฤติกรรมเลือกซื้อเกมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยความแตกต่างระหว่าง RPG คลาสสิกกับ RPG ทันสมัยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือระบบเกมเพลย์กับ Quality of Life ที่ทำให้ผู้เล่นเข้าถึงง่ายขึ้น
ระบบการต่อสู้ของเกม RPG แบบทันสมัยจะมีลักษณะเกมเพลย์รวดเร็วกว่าเกม RPG คลาสสิกหลายเท่าตัว โดยเกมส่วนใหญ่มักออกแบบเป็นเกมแอ็กชัน สามารถกดโจมตีศัตรู ใช้สกิล หรือใช้ท่าหลบได้อิสรเสรี โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาเทิร์นถัดไปเหมือนเกม RPG คลาสสิก
แต่เกม Action RPG เน้นต่อสู้ระยะประชิดนั้น ไม่เหมือนกับเกมแนว Action Hack and Slash อย่าง Devil May Cry หรือ Dynasty Warriors เพราะแม้เกม Action RPG จะเน้นทักษะฝีมือมากขึ้น แต่ผู้เล่นยังคงสำรวจค่าสถานะ เลเวลตัวละคร อุปกรณ์ที่สวมใส่ และความคืบหน้าในการวัดความแข็งแกร่งของคุณ ในขณะที่เกม Action Hack and Slash ต้องใช้ทักษะฝีมือในการเอาชนะ
นอกจากนี้ เกม RPG บางเกมอาจลดความซับซ้อนของระบบต่าง ๆ เช่น เพิ่มค่าสถานะเองตามอัตโนมัติหลังเลเวลอัพ และออกแบบระบบสกิลต้นไม้ให้มีเส้นทางความคืบหน้าซับซ้อนจนเกินไป รวมถึงมีปรับปรุง Quality of Life จากเกม RPG คลาสสิก ด้วยการออกแบบเควสต์ที่มีเงื่อนไขต้องการไอเทม หรือ Grinding น้อยลง และเพิ่มจุด Checkpoint, Auto Save หรือสามารถเซฟตอนไหนก็ได้
สาเหตุที่แฟรนไชส์เกม RPG ดังหลายเกม อย่างเช่น Final Fantasy หรือ Fallout มีการปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่จากเกม RPG ผลัดเทิร์น กลายเป็นเกมเน้นแอ็กชัน RPG มากขึ้น เพราะต้องการให้ผู้เล่นทุกคนสามารถเข้าถึงตัวเกมได้ง่าย จากการออกแบบระบบการต่อสู้ที่หลายคนคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่องค์ประกอบเกม RPG ยังคงพบให้เห็นและส่งผลต่อเกมเพลย์ ทำให้เกม Action RPG ได้รับความนิยม และแฟรนไชส์เกม RPG หลายเกม เริ่มปรับตัวไปแนวทางนี้มากขึ้นเช่นกัน
อ้างอิงจากประสบการณ์ของกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ชอบเกม Action RPG ด้วยกัน สาเหตุที่ผู้เล่นชื่นชอบ RPG แบบ Action มากกว่าแบบผลัดเทิร์น เพราะเกมการเล่นน่าตื่นเต้น และไม่น่าเบื่อมากจนเกินไป
แม้เกม RPG ณ ตอนนี้ มีการแบ่ง RPG ออกเป็นสายคลาสสิกและสายทันสมัยอย่างไม่เป็นทางการก็จริง แต่เกม RPG ทุกเกม ได้พยายามผสมผสานระหว่างของเก่ากับของใหม่เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกมเมอร์ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานตามฉบับ RPG เพราะฉะนั้นแม้ RPG ทั้งสองแนวมีแนวทางแตกต่างกัน แต่เกมทั้งสองแนว ก็ยังจัดถือว่าเป็นเกม RPG อยู่ดี