อีกหนึ่งสัญลักษณ์มาสคอตประจำค่าย Nintendo ที่ปีนี้กำลังจะมีภาคใหม่มาให้เราได้เล่นกันในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้ และน่าจะเป็นภาคที่ใคร ๆ หลายคน โดนเจ้าก้อนสีชมพูตัวนี้ตกเข้าอย่างจัง จนอยากจะรีบไปหาเครื่อง Nintendo Switch มาไว้เป็นเจ้าของเพื่อรอเล่นเกมนี้ แต่หลังจากที่เราได้ลองเล่น Demo แล้ว มันจะมีอะไรดีนอกจากความน่ารักหรือไม่ ก็ลองมาดูกันได้ในพรีวิวของ Kirby and the Forgotten Land
ก้อนกลมผจญภัยต่างมิติ
เรื่องราวของ Kirby and the Forgotten Land เริ่มต้นขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็เกิดประตูมิติปริศนาที่ดูดกลืนทุกอย่างในโลกที่ Kirby กำลังอาศัยอยู่ เจ้า Kirby ที่กำลังชิลล์จัดก็บังเอิญโดนดูดเข้าประตูมิติไปด้วย และมาโผล่อยุ่ที่ดินแดนปริศนาที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง และอาคารสูงใหญ่ ซึ่งดูจากการเล่าเรื่องแล้ว คาดว่าน่าจะตัดทอนบางส่วนออกไป ให้คนไปเล่นกันในเกมเต็มมากกว่า ดังนั้น เอาเป็นว่า ทำความเข้าใจแค่ Kirby มันโดนดูดมาอีกมิติหนึ่งก็พอ
และหน้าที่ของเจ้าก้อนกลมในภาคนี้คือ คอยช่วยเหลือเหล่า Waddle Dees สิ่งมีชีวิตสุดน่ารักที่โดนเหล่า Beast Pack เข้าจู่โจมและจับตัวไป ในระหว่างการผจญภัยเราจะต้องคอยช่วยเหลือเหล่า Waddle Dees เพื่อรับโบนัสตอนจบด่านอีกที
การผจญภัยแบบแพลตฟอร์มสามมิติเต็มรูปแบบ
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ Kirby โลดแล่นอยู่บนเครื่องเกม ส่วนมากจะเป็นแนว Action Platform Side-Scrolling มากกว่า แต่การมาถึงของภาค Forgotten Land นี้ ถือว่าน่าจะทำให้แฟน ๆ Kirby ตาลุกวาวกันพอสมควร เพราะภาคนี้เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอมาเป็นแบบ Action Platform แบบ 3 มิติเต็มตัว และภาพกราฟิกที่สวยงามไม่ต่างจากภาค Star Allies ที่ปล่อยมาเมื่อปี 2018
และคราวนี้ตัวเกมจะมาในรูปแบบกึ่ง ๆ Open World คือไม่ได้กว้างใหญ่ถึงขนาดออกสำรวจได้หลากหลาย แต่ว่าในแต่ละพื้นที่จะมีความเปิดกว้าง มีพื้นที่ลับยิบย่อยรอให้คุณไปค้นหา ซึ่งถ้าเจอก็อาจจะได้รางวัลพิเศษเพิ่มเติมด้วย ซึ่งเกมเพลย์หลัก ๆ จะเป็นการผจญภัยตะลุยด่านเป็นเส้นตรง แต่ความลับในด่านจะค่อนข้างเยอะ และมีบางพื้นที่ที่เราต้องตาดีสักหน่อย ถึงจะค้นพบ หรือบางอย่าง อาจจะต้องใช้ความหัวไวในการสังเกต แล้วปลดล็อคสิ่งของเพื่อรับรางวัลเพิ่ม ถือว่าเป็นไอเดียและการออกแบบเกมที่ดีมาก
ความสามารถต่าง ๆ ของเจ้า Kirby จะยังคงเหมือนเดิม นั่นคือความสามารถในการกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นวัตถุต่าง ๆ หรือเหล่าศัตรูก็สามารถอ้าปาก ดูดเอาเข้ามาไว้ได้หมด ถ้าเป็นศัตรูทั่วไป จะสามารถคายออกมาเพื่อยิงเป็นพลังงานโจมตีได้ แต่ถ้าเป็นศัตรูประเภทพิเศษ เมื่อกลืนลงท้อง จะทำให้ Copy Ability หรือความสามารถนั้นมาใช้ได้ เช่นถ้ากลืนศัตรูที่ใช้ดาบ เจ้า Kirby ก็จะสามารถใช้ดาบได้ ถ้ากลืนศัตรูที่ใช้ระเบิดก็จะใช้ระเบิดได้เป็นต้น และจะส่งผลกับเกมการเล่นด้วย เช่นระเบิดอาจจะทำลายสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว หรือมีการโจมตีแบบวงกว้าง ทำให้เคลียร์ศัตรูได้ไวขึ้น และง่ายขึ้นเป็นต้น
แต่ภาพรวมแล้วมันก็ยังเป็นเกมแบบ Kirby ที่เน้นดูด กลืน ต่อสู้ และผ่านด่านไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่ทำให้แฟนเกมนี้อยากเล่นมาก ๆ เพราะมันน่ารักเกินจะอดใจไหวก็คือการมาถึงของ Mouthful Mode
Mouthful Mode ของมันใหญ่ไป กลืนไม่ไหว งั้นเป็นหนึ่งเดียวกับมันซะ !
ในภาคนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Mouthful Mode โดยปกติแล้ว Kirby จะดูดกลืนศัตรูและสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ เข้ามาเท่านั้น แต่ในภาคนี้ดูเหมือนเจ้าก้อนชมพูจะละโมบโลภมาก เลยพยายามดูดกลืนของใหญ่ ๆ เข้ามา แน่นอนว่าพอมันกลืนไม่ได้ ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นอมมันไว้ทั้งอันแทน ซึ่งนี่คือจุดเด่นของ Mouthful Mode
อย่างเช่นในฉากแรก ที่เจ้า Kirby จะอมรถเอาไว้ทั้งคัน และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ เปลี่ยนเป็นการขับรถแบบย่อม ๆ ซึ่งมีความสามารถในการบูสท์สปีดเพื่อทำลายสิ่งกีดขวางได้ แถมยังกระโดดได้อีก และอีกส่วนหนึ่งที่เราจะได้เจอใน Demo ก็คือ Vending Machine หรือตู้กดน้ำอัตโนมัติ ที่ทำให้เรายิงกระป๋องน้ำอัดลมออกไปโจมตีศัตรูได้ และอีกอันหนึ่งคือ Cone หรือกรวย ที่จะเปลี่ยนการโจมตีโดยการเอาด้านแหลมทิ่มลงไปบนพื้น ที่มีความสามารถในการพังพื้นที่ส่วนที่แตกร้าวได้ และในตัวอย่างยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่เจ้า Kirby ใช้ Mouthful Mode เช่นหลอดไฟ และอื่น ๆ ที่เราได้เห็นกันไปในตัวอย่าง ซึ่งน่าสนใจมาก ว่าพอเป็นเกมเต็มแล้ว เราจะ Mouthful ได้อีกกี่แบบ
ด้วยรูปแบบการเล่นแบบใหม่นี้ ทำให้ Kirby and the Forgotten Land เป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนเกม Nintendo Switch ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งในปีนี้ และใครที่อยากลองเล่น ก็สามารถไปดาวน์โหลด Demo มาลองเล่นกันก่อนได้ ตัวเกมเต็มจะวางจำหน่าย 25 มีนาคมนี้