การมีคอมโบไว้พิชิตชัยเป็นเรื่องดี แต่มันจะสำคัญขนาดนั้นจริงหรือ?
สิ่งหนึ่งที่เป็นทั้งความตื่นตาตื่นใจ กำแพง และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นและผู้ชมรู้สึกว่า คน ๆ นี้เล่นเกมต่อสู้ได้ดี องค์ประกอบที่หลายคนคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือท่าชุด Combo อันแสนอลังการนั้นเอง
ความ Hype สุดยอดของงาน Stunfest 2015 ที่ Daigo ”The Beast” Umehara โชว์ให้ทุกคนประจักษ์ถึงคอมโบอันร้ายกาจ
ถ้าเล่าไปสู่จุดกำเนิด คอมโบที่เรารู้จักในเกมต่อสู้เองก็กำเนิดขึ้นมาจาก Bug ในเกม Street Fighter II ที่เป็นเรื่องบังเอิญแบบไม่ได้ตั้งใจในช่วงพัฒนาเกม Lead Producer ของ Capcom ในช่วงนั้นอย่าง Noritaka Funamizu ได้บอกว่าเขาได้ค้นพบสิ่งนี้โดยบังเอิญระหว่างแก้ไข Bug ในเกม และพบว่ามันเข้าท่ากว่าที่โมชั่นของตัวละครจะยกเลิกไปหากผู้เล่นใช้ท่าไม้ตายต่อเนื่องจากท่าโจมตีปกติ ก็เป็นการถือกำเนิดระบบคอมโบขึ้นมาในโลกของเกมต่อสู้ในที่สุด
ซึ่งเกมที่จับเอาการต่อคอมโบมาเป็นจุดขายก็มีหลายเกม อย่างเช่น Killer Instinct กับระบบต่อคอมโบโคตรง่ายดาย แต่สะใจและแก้ทางกันได้ หรือเกมจากค่าย Arc System Works ที่มีท่วงท่าคอมโบจากดินสู่ฟ้า แล้วลงมาสู่ดินอีกที และเกมอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเกมเหล่านี้หลายคนได้เห็นคอมโบกันแล้วก็คงอดอุทานในใจไม่ได้ว่า ”กดเข้าไปได้ไง(วะ)” กันแน่ๆ
แต่ถึงมันจะเป็นส่วนสำคัญ คอมโบก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่ทำให้ผู้เล่นเอาชนะได้อยู่ดี จริงอยู่ที่คอมโบคือสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างความบอบช้ำแก้คู่ต่อสู้ได้มากมาย บางชุดยิ่งกดยากก็ยิ่งแรง แต่การนำไปสู่สถานการณ์ที่คอมโบแรงๆเหล่านั้นได้โชว์ออกมา ก็ต้องมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมอีกมากมาย เรียกให้ถูกก็คือคอมโบเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้คำว่าชัยชนะสมบรูณ์นั้นเอง มันยังมีอะไรอีกหลายอย่าง เช่นการใช้ Mix Up การหลอกล่อด้วยท่าโจมตีบนหรือล่างเปิดให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ ให้เราสามารถทำคอมโบสุดโฉดได้ รวมไปถึงสติสัมปชัญญะและประสาทสัมผัสระหว่างกดที่ต้องมั่นคงไม่หวั่นไหว เพียงแต่ว่าผู้เล่นทั่วไปที่เพิ่งเริ่มเข้ามาสู่การเล่นมักจะให้ความสำคัญกับคอมโบก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับผู้เล่นมือใหม่ส่วนใหญ่ที่ผู้เขียนให้คำแนะนำไป ส่วนใหญ่มักจะให้เริ่มฝึกจากการรักษาระยะหรือ Spacing ก่อน แล้วตามด้วยการดูหาจังหวะในการรุกหรือรับ ถ้าหากผู้เล่นคนนั้นสามารถหาจังหวะในการรุกและรับได้เองแล้วจึงจะสอนให้เขากดคอมโบต่อไป ซึ่งจุดนี้ถือเป็นหนทางที่คนเล่นใหม่และคนเล่นเก่าหลายคนต้องระลึกถึงไว้ เพราะบางทีผู้เล่นที่เล่นมาพักหนึ่งจะเริ่มมีอาการเห่อคอมโบ จนกระทั้งลืมจุดสำคัญในการเล่นให้ชนะไป(เชื่อเถอะ ยุคนึงผู้เขียนเองก็เป็นมาก่อนแล้ว และมันก็ไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องถ้าหากจะพัฒนาฝีมือต่อไป)
และใช่ว่าทุกตัวละครจะต้องใช้คอมโบในการโจมตีหรือปิดเกม หลายตัวละครในเกมต่อสู้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แต่อย่างใด อย่างเช่น Zangief นักมวยปล้ำร่างโตที่คอมโบกดต่อเนื่องไม่รุนแรง แต่มีท่าทุ่มที่ป้องกันไม่ได้และรุนแรงอยู่มากมายเป็นต้น แต่สำหรับบางเกม คอมโบก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้กลับมาพลิกเกมชนะได้ อย่างเช่น The King of Fighters XIII ที่มี Comeback Mechanic ที่ดี แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการใช้ฝีมือในการกดท่าคอมโบออกมาให้ได้ชนิดห้ามพลาดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็จะพลิกกลับมาชนะได้ยากมาก ซึ่งจุดนี้ก็ได้รับการแก้ไขในภาค XIV ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะเข้าใจขึ้นมากันบ้าง(หรือไม่ได้ยึดถือในใจอยู่แล้ว) ว่าคอมโบนั้นไม่ใช่ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดที่ผู้เล่นจะได้รับชัยชนะในเกมต่อสู้ มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น การมีคอมโบแรง ๆ อลังการสุดหรู ฝึกกดมาร้อยครั้งพันหน ถ้าหากหาจังหวะกดไม่ได้ หรือกดไม่ได้ไม่ติด มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
แต่ถ้าหาจังหวะกดชุดใหญ่สวย ๆ ได้ มันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย อยู่ที่โอกาสและช่องโหว่ของคู่ต่อสู้ที่เราได้เจอด้วย ว่าจะมีโอกาสได้กดหรือเปล่า และอย่าละเลยองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้เรามีชัยเหนือคู่ต่อสู้ด้วย ถึงแม้คอมโบที่อลังการ มีความแรงระดับชุดเดียวตาย แต่ถ้าหากไม่สามารถหาช่องทางให้คอมโบชุดนั้นเกิดผลออกมา ก็คงเป็นการเสียเปล่า และคงเทียบไม่ได้กับการอ่านเกมของคู่ต่อสู้ให้ขาดและแก้ทางการเล่นของเขาอันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า หรือถ้าหากคิดว่าตัวที่เราเล่นอยู่นั้นคอมโบมันยากไป ก็เริ่มหัดจากชุดง่าย ๆ ที่ในกลุ่มคนเล่นเกมต่อสู้เรียกกันว่า BnB หรือ Bread and Butter คอมโบไว้ก่อนก็ได้ครับ
แต่ถึงอย่างไรเสีย สุดท้ายการฝึกกดคอมโบชุดปิดเกมเอาไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะอย่างน้อย การกดคอมโบชุดใหญ่ที่มีความแรงสูง ๆ ได้ในจังหวะที่เหมาะสม มันก็เปลี่ยนคำว่าแพ้ ให้กลายเป็นชนะได้เหมือนกัน แต่ก็อย่าละเลยส่วนสำคัญอื่น ที่ช่วยให้เราสามารถไปสู่ชัยชนะได้ และนั้นจะช่วยให้เราสามารถเล่นเกมต่อสู้ได้สนุกขึ้นมากทีเดียวครับ