Plague Inc ในโลก World of Warcraft
Corrupted Blood incident เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญที่สุดในเกม World of Warcraft และเป็นที่น่าจดจำทั้งวงการเกมไปตลอดกาล เพราะว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีคาดคิดของทีมงาน Blizzard Entertainment ที่มีเพียงแค่มีช่องโหว่ หรือบัคตัวเดียว ก็สามารถทำให้โลกจักรวาลในเกม World of Warcraft เต็มไปด้วยไวรัสล้างโลก ที่ไม่ต่างจากหนังประเภทซอมบี้ หรือ เกมที่มีเนื้อหาก่อการร้ายด้วยสารเคมีที่จะต้องมีการกักกันพื้นที่ (The Division) และผู้เล่นจะต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเอง หรืออยู่กับปาร์ตี้เพื่อน ๆ เพื่อที่จะเล่นเกมนี้ต่อไปโดยไม่เสียค่า Progression
และที่น่าสนใจที่สุด คือ ในโลกความเป็นจริงได้นำเหตุการณ์ Corrupted Blood incident มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจต่าง ๆ อีกด้วย
แล้วเหตุการณ์นี้มันน่าสนใจอย่างไร ? ทำไมถึงเป็นเหตุการณ์ที่วงการเกมที่ต้องจดจำไปตลอดกาล ? นี่คือ การย้อนรอย Corrupted Blood incident สกิลติดพิษล้างโลกที่ได้ทำลายชีวิตผู้เล่นในเกม World of Warcraft ไปมากมาย
จุดเริ่มต้นของทั้งหมด
ย้อนรอยกลับไปในปี 2005 ทางทีมผู้พัฒนา Blizzard Entertainment ได้นำเสนออัปเดตแผนที่ดันเจี้ยนตัวใหม่ที่ชื่อว่า Zul’Gurub ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่ต้องการความท้าทายระดับสูงสุด โดยบอสตัวใหม่ประจำดันเจี้ยนจะมีชื่อว่า Hakkar the Soulflayer ที่นอกจากจะมีรูปร่างที่อึดและเก่งกาจน่ากลัวอยู่แล้ว มันก็มีสกิลสุดแสนจะอันตรายที่สร้างอุปสรรคให้กับผู้เล่นเป็นอย่างมาก โดยมีสกิลที่ชื่อว่า Corrupted Blood
Corrupted Blood เป็นสกิลประเภท Debuff ที่จะสร้างความเสียหายให้กับพลังชีวิตของผู้เล่นถึง 875 – 1125 HP และจะลดค่า 200 HP ทุกวินาที และสามารถกระจายสู่ผู้เล่นอื่นได้ในระยะ 100 หลา โดยสกิลนี้จะมีระยะเวลา 10 วินาที
แค่อ่านดูก็รู้สึกน่ากลัวแล้ว สำหรับผู้เล่นในช่วงนั้นผู้เล่นที่เข้าดันเจี้ยนจะมีเลือดอยู่ประมาณ 4000 – 5000 เป็นมาตราฐาน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสกิลที่อันตราย ๆ มาก เพราะนอกจะสร้างความเสียหายให้แก่พลังชีวิตผู้เล่นได้เยอะแล้ว ยังแพร่กระจายสู่ผู้เล่นรอบตัวอีกด้วยให้ส่งกระทบตามอีกด้วย แต่ก็จัดว่าโชคดีที่สกิลนี้จะมีระยะเวลาที่กำจัดตัวเองโดยอัตโนมัติ และสกิลนี้จะไม่มีทางหลุดรอดไปจากดันเจี้ยนได้โดยเด็ดขาด แม้ผู้เล่นจะใช้เทเลพอร์ตในขณะที่ยังคงติดพิษสกิลนี้ก็ตาม
แต่ทำไมถึงเกิดการแพร่ระบาดขึ้นได้ละ ?
ในวันที่ 13 กันยายน 2005 สกิลไวรัส Corrupted Blood ได้หลุดออกไปจากดันเจี้ยน Zul’Gurub เพราะ “สัตว์เลี้ยง” อาชีพ Hunters และ Warlocks ที่มีสกิลความสามารถในการเรียก หรือ เก็บสัตว์ไว้กับผู้เล่นได้ ซึ่งเจ้าพิษ Corrupted Blood สามารถแพร่ระบาดสู่สัตว์เลี้ยงของเราได้เช่นกัน ถ้าหากผู้เล่นเก็บสัตว์เลี้ยงในขณะติดพิษนี้อยู่ สกิลพิษตัวนี้ยังคงติดพิษอยู่เมื่อเรียกสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้สัตว์เลี้ยงของอาชีพ Hunters และ Warlocks ได้เริ่มปล่อยเชื้อไวรัสสกิล Corrupted Blood แพร่กระจายสู่ผู้เล่นอื่นในเมืองหลักต่าง ๆ ที่จะมีผู้เล่นเลเวลต่ำและเวลสูงปะปนกันไป (ส่วนใหญ่เป็นเลเวลต่ำ-กลาง) แล้วด้วยพิษของสกิลตัวนี้มีพลังการทำลายล้างที่รุนแรงเกินไปกว่าที่ผู้เล่นทั่วไปจะสามารถต่อกรได้ ส่งผลทำให้ผู้เล่นจำนวนมากได้ตายจากสกิล Corrupted Blood ด้วยเวลาเพียงแค่ 1-3 วินาทีเท่านั้น ! แล้วได้เริ่มกระจายไปทั่วเมืองจนกลายเป็นเมืองมรณะที่เต็มไปด้วยศพโครงกระดูกมากมายจนนับไม่ได้
ถ้าหากคุณคิดว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายอยู่แล้ว มันยังไม่ถึงที่สุด เพราะว่า NPC ของเกมนี้ก็สามารถติดพิษจาก Corrupted Blood ด้วยเช่นกัน แต่พิษตัวนี้ไม่สามารถทำอะไรกับ NPC ได้เลย และติดสถานะพิษตัวนี้ไปตลอดกาลโดยไม่สามารถล้างที่จะล้างพิษได้ ซึ่งอาจจะเป็นข้อผิดพลาดของทีมงาน Blizzard Entertainment ที่ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดได้ว่าสกิล Corrupted Blood จะส่งผลต่อเหตุการณ์ไวรัสล้างโลกในครั้งนี้ได้
เหตุนี้จึงส่งผลทำให้ผู้เล่นไม่สามารถที่จะติดต่อ NPC ได้สะดวก แถมเข้าใกล้ก็ตายฟรี และทำให้เกมนี้ไม่สามารถเล่นได้ตามปกติเหมือนทุกวันที่ผ่านมา จนกว่าทีมงานจะปล่อย Patch แก้ตัวเกม สังคมเกม World of Warcraft จะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดให้กว้างขึ้นกว่าเดิม โดยมี Blizzard Entertainment คอยหนุนหลังไว้
เหตุการณ์นี้ส่งผลทำให้สังคมในเกม World of Warcraft เปลี่ยนไปจากหน้าเป็นหลังมือเหมือนเล่นคนละเกม
เกมสมัยนั้น เทคโนโลยียังคงไม่รวดเร็วเท่ากับปัจจุบัน ที่เกิดปัญหาตัวในเกมเมื่อไหร่ ก็สามารถเรียกร้องทีมงานแล้วสามารถแก้ปัญหาได้ทันทีโดยการปล่อย Quick Patch ในวันต่อไป ในปี 2005 ทีมงานจะต้องใช้เวลาจากการแก้ไขเกม และปล่อยอัปเดตเป็นเวลานานถึงสัปดาห์ สิ่งที่ทำได้มีเพียงงดเล่นชั่วคราว กับปรับเปลี่ยนการเสียซะเสี
ในขณะที่เกิดการแพร่ระบาด เกมเพลย์ปกติจะไม่สามารถที่จะเล่นได้สะดวก ผู้เล่นพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คล้ายในโลกความเป็นจริง ผู้เล่นบางคนที่มีสกิลฟื้น HP (Healing) จะอาสาเป็นหน่วยพยาบาลคอยรักษาผู้เล่นอื่น, ผู้เล่นเลเวลต่ำได้พยายามตักเตือนไม่ให้ผู้เล่นเข้าไปในพื้นที่มีเชื้อระบาด, เมืองหลักต่าง ๆ ได้โดนปล่อยทิ้งร้างราวกับเชอร์โนบิล และหนีอพยพไปยังพื้นที่ชนบทในเกม หรือแม้กระทั่งมีผู้เล่นสุดเกรียนพยายามที่จะแพร่เชื้อไปทั่วจักรวาล World of Warcraft เช่นกัน (หัวเราะ)
ตลกร้ายที่สุด คือ ทีมงาน Blizzard Entertainment ได้พยายามที่จะกักกันอาณาเขตเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้กว้างไปกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะยังคงมีผู้เล่นพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่มีการแพร่ระบาดไปขยายสู่พื้นที่อื่นอยู่เรื่อย ๆ แล้วในที่สุด ทีมงานก็เหลืออด ได้ตัดสินใจที่จะแก้ไขทั้งหมด (ที่ไม่อยากจะทำ) คือ การฮาร์ดรีเซ็ต หรือล้างเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด พร้อมกับยืนยันปล่อย Patch แก้ไขอย่างเร่งด่วนทันที
ในวันที่ 8 ตุลาคม 2005 เป็นวันจุดจบของการแพร่ระบาดของ Corrupted Blood โดยการให้สกิล Corrupted Blood ไม่สามารถกระจายพิษสู่สัตว์เลี้ยงได้ เพื่อไม่ให้มีการแพร่กระจายออกสู่โลกภายนอกเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา และเกมเมอร์ก็ได้เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “Corrupted Blood Incident”
จากเหตุการณ์แพร่ระบาดในเกมสู่การศึกษาค้นคว้าในชีวิตจริง
หลังจากเหตุการณ์ Corrupted Blood Incident ผ่านไป ในโลกความเป็นจริงได้ใช้เหตุการณ์ในเกม World of Warcaft ไปใช้ศึกษารีเสิร์ชในด้านการแพร่ระบาดของโรค เพื่อคาดเดาพฤติกรรมของมนุษย์เมื่อเกิดเหตุการณ์โรคระบาดขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยมีการรายงานผลลัพธ์ออกมามากมายโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือองค์การอนามัยต่าง ๆ ขนาดที่องค์กรณ์ควบคุมโรคของ CDC ยังต้องใช้เกมนี้ในการศึกษากันเลยทีเดียว
และรวมไปถึงศึกษาด้านการก่อการร้าย โดยคุณ Charles Blair ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย ได้กล่าวว่า World of Warcraft เป็นเกมที่อาจจะเป็นหนทางใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการศึกษารูปแบบของการก่อการร้ายเกิดขึ้นและจะวางแผนดำเนินการอย่างไร เพราะผู้เล่น World of Warcraft บางคนตัดสินในเลือกแพร่เชื้อให้ระบาดกว้างยิ่งกว่าเดิม ซึ่งสามารถนำไปใช้วิเคราะห์การทางทหารในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับความสมจริงที่สุด
World of Warcraft ยังคงครองตำแหน่งเกมที่ทรงอิทธิพลต่อโลก ทั้ง ๆ ที่เกมนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความเป็นจริงแต่อย่างใด และตอนนี้เกมก็ยังเปิดบริการตามปกติมาตั้งแต่ปี 2004 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นเกม MMORPG ที่มียอดผู้เล่นมากที่สุดในโลกโดยสถิติบันทึกโดยกินเนสบุ๊ค เวิลด์เรคคอร์ด ซึ่งก็จัดว่าเป็นเกมที่ผ่านอะไรมามากเหมือนกัน จึงก็ไม่แปลกเลยว่าทำไมเกม World of Warcraft ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ครับ