เราได้พูดถึงเกมจากเครื่อง Playstation กันมาก็หลายเกมแล้ว มีทั้งดีทั้งแย่ปน ๆ กันไป บางเกมก็อาจจะไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก แต่ก็อยู่ในความทรงจำของเกมเมอร์ในยุคนั้นหลายคน ซึ่งในยุคหนึ่งที่นอกจากเราจะได้เห็นเด็ก ๆ วัยรุ่นยันรุ่นใหญ่เล่นเกมยอดนิยมแห่งสยามประเทศอย่าง Winning Eleven แล้ว ยังมีอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนยังไม่ได้หยิบมาบอกเล่าเก้าสิบให้ได้อ่านกัน ซึ่งก็คือเกม Twisted Metal นี่เอง
ในยุคนั้นถ้าหากเราพูดถึงเกมแข่งรถ หลายคนคงนึกถึงเกมอย่าง Ridge Racer หรือ Gran Tourismo ที่เป็นการแข่งรถแบบจริงจังมากกว่า ซึ่งเด็ก ๆ ที่ใฝ่หาความรุนแรงตั้งแต่เยาว์วัยอย่างผู้เขียนในยุคนั้นต่างต้องการสิ่งที่ตอบสนองต่อความสะใจของตัวเองเสียมากกว่า และ Twisted metal ก็ดันทำได้ตรงตามความต้องการพอดิบพอดี เพราะมันไม่ใช่เกมแข่งรถทั่วไป แต่เป็นเกมแข่งรถที่ให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนขยี้กันให้รถพังไปข้างหนึ่งแทน ซึ่งในอเมริกาจะเรียกการแข่งขันนี้ว่า Demolition Derby นั่นเอง
ซึ่งโดยปกติการแข่งขันแบบ Demolition Derby ทั่วไปจะมีแต่การขับรถขยี้กันในลานกว้าง ๆ จนกว่าจะพังไปข้างหนึ่ง แต่ Twisted Metal เพิ่มความเดือดขึ้นไปอีกด้วยการติดอาวุธให้กับรถเหล่านี้เข้าไปด้วย จะปืนกล มิสไซล์ กับระเบิด และอีกสารพัดอย่างให้เลือกเก็บมาใช้สอยศัตรูในฉากอย่างบ้าคลั่ง และ Twisted Metal ก็เอาสิ่งเหล่านี้มายำรวมกันกลายเป็นเกมขับรถไล่บี้สุดวินาศ ที่มีทั้งการชน การยิง การปล่อยอาวุธสารพัดขยี้กันอย่างเมามัน
ส่วนเนื้อเรื่องของเกมก็ค่อนข้างจิตไม่แพ้กัน เพราะการแข่ง Twisted Metal นั้นผู้ชนะจะได้รับพรอะไรก็ได้หนึ่งประการ แต่เนื่องจากผู้จัดงานอย่าง Calypso นั้นเป็นคนขี้เล่นและชอบแกล้งคน ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันที่ชนะมาแต่ละคนล้วนมีจุดจบที่ไม่สวยเท่าไหร่นัก ทำให้ผู้เล่นกระหายใคร่รู้ว่าแต่ละคนจะได้สิ่งที่ต้องการในตอนท้ายหรือไม่ ซึ่งตอนจบของบางคนก็ทั้งฮาทั้งขื่นขม ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์อย่าง Wishmaster ขึ้นมาเลยทีเดียว
ซึ่งในภาคแรกก็ยังมีอาวุธกับรถให้เลือกใช้ไม่มากนัก แต่ในภาคหลัง ๆ เริ่มมีตัวเลือกเยอะขึ้น แถมรถบางคันก็ดีไซน์มาหลุดโลกชนิดที่เรียกได้ว่า “คิดได้ไง” เยอะมาก เช่น Axel ที่เป็นคนขับล้อยักษ์วิ่งไปวิ่งมา Sweet Tooth รถขายไอศกรีมของตัวโรคจิตที่แต่งมาจนหลอน หรือรถบรรทุกมิสไซส์ของ Calypso ในภาคสี่ที่เห็นแล้วชวนให้ทึ่งอย่างยิ่ง แถมรถแต่ละคันก็จะมีอาวุธพิเศษหรือ Special ให้ได้ใช้งานแตกต่างกันไปด้วย ที่ผู้เขียนจำได้แม่นเลยคือของ Spectre ที่เป็นจรวดนำวิถีที่ทะลุกำแพงได้ ตอนนั้นใครที่เล่นเจ้ารถคันนี้ในโหมดเล่นสู้กันสองคนคือจะโดนเพื่อนเกลียดเป็นพิเศษเลยทีเดียว (ยกเว้นมีคนทำสูตรเรียกรถถังใหญ่ Minion มาเล่น อันนั้นแทบจะต่อยกันนอกจอกันเลย)
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ตัวรถและการเล่นอันบ้าคลั่งก็คือฉากในเกมที่เพี้ยนหลุดโลกไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในภาคสองที่เราจะได้ลุยตะลุมบอนกันไปทั่วโลก และฉากที่ชื่นชอบมากเป็นพิเศษก็คือฉาก New York ที่บางคนไม่ได้สนใจที่จะยิงกับศัตรูเลย แต่ไปสนใจยิงจรวดสามสีใส่เทพีเสรีภาพจนชุดขาดเหลือแต่ชั้นในกันมากกว่า หรือด่าน Paris ที่เราจะได้ตะลุมบอนกันหน้าหอไอเฟล แถมหลายฉากก็มีทางลับให้เราเข้าไปค้นหาอีกด้วย
แน่นอนว่าภาคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบ้านเราคงหนีไม่พ้นภาคที่สอง เพราะทั้งการออกแบบฉากจำนวนรถที่มีให้เลือก และอาวุธต่าง ๆ ที่เข้าขั้นหลุดโลกและบ้าคลั่งมาก ๆ แถมยังมีโหมดเล่นสองคนพร้อมกัน จะเล่นด้วยกันผ่านด่านหรือสู้กันเองก็ย่อมได้ แถมตัวเกมยังมีสูตรให้กดเพียบ ทั้งสูตรปกติอย่างเพิ่มจำนวนอาวุธ ติดเกราะ ยิงน้ำแข็ง หรือสูตรบ้าบออย่างกระโดดสูง หรือหายตัวได้ เรียกว่าสูตรของเกมนี้มีเยอะขนาดนิตยสารเกมในยุคนั้นต้องยกหน้าสูตรเกมให้เต็ม ๆ สองหน้าเพื่อลงสูตรให้ครบเลยทีเดียว
Twisted Metal ประสบความสำเร็จมากที่สุดในภาคสอง ได้รับรางวัลเกมแอคชั่นยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสาร EGM ในปี 1996 และเจ้าตัวตลก Sweet Tooth ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเกมที่ทุกคนจดจำได้ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตัวเกมก็มีคุณภาพที่ขึ้น ๆ ลง ๆ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนทีมพัฒนาอยู่หลายครั้ง ซึ่งผู้เขียนยอมรับว่าหลังจากภาคที่สามเป็นต้นมาก็ไม่ได้สนใจเกมซีรีส์นี้อีก ทั้ง ๆ ที่มีภาคต่อออกมามากมายทั้งบนระบบ Playstation 2 และ PSP แม้จะมีความพยายามกลับมาในปี 2012 บนระบบ Playstation 3 และได้รับคะแนนวิจารณ์ไปในทางบวกค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้รับการสานต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งนับว่าน่าเสียดายเพราะตัวเกมมีการเล่าเรื่องของแต่ละตัวละครที่มีมิติมากขึ้นกว่าภาคเก่าเยอะมาก แถมยังมีการผลักดันเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์อีกด้วย แต่ก็ถูกพับโครงการไปเพราะไม่มีงบประมาณมากพอ ส่วนตัวผู้เขียนเองก็หวังว่าจะได้เห็นการกลับมาอีกครั้งของซีรีส์นี้ในอนาคตข้างหน้าอีกครั้งหนึ่งครับ