แม้เกม RPG ยุคใหม่ มีระบบเกมการเล่นเข้าถึงง่าย และเน้นการต่อสู้แอ็คชันที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น แต่โลกในเกมแบบแฟนตาซี ก็ยังคงเป็นคิงสำหรับเกมแนว RPG ในขณะที่ Setting โลกที่ทันสมัยยังคงหาเล่นได้ยากในปัจจุบัน
RPG โลกแฟนตาซียังเป็นคิง แม้เกมเพลย์จะเข้าถึงง่ายขึ้น
เกมเมอร์หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าตอนนี้ เกม RPG มีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท (อย่างไม่เป็นทางการ) ระหว่าง Modern RPG (RPG สมัยใหม่) และ Old-School RPG (RPG ยุคเก่า)
ความแตกต่างโดยรวมระหว่างเกม RPG สองประเภทคือ RPG สมัยใหม่จะเน้นความเป็นแอ็กชันมากขึ้น และออกแบบ Quality-of-Life ให้ตรงกับกลุ่มตลาดเกมเมอร์ยุคปัจจุบัน ที่ต้องการเล่นเกมที่มีระบบย่อยง่าย ดูยุ่งยากน้อยที่สุด ส่วนเกม RPG แบบ Old-School คือ RPG ฉบับคลาสสิกที่เกมเพลย์ส่วนใหญ่ยังใช้ระบบผลัดเทิร์น เน้นวางแผนการต่อสู้ และการลองผิดลองถูกในการกำจัดบอสหนึ่งตัว
อย่างไรก็ดี แม้เกม RPG สมัยใหม่จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่โลก Setting ในเกม กลับไม่ได้ทันสมัยตามเกมเพลย์ โดยเกม RPG ที่มี Setting โลกปัจจุบันในตอนนี้ ยังมีให้เห็นน้อย หากเทียบกับเกม RPG โลกแฟนตาซีหรือ Sci-fi ที่มีให้เลือกเล่นมากมาย เช่น Final Fantasy, Tales of, Fallout, The Elder Scrolls, Atelier ฯลฯ
อ้างอิงจากกระทู้ Reddit ในหัวข้อ “Why aren’t there any RPGs just set in the modern world?” ผ่านช่อง r/truegaming ซึ่งเป็นสังคมแหล่งรวมคนเล่นเกมแบบวิเคราะห์จริงจัง และมีความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่ ชาวเกมเมอร์วิเคราะห์ว่า 2 สาเหตุหลัก ที่ทำให้เกม RPG ใน Setting โลกยุคปัจจุบันจึงไม่ได้รับความนิยม หรือหาเล่นได้ยากกว่าเกม RPG โลกแฟนตาซี มีดังนี้
เพราะ “แฟนตาซี” สามารถมอบเสรีภาพในการสร้างสรรค์โดยไม่มีที่สิ้นสุด
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าโลกแฟนตาซีนั้น มีความสนใจ มีเอกลักษณ์ ดูน่าหลงใหลมากกว่าโลกความจริง ที่เรามองเห็นกันทุกวันนี้
สิ่งหนึ่งที่เกม RPG โลกแฟนตาซี ได้รับความนิยมกว่าเกม RPG ที่ใช้โลกเกมอ้างอิงจากความเป็นจริง เพราะการออกแบบโลกแฟนตาซีเป็นการเปิดทาง “เสรีภาพในการสร้างสรรค์” (Creative Freedom) ให้แก่ทีมพัฒนาเกมอย่างไม่มีสิ้นสุด และมีการปิดกั้นทางความคิดสร้างสรรค์น้อย
เพราะการออกแบบโลกแฟนตาซี นักพัฒนาสามารถสร้างกฎเกณฑ์ของโลก, สร้างเนื้อหา Lore ประวัติศาสตร์ความเป็นไปมา และสร้างเชื้อชาติพันธุ์ (Race) ต่าง ๆ ได้อย่างอิสรเสรี หรือตามวิสัยทัศน์ Concept ที่วางแผนไว้ในช่วง Pre-Production โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความสมเหตุสมผล หรือตรรกะมากจนเกินความจำเป็น ทำให้การสร้างเกม RPG โดยใช้โลกแฟนตาซี มีความสนุกสนาน และดูน่าสนใจกว่าการเกมที่อ้างอิงจากโลกความเป็นจริง ซึ่งเราเห็นกันมานานตั้งแต่แรกเกิด
เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าในโลกความเป็นจริง มีกฎเป็นอย่างไร
ตลอดหลายล้านปี โลกของมนุษย์มีวิวัฒนาการ และสามารถเติบโตก้าวไปข้างหน้าได้ ด้วยวัฒนธรรม ตรรกะ การปกครอง เทคโนโลยี สังคม และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ทำให้เรามีลมหายใจบนโลกจนถึงทุกวันนี้
แต่ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้การสร้างเกม RPG โดยใช้โลกความเป็นจริงหรือทันสมัยนั้น อาจจะมีความเสี่ยงที่ตัวเกมโดนวิจารณ์จากหลายคน เกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาที่ขาดความสอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ความสมเหตุสมผลของการสนทนา การปฏิบัติตามกฎหมาย และอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นการฉุดรั้ง Creative Freedom และเกิดข้อจำกัดต่าง ๆ ในการพัฒนาเกมมากมาย
ฉะนั้นการสร้างเกม RPG โดยใช้ฉากหลังเป็นโลกที่อ้างอิงจากความเป็นจริง ก็มาพร้อมกับความจุกจิกมากมาย ที่อาจทำการพัฒนาเกมไม่สนุกสนาน และยากท้าทายจนเกินไป
RPG ที่ใช้ Setting โลกความเป็นจริง ก็หนีไม่พ้นแฟนตาซีอยู่ดี
แน่นอน มีเกม RPG บางเกมที่พยายามออกแบบโลก โดยใช้ฉากหลังอ้างอิงมาจากโลกความเป็นจริง แต่สุดท้ายแล้ว ตัวเกมก็ต้องมีการสอดแทรก “ความเป็นแฟนตาซี” เข้าไป เพื่อให้ตัวเกมมีความน่าสนใจ และไม่น่าเบื่อจืดชืด
เกม RPG ที่ดูมีความใกล้เคียงกับโลกความเป็นจริงที่สุด อย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น Yakuza: Like A Dragon ของค่าย Ryu Ga Gotoku Studios ที่การดำเนินเนื้อเรื่องแนวแอ็คชัน-อาชญากรรม, การออกแบบฉากแผนที่ และกิจกรรมมินิเกมต่าง ๆ ดูมีความสอดคล้องกับความเป็นจริง (ไม่นับพวกเควสต์เสริมสุดฮา ที่แม้เนื้อหาจะหลุดโลก แต่โลกในเกมก็ยังไม่ฉีกจากความเป็นจริง)
แต่อย่างไรก็ตาม Yakuza: Like A Dragon ก็ยังคงมีการสอดแทรกเนื้อหาแฟนตาซีเข้าไป ด้วยการนำเสนอให้ศัตรู/มอนสเตอร์ในเกมเป็น “ตัวประหลาด คนโรคจิต” ที่มีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ เนื่องจากตัวละครเอก Kasuga Ichiban เป็นยากูซ่าเนิร์ด สมองเบา ที่มีพลังจินตนาการล้ำเลิศกว่าคนอื่น และชื่นชอบนำเรื่องราวจากโลกของเกม มาปนกับชีวิตจริงอยู่เสมอ
ส่วนตระกูล Shin Megami Tensei Persona ซึ่งเป็นเกม RPG ใน Setting โลกทันสมัย ที่ผู้เล่นสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครคนอื่น และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน แต่สุดท้าย ตัวเกมก็ยังมีการสอดแทรกเนื้อหาแฟนตาซี กับเหนือธรรมชาติ ด้วยการบุกรุกเข้าไปในจักรวาลอื่น และนำเสนอมอนสเตอร์สุดประหลาดที่มองอย่างไร ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากโลกมนุษย์อย่างแน่นอน
แต่หากพูดถึงเกม RPG ที่ดูมีความสมจริง ไม่มีสอดแทรกแฟนตาซี ที่นึกได้ในตอนนี้ก็มีแค่ Alpha Protocol เกมแนวลอบเร้นของค่าย Obsidian ที่มีระบบ RPG ให้เกมเมอร์สามารถเลือกเส้นทางการเล่นว่าต้องการเพลย์สไตล์แบบไหนก็ได้
Alpha Protocol เป็นเกมที่มีกระแสตอบรับค่อนข้างเป็นเสียงผสม โดยแม้เกมเมอร์หลายคนจะชื่นชอบไอเดีย หรือแนวคิดของเกมดังกล่าว แต่บางคน ก็มองว่า Alpha Protocol เป็นเกมไอเดียล้ำ แต่ทำแล้วผลลัพธ์ออกมาย่ำแย่ (Good Concept Poor Execution) เพราะตัวเกมเน้นการอัปเกรดทักษะ มากกว่าการใช้ฝีมือหรือการช่างสังเกต เพื่อให้การลอบเร้นมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้เกมเพลย์ไม่ถูกใจสำหรับเพลเยอร์บางกลุ่ม
แม้เกม RPG โดยใช้ Setting อ้างอิงจากโลกแห่งความจริง จะหาเล่นได้ค่อนข้างยาก และดูไม่น่าดึงดูดเหมือนเกมที่ใช้โลกแฟนตาซี แต่เนื่องจากปัจจุบัน พฤติกรรมหรือรสนิยมการเล่นเกมของแต่ละคน มีความหลากหลายมากขึ้น ก็หวังว่าเกม RPG ที่มี Setting โลกยุคสมัยใหม่จะได้รับความนิยม และสามารถเฉิดฉายได้ไม่แพ้กับเกม RPG แฟนตาซีสักวันหนึ่งในอนาคต
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัว และความคิดเห็นจากบางส่วนเท่านั้น แม้ข้อมูลไม่ได้ถูกต้อง 100% แต่ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจเกม RPG ในปัจจุบันมากขึ้นครับ
แหล่งที่มา: CGMag Online