บ่อยครั้งที่เราได้เห็นเกม Battle Royale ที่พยายามนำระบบการต่อสู้แบบประชิดตัวมาใช้ แต่ก็มักจะไปไม่รอด แต่ครั้งนี้คงต้องพิจารณากันใหม่ สำหรับผลงานของ 24 Entertaiment และมี Netease คอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กับเกมที่มีชื่อว่า NARAKA Bladepoint ที่เปลี่ยนประสบการณ์ Battle Royale ให้เป็นศึกดวลวิทยายุทธ์ที่ดุเดือดและเร้าใจแบบที่เกมอื่นยังไม่สามารถทำได้ และมันจะสนุกแค่ไหน วันนี้เรามีรีวิวมาให้ได้ชมกัน
Story
สำหรับเกม Battle Royale แล้ว Story หรือเนื้อเรื่องอาจไม่ใช่หัวใจหลัก แต่ NARAKA Bladepoint ได้สร้างเนื้อเรื่องของตัวเองขึ้นมา เพื่อช่วยในการเล่าเรื่องและความอินให้กับผู้เล่น ตัวเกมกล่าวถึงหมู่เกาะแห่งปัญญา (Isle of Morus) ซึ่งเคยเป็นสถานที่ดวลเดือดของเหล่าเทพเจ้าโบราณ และเทพหลายองค์ได้ตกตายอยู่ที่นี่ นับตั้งแต่นั้นมา หมู่เกาะแห่งปัญญานี้คือกลายเปนสถานที่ที่ลึกลับและอันตรายเป็นอย่างมาก
หมู่เกาะแห่งปัญญานี้ มีดอกไม้อมตะ (Immortal Flower) ที่นานทีปีหนมันจะผลิบานขึ้นมา รวมไปถึงหน้ากากแห่งความเป็นอมตะ (Mask of Immortality) ซึ่งส่งผลให้มันดึงดูดเอาเหล่ายอดยุทธ์ผู้แกร่งกล้าให้มารวมตัวกันที่นี่ เพื่อครอบครองสิ่งของในตำนานทั้งสองชิ้น และหมู่เกาะแห่งปัญญาก็เตรียมลุกโชนไปด้วยไฟสงครามอีกครั้ง
เนื้อเรื่องนี้ถูกเล่าผ่านช่วง Cinematic ตอนเริ่มเกมเพียง 1 นาทีกว่า ๆ เท่านั้น และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของตัวเกมแต่อย่างใด NARAKA Bladepoint เป็นเกม Battle Royale ที่เราจะต้องต่อสู้เอาตัวรอดจากผู้เล่นกลุ่มอื่น ดังนั้นเราจะพาเข้าไปดูในส่วนของเกมเพลย์กันเลยว่ามันมีอะไรที่แตกต่างจาก Battle Royale ทั่วไป
Gameplay
ตามปกติแล้ว เกม Battle Royale ส่วนมากจะเป็นการต่อสู้กันด้วยอาวุธระยะไกลอย่างปืน แต่เราน่าจะได้เห็นหลายค่าย หลายทีมผู้พัฒนาที่พยายามสร้างเกม Battle Royale ระยะประชิดกันมามากแล้ว แต่ก็มีไม่กี่เกมที่ประสบความสำเร็จ แต่ NARAKA Bladepoint นั้น มีจุดที่น่าสนใจอยู่มากมาย
สำหรับระบบ Combat นั้น เน้นการต่อสู้ระยะประชิดเป็นหลัก เราจะมีอาวุธมากมายหลายแบบให้เราเลือกใช้ตั้งแต่ Longsword, Great Sword, Katana ที่เป็นอาวุธระยะประชิด ส่วนอาวุธระยะไกลจำพวกปืนก็มีทั้ง Pistol, Crossbow, Bow, Canon, Musket ซึ่งน่าแปลกใจที่ เน้นการโจมตีประชิด แต่อาวุธระยะไกลกลับมีให้เลือกใช้งานหลากหลายกว่ามาก
ไอเทมในเกมจะถูกแบ่งระดับออกอย่างชัดเจน เหมือนกับเกม Battle Royale เกมอื่นทั่วไป นั่นคือไล่ไปตั้งแต่สีขาว > ฟ้า > ม่วง > ทอง ซึ่งเราสามารถหาได้จากหลุมไอเทมที่ทำหน้าที่เหมือนกล่อง Loot Box ในเกมอื่น ๆ – ภายในเกมยังมีหน่วยเงินที่เราสามารถนำไปซื้อของได้ เช่นซื้อกระเป๋าขยายช่องเก็บของ และกระเป๋าเก็บอาวุธได้ ทำให้เราพกอาวุธติดตัวได้มากขึ้น
ตัวละครในเกมนี้ ในช่วง Playtest นั้นจะมีทั้งหมด 6 ตัว และแต่ละตัวจะมีหน้าที่และสกิลที่แตกต่างกันไป ใน 1 ตัวละครจะมีสกิล 2 สกิล นั่นคือสกิลแบบกดใช้ และสกิลไม้ตาย ยกตัวอย่างเช่น Viper Ning ตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของเกมก็จะสามารถทำให้คู่ต่อสู้ใช้ยาฟื้นพลังได้ผลน้อยลงและมีไม้ตายเป็นการตรึงศัตรูให้อยู่กับที่ แต่ระหว่างใช้งานสกิล เราก็ไม่สามารถใช้อาวุธได้ด้วยเช่นกัน การออกแบบสกิลตัวละครของเกมนี้จะไปคล้ายกับ Apex Legends ที่ทำให้การเล่นคนเดียวเป็นเรื่องลำบากพอสมควร
การต่อสู้ของเกมนี้จะเน้นไปที่ศึกระยะประชิดมากกว่า เพราะสกิลของแต่ละตัวละครก็เอื้อประโยชน์ให้เน้นต่อสู้กันในระยะประชิด ส่วนอาวุธระยะไกลต้องใช้ทักษะพอสมควร เพราะ Movement ของเหล่าจอมยุทธ์ในเกมที่รวดเร็วและว่องไว การเล็งอาวุธระยะไกลและยิงให้โดนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมนี้มีระบบปีนป่ายแบบไร้ขีดจำกัด นั่นคือเราสามารถปีนป่ายได้ทุกที่ตั้งแต่ภูเขา อาคารบ้านเรือน หรือตึกสูงแค่ไหนก็ปีนได้ แถมไม่ถูกจำกัดด้วยระบบ Stamina แต่อย่างใด ทำให้เกมนี้มีความอิสระในการเล่นโลดโผนสูงมาก และยังสามารถเก็บ Grappling Hook มาใช้ได้ ใครคิดจะเล่นอาวุธระยะไกลในเกมนี้ ต้องมีฝีมือพอตัวเลย
สรุปก็คือ NARAKA Bladepoint เป็นเกมที่เน้นการต่อสู้ในระยะประชิด แถมไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ภูมิประเทศของเกม และเรายังสามารถประยุกต์เกมเพลย์การเล่นให้เข้ากับภูมิประเทศได้ด้วยระบบปีนป่ายและ Grappling Hook เป็น Battle Royale ที่โลดโผนและรวดเร็วมาก ๆ แน่นอนว่าการจะทำให้เกมออกมาดี เซิร์ฟเวอร์เองต้องดีพอที่จะทำให้การต่อสู้ไม่หน่วงหรือดีเลย์ เพราะเน้นการสู้ระยะประชิด ซึ่งทางตัวเกมก็มีเซิร์ฟเวอร์เอเชียมารองรับด้วย ทำให้การเล่นค่อนข้างลื่นไหล
อาวุธเกมนี้มีพัง พังระหว่างสู้ คืองานเข้า
อาวุธทุกประเภทในเกมนี้จะมีค่าความทนทานของมันอยู่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นชัดเจนอยู่ที่มุมขวาล่าง มันจะทำหน้าที่คล้าย ๆ กับการบอกจำนวนกระสุนในเกมอื่น ๆ ซึ่งถ้าเราใช้ไปเรื่อย ๆ แล้วพัง แล้วไม่มีอาวุธศำรองในกระเป๋าอาวุธ เราจะกลายเป็นนักต่อสู้มือเปล่าทันที วิธีการซ่อมแซมอาวุธ คือต้องเก็บไอเทมที่ชื่อ Weapon Chest วิธีการซ่อมอาวุธก็ง่าย ๆ เพียงแค่กด R ตัวละครก็จะทำการซ่อมอาวุธให้เรียบร้อย และนี่คือเหตุผลที่เราควรขยายกระเป๋าเก็บอาวุธด้วย จะได้พกอาวุธติดตัวได้เยอะ ๆ หากมีปัญหา หรือพังระหว่างสู้ขึ้นมา จะได้มีอาวุธสำรองใช้ โดยเราสามารถขยายช่องเก็บอาวุธได้สูงสุดถึง 4 ช่อง นั่นคือเราสามารถพกอาวุธติดตัวไว้ได้สูงสุดถึง 6 ชิ้นด้วยกัน จะถืออาวุธอะไรก็แล้วแต่ผู้เล่นเลยว่า ถนัดอาวุธประเภทไหน
Jade System ระบบหยกติดอาวุธ ช่วยเพิ่มสเตตัสและความสามารถ
หากว่าในเกมอื่นมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมให้กับปืน เกมนี้ก็คือการฝังหยกหรือ Jade กับตัวละครเพื่อเพิ่มค่าสถานะโดยรวมนั่นเอง หยกภายในเกมนี้ก็จะแบ่งระดับเหมือนกับไอเทมชิ้นอื่นคือไล่ตั้งแต่ ขาว > ฟ้า > ม่วง > ทอง และเราหยกแต่ละชิ้นจะบ่งบอกชัดเจนว่าส่งเสริมค่าสถานะอะไรบ้าง มีตั้งแต่หยกที่บวกสเตตัสโดยตรง ไปจนถึงหยกเสริมความพิเศษของอาวุธ เช่น ถ้าเราติดตั้งหยกนี้ อาวุธประเภทธนูจะยิงแรงขึ้น เร็วขึ้น หรือถ้าใช้ปืนพก จะยิงได้ไวขึ้นนั่นเอง โดยตัวละครของเราจะพกหยกได้สูงสุด 4 ชิ้นในตอนแรก แต่สามารถเก็บกระเป๋าขยายช่องได้ กล่าวคือเกมนี้เราจะต้องหากระเป๋าทั้งหมด 3 แบบ นั่นคือกระเป๋าเก็บของทั่วไป กระเป๋าเก็บอาวุธ และกระเป๋าเก็บหยก แต่ก็แล้วแต่ผู้เล่น สำหรับอาวุธถ้ามองว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องหาก็ได้
การปีนป่ายแบบไร้ขีดจำกัด + Grappling Hook
กับเกมอื่น ๆ การเจอภูมิประเทศที่ไม่เป็นใจ อาจจะต้องเดินอ้อม หรือหาพื้นที่เล่นที่ได้เปรียบ แต่ไม่ใช่กับเกมนี้ เพราะเกมนี้ไม่ถูกจำกัดด้วยค่า Stamina และการปีนป่ายสามารถทำได้แทบจะทุกที่ ตัวละครของเราสามารถปีนป่ายได้ทุกที่ ไม่ว่าอาคารจะสูงแค่ไหนก็ตาม และเกมยังมีตัวช่วยนั่นคือ Grappling Hook
Grappling Hook เป็นไอเทมที่หาได้ตามฉากทั่วไป เราสามารถเก็บไว้เท่าไรก็ได้ แต่ถ้าเก็บไว้เยอะเกินมันจะเปลืองช่องเก็บของ ดังนั้นต้องบริหารจัดการช่องเก็บของให้ดี และประโยชน์ของ Grappling Hook คือ ใช้ในการปีนป่าย หรือพุ่งไปยังข้างหน้า โดยเราสามารถยิงมันใส่ต้นไม้ หรือหินผา หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เพื่อพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ และที่เด็ดที่สุดเลยคือ ใช้ตรึงศัตรูแล้วเราพุ่งเข้าไปหาก็ทำได้เช่นกัน
ด้วยระบบการปีนป่ายและ Grappling Hook ทำให้เกมนี้มีอิสระในการเคลื่อนที่และการต่อสู้ที่สูงมาก ผู้พัฒนายังเข้าใจถึงจุดเด่นของระบบนี้ ทำให้บางครั้ง บนยอดหอคอย หรือดาดฟ้าอาคารสูง ๆ จะมีไอเทมลับระดับสูงซ่อนเอาไว้อยู่ด้วย เช่นป้อมหน้าไม้ขนาดยักษ์ที่มีพลังโจมตีสูงมาก เอาไว้ดักโจมตีศัตรูจากที่สูง หรือให้คนที่เล่นอาวุธระยะไกลไปดักโจมตีจากด้านบนก็สามารถทำได้เช่นกัน ถือเป็นการออกแบบเกมที่น่าสนใจสำหรับ Battle Royale
ตายแล้ววิ่งไปหาจุดเกิดเองได้ ไม่ต้องง้อเพื่อนร่วมทีม
เป็นอีกหนึ่งความแหวกแนว ปกติแล้วเกมอื่น หากเราพลาดท่าตาย ก็ยังมีการให้เพื่อนไปเก็บของที่ศพเราแล้วไปหาจุดชุบ แต่กับเกมนี้เราสามารถวิ่งไปหาจุดเกิดเองได้เลย โดยไม่ต้องง้อเพื่อนร่วมทีมให้มาช่วย แต่จะทำได้เพียง 1 รอบ / 1 เกมเท่านั้น
เมื่อเราตายแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าจะรอเพื่อนมาชอบก่อนหรือไม่ หรือจะยอมตายกลายร่างเป็นวิญญาณไปเลย เมื่อเราเข้าสู่สถานะร่างวิญญาณ เราจะวิ่งได้เร็วขึ้นและกระโดดได้สูงขึ้น รวมไปถึงไม่ตกเป็นเป้าโจมตี และเรามีเวลา 3 นาทีในการวิ่งหาแท่นดอกบัวเพื่อกดชุบชีวิตตัวเอง ซึ่งแท่นดอกบัวจะเป็นสัญลักษณ์อยู่ในแผนที่ มีอยู่รอบ ๆ ฉาก
ด้วยระบบนี้ทำให้เราสามารถพลิกแพลงการเล่นได้หลากหลาย หากตายแล้วเพื่อนสู้ไหว ก็ยังไม่ต้องเข้าร่างวิญญาณหรือถ้าคิดว่าถอยดีกว่า ก็กลายเป็นร่างวิญญาณแล้วไปชุบตัวเอง แล้วค่อยกลับมาหาเพื่อน โดยเน้นการสื่อสารให้ดี ทำให้เกิดเทคนิคการเล่นใหม่ ๆ อีกมากมาย
NARAKA Bladepoint เป็นอีกหนึ่งเกม Battle Royale ที่น่าจับตามองมาก ๆ ณ ตอนนี้ปัญหาในช่วง Playtest หลัก ๆ ของมันคือการ Optimize ที่ดูเหมือนจะยังไม่ดีพอ ทำให้การเล่นยังมีช่วงกระตุก หรือเฟรมเรทตกอยู่บ้าง แต่ปัญหาด้านการเชื่อมต่อนับว่าทำดีใช้ได้ แต่ต้องรอดูกันว่า NARAKA Bladepoint จะเข้ามาชิงพื้นที่ของเกม Battle Royale ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อตอนนี้มีคนยึดบัลลังก์ไว้แล้วหลายเกม
ตัวเกมจริงจะเปิดให้เล่นตอนไหนยังไม่มีใครทราบ และยังไม่รู้ว่าด้วยว่าจะเป็นเกมแบบ Free to Play หรือเสียเงินซื้อในตอนนี้