BY Aisoon Srikum
7 Jan 20 6:57 pm

ภาพยนตร์/ซีรีส์/การ์ตูน/สารคดี เกี่ยวกับเกมที่คุณสามารถหาชมได้ทาง Netflix

29 Views

Netflix แทบจะเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพราะมันอัดแน่นไปดว้ยคอนเทนต์คุณภาพไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ การ์ตูนอนิเมชั่น หรือแม้แต่สารคดี แต่สำหรับเกมเมอร์อย่างเรา ๆ ถ้าได้ดูอะไรที่มันมีคำว่าเกมอยู่แล้วด้วยล่ะก็น่าจะสนุก และอินไปกับมันได้อีกเยอะ GamingDose รวบรวมกว่า 26 เรื่องไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ การ์ตูน ซีรีส์ หรือแม้แต่สารคดีที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเกมมาให้ได้ชมกันว่าจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง โดยทั้ง 26 เรื่องนี้สามารถหาชมได้ใน Netflix แล้วระวังคุณอาจจะอดหลับอดนอน เพราะเลือกหนึ่งในรายชื่อเรื่องเหล่านี้มานั่งดูก็ได้นะ!

1.The Angry Birds Movie (2016) – ภาพยนตร์อนิเมชั่น

เจ้านกสุดเกรี้ยวกราด ผลงานเกมจากค่าย Rovio ที่โด่งดังจนมีการสปินออฟไปแจมกับสื่อบันเทิงอื่น ๆ มากมาย และมีผลงานเป็นภาพยนตร์ของตัวเองถึง 2 ภาค โดยภาค 2 เข้าฉายไปเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา แต่ใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรกก็หาชมกันได้บน Netflix แม้ว่าตัวหนังภาคแรกจะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่สวยนัก แต่ก็ประสบความสำเร็จจนมีภาค 2 ตามออกมาได้

2.Assassin’s Creed (2016) – ภาพยนตร์

ผลงานเกมลอบเร้นโลกเปิดที่สร้างชื่อเสียงให้กับทาง Ubisoft ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์คนแสดงที่ได้ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวูดมารับบทเป็น คาล ลินช์ สายเลือดแห่ง Assassin ที่ต้องปกป้อง Apple of Eden จากฝั่ง Templar ใครที่เป็นแฟน Assassin’s Creed ก็ไปรับชมกันได้ผ่านทาง Netflix

3.The Witcher (2019) – ซีรีส์

นาทีนี้หากพูดถึงเกมที่ถูกหยิบมาทำเป็นซีรีส์ย่อมหนีไม่พ้น The Witcher แม้ว่าต้นฉบับจริง ๆ แล้ว เกมจะหยิบเอานิยายมาดัดแปลงอีกทีก็ตาม แต่คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยทราบกัน The Witcher ดัดแปลงจากหนังสือนิยายของ Andrzej Sapkowski มาเป็นเกม และซีรีส์ทาง Netflix ก็หยิบเอาจุดเด่นของทั้งเกมและหนังสือมารวมกัน ตัวซีรีส์ได้รับคำชมอย่างมหาศาลจากการเข้าถึงบทบาทชนิดที่ไม่มีใครมาแทนเขาได้อย่าง Henry Cavill และตอนนี้ทาง Netflix เปิดไฟเขียวให้สร้างซีซั่น 2 แล้ว คาดว่าเราจะได้ชมซีรีส์นี้กันอีกยาว ๆ แน่นอน

4.Resident Evil Afterlife (2010) – ภาพยนตร์

เกม Survival Horror ชื่อดังจากค่าย Capcom ที่ถูกหยิบมาทำเป็นหนังโดยภาค Afterlife ที่ออกฉายไปในปี 2010 ถือเป็นภาคที่ 4 ของภาพยนตร์ชุด Resident Evil ในหนังภาคนี้เรายังได้เห็นบทบาทของ Chris Redfield ที่ได้ Wenworth Miller พระเอกซีรีส์ Prison Break มารับบทอีกด้วย และถึงแม้แฟน ๆ จะก่นด่าแค่ไหน ตัวหนังเก็บเงินโดยรวมไปกว่า 300 ล้าน $ จากทุนสร้างเพียง 60 ล้าน $ กันเลยทีเดียว

5.Resident Evil Final Chapter (2017) – ภาพยนตร์

บางทีก็แอบไม่เข้าใจ Netflix เพราะนอกจากจะมีไม่ครบทุกภาคแล้ว ยังไม่ต่อกันอีกต่างหาก Final Chapter เป็นหนังภาคที่ 6 และเป็นภาคสุดท้ายของภาพยนตร์ชุด Resident Evil แล้ว ตัวหนังนั้นหลุดออกจากคำว่า อิงจากเกม มาไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว ภาคนี้ผู้กำกับเลยจัดเต็มแทบจะทุกอย่าง มีอิงเกมบ้างนิดหน่อย แต่ก็เหลือเชื่อที่มันยังคงประสบความสำเร็จ เพราะใช้ทุนสร้างต่ำเพียง 40 ล้าน $ แต่กวาดเงินไปอย่างมหาศาลถึง 312 ล้าน $ ปิดตำนานได้อย่างสวยหรูในแง่รายได้ แต่ในแง่ฟีดแบ็คจากแฟนเกมล่ะก็ เราคงไม่ต้องพูดก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว

6.Hitman (2007) – ภาพยนตร์

นักฆ่าหัวบาร์โค้ด ผลงานเกมจาก IO Interactive ถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 2007 และได้ Timothy Olyphant มารับบทนำ ซึ่งแน่นอนว่ามันล้มเหลวทั้งในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ ถึงขั้นที่ว่านักแสดงเจ้าของนำอย่าง Timothy ออกมาบอกว่านี่มันคือหนังกาก ๆ เลยทีเดียว แต่ใครที่ไม่ติดอะไรมาก หรืออยากพิสูจน์ว่ามันกากขนาดนั้นจริงหรือไม่ คุณก็สามารถรับชม Hitman ภาคนี้บนได้ Netflix ด้วย

7.Hitman : Agent 47 (2015) – ภาพยนตร์

ปี 2015 ความพยายามในการสร้าง Hitman ให้มาเป็นภาพยนตร์รอบใหม่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และในภาคนี้ถึงแม้ว่าภาพรวมของหนังจะไม่ได้แย่มากนัก แต่ติดตรงที่ว่ามันแทบไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ของ Hitman หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย หากมองมันเป็นหนังแอ็คชั่นชั้นดี มันก็ยังสอบผ่านมาตรฐานของมันอยู่บ้าง แต่อย่าลืมว่านี่คือการหยิบเอาเกมลอบฆ่าชื่อดังมาทำเป็นหนัง และกลับทำเป็นแอ็คชั่นมากกว่าซะอย่างนั้น แต่เรายังยืนยันคำเดิมว่า หากคุณอยากพิสูจน์มันด้วยตัวเอง ก็เชิญรับชมกันได้บน Netflix เช่นกัน

8.Need For Speed (2014) – ภาพยนตร์

เกมแข่งรถอันเป็นสัญลักษณ์ของ EA ถูกนำมาดัดแปลงขึ้นไปเป็นภาพยนตร์ด้วยเช่นกันในปี 2014 โดยเป็นผลงานกำกับของ Scott Waugh โดยหนังเรื่องนี้ได้กลิ่นอายมาจากตัวเกมพอสมควร โดยเฉพาะภาค Need For Speed : The Run และภาพรวมของหนังก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว น่าเสียดายที่จนป่านนี้เรายังคงไม่เห็นวี่แววของภาคต่อออกมาให้ได้เห็นกัน 

9.Castlevania (2017) – ซีรีส์อนิเมชั่น

เกมแส้ คือชื่อที่เราเรียกกันจนติดปากของ Castlevania เกมแอ็คชั่นแพลตฟอร์มชื่อดังในยุคปี 80 ของค่าย Konami โดยเนื้อหาของซีรีส์นี้จะอยู่ที่ภาค 3 Dracula’s Curse ซึง่จะย้อนเหตุการณ์กลับไปก่อนเกิดเนื้อเรื่องในภาคแรก แม้จะมีปัญหาในการเล่าเรื่องอยู่บ้าง แต่แฟนเกม และนักดูหนัง/ซีรีส์หลายคนก็ยอมรับว่ามันเป็นซีรีส์จากเกมที่ดัดแปลงมาได้เข้าท่ามาก ๆ ตอนนี้มีปล่อยออกมา 2 Season แล้ว ส่วน Season 3 ยังไม่มีกำหนดออกอากาศ

10.Final Fantasy XIV : Dad of Light (2017) – ซีรีส์

ก่อนอื่นอย่าเพิ่งสับสนกับฉบับหนังใหญ่ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะนี่คือต้นฉบับที่หนังใหญ่หยิบไปทำอีกทีนึง คุณพ่อแห่งแสง เป็นซีรีส์ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจาก Blog ของคนญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เขียนเรื่อง The Father of Light ที่เล่าถึงคุณพ่อวัย 60 กว่าที่ได้รับ PS4 เป็นของขวัญวันเกิดจากภรรยาแต่ไม่รู้วิธีเล่น ลูกชายจึงช่วยสร้างตัวละครให้และแอบเข้าไปช่วยในเกมอย่างลับๆโดยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ตัวซีรีส์มีความยาว 8 ตอนจบ ตอนละ 20 กว่านาทีเท่านั้น ใครอยากสัมผัสเนื้อหาออริจินอลของหนังก็ลองไปรับชมกันได้ผ่านทาง Netflix

11.Halo : Legends (2009) – ภาพยนตร์อนิเมชั่น

หนึ่งในผลงานเกมของทาง Microsoft ที่ดัดแปลงมาเป็นอนิเมชั่นมูฟวี่ความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ โดยมันไม่ใช่หนังใหญ่ขนาดยาว แต่มันเป็นอนิเมชั่นที่รวมเอาการ์ตูนเนื้อหาสั้น ๆ 7 เรื่องราวมาเล่า ภายใต้จักรวาลของ Halo ที่สำคัญผู้มารับหน้าที่การสร้างยังเป็นสตูดิโอและผู้กำกับมากฝีมือหลายคนจากญี่ปุ่น แฟนเกม Halo ที่อยากรู้ว่าทางญี่ปุ่น โชว์ฝีไม้ลายมืออันจัดจ้านไว้ขนาดไหน ก็มาหาชมกันได้ใน Netflix

12.Halo 4 : Forward Unto Dawn (2012) – มินิซีรีส์

มินิซีรีส์ความยาว 90 นาที เทียบเท่าหนังโรงนี้ ทำขึ้นเพื่อสร้างฐานแฟน ๆ Halo ให้เพิ่มมากขึ้น โดยตัวเกมเล่าเรื่องราวก่อนเกิดเหตุการณ์ในเกมภาค 4 โรงเรียนฝึกหน่วยรบถูกโจมตี พวกเขาจึงต้องเอาตัวรอด พร้อม ๆ ไปกับการช่วยเหลือเหล่านักเรียนผู้รอดชีวิต ตัวซีรีส์นั้นต้องบอกว่าใช้ทุนสร้างต่ำมาก ดังนั้นภาพอาจจะแปลก ๆ เก่า ๆ หน่อย แต่ใครที่เป็นแฟนเดนตาย Halo ชนิดที่ว่าอยากรู้ทุกข้อมูลที่เกิดขึ้น ก็สามารถตามมารับชมกันได้กับภาคนี้

13.Halo : The Fall of Reach (2015) – มินิซีรีส์

ภาคนี้ยังคงเป็นมินิซีรีส์เช่นเคย และคราวนี้ซีรีส์หยิบเอาหนังสือ The Fall of Reach ที่เล่าเหตุการณ์ก่อนเกิดเนื้อเรื่องของเกมภาคแรก (Combat Evolved) มาทำ และภาคนี้ก็กลับมาทำเป็น Animation อีกแล้ว และจะเล่าเรื่องราวการก่อตั้งของ Spartan 117 แต่ใครที่จะมาดูเรื่องนี้อาจจะต้องแข็งภาษาอังกฤษนิดนึง เพราะตัวซีรีส์ไม่มีซับไทย แต่ยังเปิดซับไตเติลภาษาอังกฤษได้อยู่

14.Minecraft Story Mode (2015) – ซีรีส์อนิเมชั่น

ความแปลกใหม่ของ Minecraft ที่นำมาฉายบน Netflix นี้ คือมันจะเป็นซีรีส์ที่เราจะต้องมีส่วนร่วมไปกับมันด้วย ราวกับว่าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นเอง Minecraft Story Mode จะเริ่มต้นจากการให้คุณเลือกตัวละคร จากนั้นก็นั่งดูซีรีส์ไปพลาง และคอยเลือกตัวเลือกที่คุณอยากจะให้เส้นทางมันเดินเรื่องไปด้วย ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ที่หลัง ๆ มาก็เริ่มมีออกมาให้เห็นบ้างแล้ว การนั่งดูซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนกับการที่คุณได้ดูทั้งซีรีส์และเล่นเกม เลือกเส้นทางของตัวเองไปด้วยเลยทีเดียว

15.Pokemon The Series X&Y (2014) – ซีรีส์อนิเมชั่น

ว่ากันว่านี่คืออนิเมชั่นซีรีส์โปเกมอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุคนี้ ทั้งดนตรีประกอบ ฉากแบทเทิล ลายเส้น การเล่าเรื่องราวทีเริ่มมีเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ มาผสาน แฟนโปเกมอนต่างยกย่องให้ X&Y เป็นอนิเมชั่นภาคที่สนุกที่สุดตั้งแต่สร้างกันมา และมันยังถูกสานต่อไปเป็นอีกภาคที่มันส์ยิ่งกว่าอย่าง XY&Z อีกด้วย ซึ่งเราจะกล่าวถึงในภาพถัดไป

16.Pokemon The Series XY&Z (2015) – ซีรีส์อนิเมชั่น

โปเกมอน XYZ น่าจะเป็นที่ดุเดือด และเร้าใจที่สุดแล้ว โดยมันยกระดับจากภาค XY ขึ้นมาอีกขั้น ทั้งการดำเนินเรื่องที่เข้มข้น ฉากต่อสู้สุดเร้าใจ รวมไปถึงเพลงประกอบที่ยกระดับขึ้นจากภาคที่แล้วขึ้นมาอีก แม้หลายคนจะบ่นโอดครวญในเรื่องตอนจบ แต่ Pokemon XY และ XYZ ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่โด่งดังจนคนสนใจตัวซีรีส์ไม่แพ้เกมเลยทีเดียวในช่วงที่มันเผยแพร่พร้อมกันในปี 2014-2015

17.Pokemon The Series Sun & Moon (2016) – ซีรีส์อนิเมชั่น

โปเกมอน ซัน & มูน คือภาคที่ต่อจาก XYZ และมันทำให้แฟน ๆ ผิดหวังเพราะลายเส้นที่ทำให้ซาโตชิเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รวมไปถึงภูมิภาคใหม่อย่างออโรร่า ที่ภาพรวมเหมือนทำให้ตัวซีรีส์ขายให้เด็กดูมากกว่า แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังได้รับความนิยมไม่แพ้กับภาคก่อนหน้านี้อยู่ดี แค่แฟน ๆ ที่ยังติดตากับภาค XY และ XYZ อาจจะทำใจดูต่อยากสักหน่อย เมื่อเจอลายเส้นและสตอรี่แบบนี้ 

18.Love O2O (2016) – ซีรีส์

ผลงานสุดฟินจากหยางหยาง ว่าด้วยเรื่องราวของสาวนักศึกษาเอกคอมพิวเตอร์ที่เล่นเกมออนไลน์และมีความสัมพันธ์แบบคนรัก แต่ฝ่ายชายกลับทิ้งเธอไปซะดื้อ ๆ แต่เศร้าใจไม่ทันไร ผู้เล่นระดับท็อปของเซิร์ฟเวอร์ก็มาขอเธอแต่งงานแบบงง ๆ ! ใครชอบซีรีส์แนวรักใส ๆ ดูไปฟินไปจากจีน และนั่งชมความหล่อของหยางหยาง อย่าพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาด

19.The King’s Avatar (2019) – ซีรีส์

สร้างจากนิยายแนวเกมออนไลน์สุดโด่งดังของหูเตี๋ยหลาน ที่ไม่ใช่การเล่นเกมทั่วไป แต่ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้คุณรู้ถึงเหตุการณ์ การทำงาน และการเล่นเกมแบบมืออาชีพ ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ แล้วคุณจะรู้ว่าหนทางสู่เกมเมอร์มืออาชีพอาจไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด และแนะนำว่าถ้าคุณชอบซีรีส์ ก็จงลองไปหานิยายต้นฉบับมาอ่านซะ เพราะมันดุเดือดและสนุกในอีกอรรถรสหนึ่งเลยทีเดียว

20.Hi Score Girl (2018) – ซีรีส์อนิเมชั่น

หากใครที่มีประสบการณ์และความทรงจำอันแสนหวานกับเครื่องเกมอาร์เคดน่าจะรักอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แถมยังถ่ายทอดวัฒนธรรมการเล่นเกมอาร์เคดของญี่ปุ่นออกมาได้เป็นอย่างดี ใครที่อยากรู้ว่าช่วงเวลาหนึ่งนั้น ย่านเกมอาร์เคดของญีปุ่่นเป็นยังไงก็ต้องมาดูเรื่องนี้กันนี่ล่ะ

21.Jumanji (1995) – ภาพยนตร์

ผลงานขึ้นชื่อของโรบิน วิลเลี่ยม ผู้ล่วงลับ กับภาพยนตร์สุดคลาสสิคที่สอดแทรกเนื้อหาแบบ Coming of Age มาไว้ในหนัง และเพราะความสามารถของโรบิน วิลเลี่ยมนี่ล่ะ ที่ทำให้หนังยืนยงคงกระพันมาได้นานขนาดนี้ และยังเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ

22.Jumanji : Welcome to the Jungle (2017) – ภาพยนตร์

หาก Jumanji ต้นฉบับ ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิค Jumanji ฉบับรีเมคใหม่ปี 2017 ก็เป็นการทำให้หนังดูสนุกขึ้น ง่ายขึ้น เข้าถึงผู้ชมหน้าใหม่ และทันสมัยมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้ทิ้งเอกลักษณ์ของ Jumanji ไปเลย และมันยังคงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้ง ๆ ที่หลายคนเดาว่ามันอาจจะแป๊กตอนที่ประกาศสร้าง หากคุณชอบ Jumanji ต้นฉบับ คุณอาจจะยิ่งสนุกไปกับ Jumanji เวอร์ชั่นนี้ด้วย

23.The Warrior’s Gate (2016) – ภาพยนตร์

ในยุคที่นิยายจีนแทบจะทุกเรื่อง เล่นกับพล็อตทะลุมิติ ทะลุเวลา หนังเองก็เอากับเขาด้วยเช่นกัน เมื่อหนังเล่าเรื่องชนเผ่าบาร์บาเรี่ยนที่บุกจีน และให้ตัวเอกที่เป็นวัยรุ่นอเมริกาติดเกม ต้องมาเป็นตัวเอกในการช่วยเจ้าหญิงให้พ้นจากชนเผ่าบาร์บาเรี่ยน เป็นอีกหนึ่งหนังดูเพลิน ๆ ที่สนุกใช้ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณดูพากย์ไทย ที่ให้เสียงภาษาไทยเป็นพันธมิตรด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งสนุกขึ้นไปอีกเลยทีเดียว

24.Memories of Alhambra (2018) – ซีรีส์

ซีรีส์เกาหลีสุดระทึก และโรแมนติกในเรื่องเดียวกัน และทำให้เรารู้ว่าเกาหลีเองก็ไม่เคยน้อยหน้าใครเรื่องความล้ำ และความทันสมัยในการถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ความโรแมนติก ความระทึกจากการไล่ล่า โดยมีฉากหลังเป็นเกม RPG ในรูปแบบ AR ที่สมจริงซะจนเราไม่กล้าที่จะเล่นกันเลยทีเดียว แต่ถ้ามันจะสนุกตื่นเต้นแค่ไหน อยากให้ผู้ชมไปสัมผัสกันเอง เพราะนี่เป็นอีกซีรีส์ที่เป็นกระแสในไทยอยู่ช่วงนึงตอนที่มันฉายเลยทีเดียว

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top