เกมเมอร์แต่ละคนจะมีแผนที่ Multiplayer ในดวงใจไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากถามแผนที่ Call of Duty ตัวไหนที่มีคนทั้งรักทั้งเกลียด คงไม่มีทางหนีพ้น Shipment จุดวางตู้คอนเทนเนอร์ ที่จู่ ๆ กลายเป็นสนามรบจิ๋วที่วุ่นวายตั้งแต่วินาทีแรก หลังมีคนยิงปืนนัดแรก
รู้จัก Shipment สนามรบเล็ก ๆ ในจุดวางตู้คอนเทนเนอร์
แผนที่ต่าง ๆ สำหรับโหมด Multiplayer ของ Call of Duty จะมีความหลากหลาย ตั้งแต่แผนที่ขนาดเล็ก เน้นให้เจอปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่ายอย่างรวดเร็ว, แผนที่ขนาดกลาง ที่มีทั้งจุดสำหรับการต่อสู้ระยะใกล้ กลาง กับไกล และแผนที่ขนาดใหญ่มโหฬาร ซึ่งถูกนำไปใช้กับโหมด Ground War หรือ Warzone
แต่หากพูดถึงแผนที่ที่มีขนาดเล็กที่สุดของซีรีส์ Call of Duty อย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น Shipment แผนที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีจุดกำบังเป็นตู้คอนเทนเนอร์เพียงไม่กี่ตู้ และไม่มีโซนไหนที่ปลอดภัย ถ้าหากเปรียบเทียบความเล็กระหว่างแผนที่ Shipment กับ Rust หรือ Kill House แน่นอนว่า Rust จะกลายเป็นแผนที่ที่ดูกว้างใหญ่ทันที
แน่นอนว่าจุดเด่นของ Shipment คือแผนที่มีตู้คอนเทนเนอร์วางห่างเท่ากันตรงกลางจำนวน 4 ตู้ ที่ทุกเส้นทางสามารถเดินไปตรงกลางของแผนที่ได้ โดยแต่ละฝั่ง ล้วนมีตู้คอนเทนเนอร์สามารถใช้เป็นที่กำบังกระสุน และหลบเข้าไปซ่อนตัวโดยมีประตูทางเข้าทางเดียว หรือเดินทะลุไปได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ค่อยสามารถใช้ประโยชน์ได้เท่าไหร่ เพราะสุดท้าย ผู้เล่นมักจะต้องตาย เพราะโดนฝ่ายตรงข้ามรุมยิง ไม่ก็โดนรุมปาระเบิดใส่จนไม่สามารถหลบหนีได้อยู่ดี
แม้เกมเมอร์บางคนแสดงความคิดเห็นว่า Shipment เป็นแผนที่ที่ออกแบบมาอย่างสิ้นคิด แต่สุดท้าย แผนที่ดังกล่าวก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนถูกนำไป Reimagine ใหม่ หรือนำกลับมาในเกม Call of Duty หลายภาค ซึ่งล่าสุด Modern Warfare II ก็เพิ่งเปิดให้เล่นแผนที่ Shipment อย่างเป็นทางการ โดยดีไซน์ไม่มีการปรับเปลี่ยนจากภาค Modern Warfare (2019) มากนัก
Shipment แผนที่ที่ชาว Call of Duty ทั้งรักทั้งเกลียด
แม้ Shipment จะได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟน ๆ แต่แน่นอน ไม่ใช่ว่าชาวเกมเมอร์ทุกคนจะมีความคิดเห็นตรงกันว่ามันเป็น “แผนที่ที่ดีที่สุด” ในซีรีส์ Call of Duty
ด้วยแผนที่ Shipment มีขนาดเล็กมาก ๆ ทำให้ทุกโซนของสนามรบเป็น “ลานประหาร” ที่ไม่มีใครปลอดภัย โดยเกมเมอร์บางคนวิจารณ์ว่า Shipment เป็นแผนที่สำหรับคนชอบยำผู้เล่นอื่นให้จมดิน จนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ เพราะจุดเกิดของแผนที่นี้จัดว่าอยู่ในเข้าขั้นเลวร้าย ซึ่งมีโอกาสหลายครั้งที่เกิดใหม่ไม่ถึง 3 วินาที ก็ต้องถูกยิงตายทันที
นอกจากนี้ Shipment เป็นแผนที่ที่เต็มไปด้วยความโกลาหล มีจุดสำหรับที่กำบังกระสุน หรือจุดสำหรับขอเวลาพักหายใจน้อยมาก จึงมีโอกาส 100% ที่โดนโจมตีแบบทั่วทิศทาง 360 องศา
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ Shipment จะเป็นที่หลงรักสำหรับใครบางคน เพราะด้วยความเล็กของแผนที่ ทำให้เกมเมอร์สามารถปะทะกับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องจากไม่มีพื้นที่ที่ปลอดภัย ผู้เล่นจึงไม่สามารถตั้งแคมป์ดักยิงได้นานมากนัก
นอกจากนี้ ถ้าหากสามารถเอาตัวรอดได้นานมากพอ (ซึ่งต้องอาศัยเรื่องโชคด้วย) จนใช้ Killstreak ระดับสูงได้ เช่น VTOL Jet, Chopper Gunner หรือ Gunship ได้ ก็แทบการันตีได้ว่าทีมของคุณจะเป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอย เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาสำหรับการกำจัด Killstreak ทางอากาศ เนื่องจากต้องกำจัดศัตรูทางบกด้วย
ถึงอย่างนั้น เราคิดว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่หลายคนชื่นชอบ Shipment เพราะเกมเมอร์สามารถสังหารศัตรูได้เป็นจำนวนมากในโหมดเกม Domination กับ Hardpoint ซึ่งไม่ใช่โหมดที่วัดแพ้ชนะด้วยจำนวน Kill จึงเป็นแผนที่ที่เหมาะสำหรับการฟาร์มเลเวลปืน ค่าประสบการณ์ และสถิติสำหรับการปลดล็อกป้าย Callsign หรือ Emblem เท่ ๆ มาใช้งาน
แม้ Shipment เป็นแผนที่ที่มีข้อเสียอย่างไม่ต้องสงสัย หรือสามารถบอกได้ว่าเป็นแผนที่ที่ออกแบบโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดมากนัก แต่แน่นอน “ความสนุกสนาน” คือสิ่งแรกที่หลายคนคาดหวังจากการเล่น Call of Duty ถ้าหากแผนที่ Shipment สามารถตอบโจทย์ให้กับแฟน ๆ ได้ นั่นก็หมายความว่าแผนที่ Shipment ได้ประสบความสำเร็จในตัวของมันแล้ว