เกมคุณภาพแย่สามารถพัฒนาให้มันดีขึ้นได้ในโอกาสหน้า แต่ไม่ใช่สำหรับเกม E.T. ที่นอกจากจะไม่มีภาคต่อแล้ว ยังได้รับฉายาว่าเป็น “เกมห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์” รวมไปถึงสร้างตำนานเรื่องเล่าในวงการวีดีโอเกมมากมายในยุค ’80 ที่บริษัท Atari ไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องราวอันแสนน่าอับอายในครั้งนั้น
นี่คือ “ย้อนรอย E.T. เกมตราบาปค่าย Atari เจ๊งเกมเดียวจมทั้งบริษัท” ที่จะเป็นการเล่าเรื่องราวของเกมคุณภาพแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำไมถึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลวของบริษัท Atari ที่ต้องจารึกลงหนังสือประวัติศาตร์หน้าหนึ่งสำหรับวงการวีดีโอเกม
E.T. คืออะไร
E.T. the Extra-Terrestrial เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ Sci-fi ไม่มีพิษมีภัย โดยผู้กำกับ Steven Spielberg ที่ออกฉายในปี 1982 โดยจะมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งได้พบกับเอเลี่ยนที่หวังว่าจะเป็นเพื่อนมนุษย์ แล้วทั้งคู่จะต้องร่วมมือช่วยกันพาเอเลี่ยนหนีออกนอกโลกให้จนได้
ภาพยนตร์ E.T. ได้รับกระแสวิจารณ์ในทางบวกเป็นอย่างมากโดยนักวิจารณ์หนังตัวยง พร้อมกับได้รับรางวัลออสก้าถึง 4 ตำแหน่ง และเว็บไซต์ Metacritic ให้คะแนนเยอะสูงถึง 91/100 ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ระดับ Masterpiece ของ Steven Spielberg ที่ทุกคนจะต้องรับชมซักครั้งในชีวิต
กำเนิดเป็นรูปแบบวีดีโอเกมได้อย่างไร ?
ในยุค ’80 บริษัทเกมส่วนใหญ่จะซื้อลิขสิทธิ์จากภาพยนตร์ชื่อดังเพื่อมาทำเป็นเป็นวีดีโอเกม (หรือเรียกว่าเกาะกระแส) ซึ่งหนัง E.T. ก็เป็นหนึ่งในหนังที่โดนทำเป็นเกมเช่นกัน แต่ E.T. พิเศษกว่าเกมทำจากหนังเรื่องอื่น เพราะว่าเพียงแค่ค่าลิขสิทธิ์ของเรื่อง E.T. มีมูลค่าปาไปมากถึง 22 ล้านเหรียญฯสหรัฐ ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่สูงมาก
และหน้าที่รับผิดชอบก็ต้องตกเป็นคุณ Howard Scott Warshaw โปรแกรมเมอร์ผู้เขียนเกมที่ต้องผลิตเจ้าตัวเกม E.T. สำหรับแพลตฟอร์ม Atari 2600 ซึ่งเขาเองได้ยกย่องคุณ Steven Spielberg และเคยมีผลงานการทำเกมจากหนังของเขาอย่าง Raiders of the Lost Ark อีกด้วย เขายินดีที่จะทำเกมนี้ด้วยความใจรักและเชื่อว่าเกมนี้ต้องมีดีแน่นอน
ยอมตายเพื่อฮีโร่
อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ระหว่างคุณ Howard Scott Warshaw กับ BBC และ The Guardian ว่าสาเหตุที่ทำให้เกม E.T. ล้มเหลว เพราะว่า “Atari” กับ “เวลา”
บริษัท Atari อยากจะให้เกม E.T. สำหรับ Atari 2600 เสร็จสมบูรณ์พร้อมออกวางจำหน่ายภายในเทศกาลคริสมาสต์ปลายปี 1982 ซึ่งคุณ Warshaw เพิ่งได้รับมอบหมายเริ่มพัฒนาเกม E.T. ในเดือนตุลาคม นั้นก็หมายความว่า เกมนี้จะมีเวลาพัฒนาเกมมีเพียงแค่ 5 สัปดาห์เท่านั้น จากที่เวลาพัฒนาเกมส่วนใหญ่จะเวลานานถึง 6 เดือน
แต่คุณ Warshaw เองก็ไม่หวั่น เพราะความนับถือระหว่างเขากับ Steven Spielberg ดั่งไอดอล เขาจึงรับข้อเสนอทำเกม E.T. ภายในเวลา 5 สัปดาห์โดยไม่มีการพักวันหยุด หรือกระทั่งจะต้องนำอุปกรณ์ไปทำงานที่บ้านเพื่อทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการพัฒนาเกม E.T โดยมีคนรอบข้างก็เป็นห่วงเขาจากการทำงานหักโหมอย่างหนัก
และก็ตู้ม! เขาทำมันสำเร็จก่อนถึงเวลา Deadline เกม E.T. ในรูปแบบเกมตลับสำหรับ Atari 2600 เสร็จสมบูรณ์ แต่จากการทำงานหนักทั้งสัปดาห์ ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร?
เละพินาศเกือบทุกด้าน
หลังจากปิดงานพัฒนาเกม E.T. เขารู้สึกภูมิใจกับผลงาน และได้ทะลุกำแพงตัวเองได้ คุณ Steven Spielberg ได้ทดลองเล่นจริงและเขาก็อนุมัติเกม รวมไปถึงวันปล่อยเกมวันแรกก็ขายดีใช้ได้จนติดอันดับเกมขายดีที่สุดใน Atari 2600 ด้วยจำนวน 1.5 ล้านตลับ ฟังเหมือนทางเดินเกม E.T. จะปูทางไปด้วยสายรุ้ง แต่มันแค่ระยะสนามวิ่ง 100 เมตรเท่านั้น
เจ้าสำนักต่างได้วิพากษ์วิจารณ์เกม E.T. ในแง่ลบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพกราฟิกแย่ เกมเพลย์ไม่สนุก แม้กระทั่งเนื้อเรื่องชวนไม่เข้าใจ หมายความว่าคุณภาพโดยรวมทั้งหมดของเกม E.T. แย่หมดทุกส่วน มันแย่มากชนิดที่ผู้เขียนไม่สามารถอธิบายได้ เพราะแม้กระทั่งภาพกราฟิกสื่อสารไม่รู้เรื่องแล้ว !
แม้ตัวเกมขายดีในช่วงวันหยุดฤดูร้อน แต่ยอดขายเกมยังไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้เยอะจนทำให้ด้านอุปทานกับอุปสงค์ติดลบ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเกม E.T. ต่างลดราคาเกมนี้ต่ำลงเรื่อย ๆ อ้างอิงจาก CEO Atari ในตอนนั้น Ray Kasser กล่าวว่าตลับเกม E.T. ถูกส่งคืนแก่บริษัทมากถึง 3.5 ล้าน ถึง 4 ล้านตลับ จากการขายเกม E.T. ไม่ออก
การออกตัววางจำหน่ายเกม E.T. ได้กลายเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในวงการวีดีโอเกมตลอดกาล เพราะนอกจากจะเป็น “เกมที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว” ยังเป็นหนึ่งในต้นเหตุของวิกฤตการณ์อุตสาหกรรมวีดีโอเกมปี 1983 อีกด้วย
ส่งผลให้ช่วงท้ายปี 1982 บริษัท Atari โดนถีบออกจากคู่แข่งคนสำคัญทางด้านวีดีโอเกม กับสูญเสียงบมากถึง 536 ล้านเหรียญฯสหรัฐ ในปี 1983 จึงส่งผลทำให้ต้องขายบริษัทแยกตัวออกเป็นบริษัท Atari Games พร้อมปลดพนักงาน เหลือเพียงแค่ 30% จากทั้งหมด และยกเลิกการผลิตเครื่องเกมคอนโซล Atati 2600 ในที่สุด
ส่วนโปรแกรมมิ่งคุณ Howard Scott Warshaw รู้สึกท้อแท้จากความล้มเหลวของเกม E.T. เขาจึงได้ตัดสินใจเลิกอาชีพทำเกมและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวงการวีดีโอเกมอีกต่อไป ปัจจุบันเขาทำงานเป็นอาชีพนักบำบัดจิต แต่คุณ Warshaw ก็ยังคงยินดีที่จะคุยเรื่องนี้ เพราะเขายังคงภูมิใจกับผลงานที่ได้สร้างเกมที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์
จุดเริ่มต้นตำนานสุสานวีดีโอเกม
วงการวีดีโอเกมในอดีตเคยมีเรื่องเล่าในตำนานว่าบริษัท Atari ได้ฝังกลบแผ่นวีดีโอเกมของ Atari เป็นจำนวนมาก โดยเรื่องเล่าต้นกำเนิดมาจากสำนักข่าว Alamogordo Daily News ในช่วงเดือนกันยายน ปี 1983 โดยได้รายงานว่า พบเห็นรถบรรทุกจำนวน 10 ถึง 12 คันที่ได้ขนผลิตภัณฑ์ Atari ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเกมและเครื่องคอนโซลจำนวนมากจากห้องสโตร์ที่ El Paso ในรัฐ Texas นำไปฝั่งกลบในพื้นที่ดินกว้างใหญ่ช่วงเวลากลางคืน ซึ่งคาดเดาว่าส่วนใหญ่จะเป็นเกม E.T. ที่ขายไม่ออกได้โดนฝั่งกลบ
แต่แล้วตำนานก็เป็นจริง ในวันที่ 28 เดือนพฤษภาคม 2013 หน่วยงาน Alamogordo City Commission ได้จับมือกับบริษัทสื่อเอนเตอร์เทนเม้นท์ Fuel Industries เพื่อถ่ายทำสารคดี Atari: Game Over พร้อมกับเริ่มต้นขุดสุสานผลิตภัณฑ์เกม Atari ที่เต็มไปด้วยชื่อความอัปยศ ณ เมือง Alamogordo รัฐ New Mexico
จากการขุดสุสานของ Atari ก็สามารถค้นพบแผ่นเกมอยู่ที่ 1,300 ตลับ ซึ่งมีอดีตผู้จัดการ Atari นาม James Heller เข้ามาอยู่ในสถานที่นี่แล้วได้ยืนยันว่าเกมที่โดนฝังกลบทั้งหมดมีจำนวนถึง 728,000 ตลับ และหนึ่งในนั้นคือเกม E.T. แต่ทว่าน่าเสียดายที่ไม่สามารถขุดเจาะได้ลึกกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลกได้
ปัจจุบัน เกม E.T. ยังคงเป็นเกมที่หลายคนรู้จักในฉายา “เกมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์” และเป็นหนึ่งในสิ่งของราคาแพงที่ขายตามเว็บไซต์ ebay เพื่อให้เกมเมอร์ได้เก็บสะสม
แม้ว่าบริษัท Atari จะล้มเหลวกับยกเลิกผลิตเครื่องคอนโซลแล้วผันตัวเป็นเพียงแค่ตัวแทนจัดจำหน่ายวีดีโอเกมเท่านั้น แต่ปัจจุบัน Atari ก็เพิ่งได้ออกตัวเครื่องเกมคอนโซลได้ไม่นาน นามว่า Atari VCS ที่จะรวบรวมเกมคลาสสิกจาก Atari 2600 มาให้เล่นกัน ซึ่งเครื่องเกมนี้ก็มียอดจำหน่ายที่น่าพึงพอใจ