เกมแข่งรถที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีอยู่สองประเภทคือเกมแข่งรถสไตล์อาร์เดด และเกมแข่งรถสไตล์สมจริง ซึ่งแม้ทั้งสองเกมจะเป็นการท้าประลองความเร็วบนท้องถนนเหมือนกัน แต่การนำเสนอ ระบบเกมเพลย์ ความยากท้าทาย ระหว่างสองเกมนั้นแตกต่างอย่างชัดเจนจนเกมเมอร์หลายคนอาจรู้สึกสับสนได้ แล้วความแตกต่างระหว่างเกมแข่งรถรูปแบบ “อาร์เคด” กับ “สมจริง” มีลักษณะเป็นอย่างไร ก็สามารถรับชมกับบทความนี้ได้เลยครับ
ระบบการควบคุมรถยนต์
ระบบการควบคุมรถยนต์สำหรับเกมแข่งรถอาร์เคดจะมีลักษณะคล้ายกับเกมตู้ ที่มุ่งเน้นความสนุกสนานมากกว่าความสมจริง ทำให้การควบคุมรถ การเบรก ดริฟต์ และองค์ประกอบอื่น ๆ ฝ่ายเกมเมอร์จะสามารถควบคุมรถยนต์ได้นิ่งราวกับขี่ม้าที่ผ่านการฝึกฝนและเชื่อฟังต่อผู้เล่น (หรืออาจจะใช้เวลาฝึกฝนเพียงระยะเวลาอันสั้นมาก)
แต่สำหรับระบบการขับรถยนต์ในเกมแข่งรถสมจริง จะออกแบบระบบควบคุมรถตามข้อมูลที่อ้างอิงมาจากสเปกหรือการขับรถในชีวิตจริง ทำให้รถแต่ล่ะคันจะมีการควบคุมแตกต่างกันอย่างชัดเจน องค์ประกอบทุกอย่างเช่น น้ำหนัก, ระบบการขับเคลื่อน, อัตราเร่งความเร็ว, ความเสียหายจากการชน และอื่น ๆ จะส่งผลต่อการควบคุมรถทั้งหมด ทำให้รถบางคันอาจจะขับง่ายอย่าง Honda Civic แต่รถบางคันอย่าง Ferrari Dino 206 GT ก็อาจจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนกับปรับจูนอย่างสม่ำเสมอ
การปรับจูน
การแต่งรถ/ปรับสมรรถภาพรถยนต์สำหรับเกมแข่งรถสไตล์อาร์เขต เกมเมอร์อาจต้องทำความเข้าใจคุณสมบัติของชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น โช๊ค, จานเบรก, ยางรถยนต์แบบเบื้องต้น เพื่อให้ผู้เล่นสามารถปรับจูนรถยนต์แบบถูกวิธี แต่ถ้าหากผู้เล่นทำความเข้าใจเสร็จแล้ว ผู้เล่นจะสามารถเลือกปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากการนำเสนอ UI ได้ออกแบบอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังการปรับจูน
แต่ตรงกันข้ามกับเกมแข่งรถแบบสมจริง ที่จะมีระบบการปรับจูนรถซับซ้อนกว่าเกมแข่งรถอาร์เขตหลายเท่า ทุกชิ้นส่วนจะมีภาพประกอบเปรียบเทียบ, การปรับแต่งมีรายละเอียดแตกย่อยอย่างลึกซึ้ง และผลลัพธ์การปรับจูนรถยนต์อาจจะไม่ตรงตามเป้าหมายที่ผู้เล่นคาดไว้ตั้งแต่แรก
สำหรับความคิดเห็นของผู้เขียนแล้ว การปรับจูนรถยนต์เป็นฟีเจอร์สำคัญมากสำหรับเกมแข่งรถสมจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นระบบที่เข้าถึงยากมาก และผมก็ยังไม่เข้าใจในส่วนนี้อย่างถ่องแท้ซะเท่าไหร่นัก
กฎการแข่งขัน
เนื่องจากเกมแข่งรถแบบสไตล์อาร์เคดจะเน้นความสนุกสนานเป็นหลัก ทำให้เกมเหล่านั้น แทบไม่มีกฎการแข่งขันหรือต้องรักษาน้ำใจนักกีฬาที่เข้มงวดจนเกินไป เกมเมอร์ทุกคนจะต้องหาวิธีการเอารอดบนสนามแข่งรถด้วยสัญชาตญาณของตัวเอง ซึ่งส่งผลลัพธ์ทำให้เกมการเล่นมีความตื่นเต้น ลุ้นระทึก และมีความวุ่นวายมาก (ในทางที่ดี)
แต่เกมแข่งรถแบบสมจริงจะเน้นการแข่งขันซีเรียสเกมมิ่ง ตัวเกมจะเริ่มมีกฎกติกาเข้ามา เพื่อให้การแข่งขันมีความแฟร์มากที่สุด หรือแม้กระทั่งเกมบางเกมจะบังคับให้ผู้เล่นต้องรับชมวิดีโอ “วิธีการแข่งรถอย่างไร ไม่ให้ตัวเองดูแย่” (อ้างอิงมาจาก Gran Turismo Sport) ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันแบบออนไลน์อีกด้วย ซึ่งถ้าหากยกตัวอย่างการกระทำที่เสี่ยงต่อการโดนลงโทษ ก็มีเช่นการขับรถตัดสนาม, การดันหรือชนรถคู่แข่ง หรือขับรถแซงธงเหลืองด้วยความเร็วที่ไม่ระมัดระวัง (ธงเหลือง หมายถึง ถนนข้างหน้ามีอุบัติเหตุ) ซึ่งส่วนใหญ่ มีบทลงโทษเป็นการนับเวลารอบเพิ่มประมาณ 0.1 วินาทีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผู้เล่นได้ละเมิดกฎลงไป
หรือถ้าหากอธิบายฉบับคนเข้าใจง่ายสุด ๆ ก็หมายความว่าเกมแข่งรถอาร์เคด ผู้เล่นสามารถชนรถคู่แข่งได้ตามปกติ แต่การแข่งรถแบบสมจริงจะเน้นการแข่งขันแบบขาวสะอาด และมีกฎกติกากับบทลงโทษที่ชัดเจน
กราฟิก
เกมแข่งรถแบบสมจริงจะคล้ายคลึงกับเกม FIFA, NBK หรือเกมกีฬาอื่น ๆ สำหรับยุคปัจจุบัน ที่เน้นการนำเสนอภาพกราฟิกแบบ Photorealism หรือระบบภาพถ่ายเสมือนโลกจริง เพื่อมอบประสบการณ์ความ “Realistic” ให้เกมเมอร์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ในขณะที่เกมแนวแข่งรถอาร์เคดจะเน้นการนำเสนอภาพวิชวลเป็นหลัก เพื่อให้ตัวเกมดูดีมีเอกลักษณ์เป็นลายเส้นของตัวเองมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เครื่องเกมคอนโซล PlayStation 4 และ Xbox One ได้ถือกำเนิดขึ้น เกมแข่งรถอาร์เคดบางเกมก็ได้พยายามออกแบบภาพกราฟิกให้มีลักษณะ Photorealistic มากขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Driveclubs กับ Forza Horizon 4
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้เกมแข่งรถสไตล์อาร์เขตกับสไตล์สมจริงจะมีความสนุกสนาน การนำเสนอ และระบบเกมเพลย์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรตาม ถ้าหากเกมเมอร์เป็นคนชื่นชอบหรือสนใจเกมแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ก็เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเกมแข่งรถทั้งประเภทไหน ผู้อ่านจะต้องหลงใหลกับเกมเรซซิ่งทั้งสองรูปแบบอย่างแน่นอนครับ